- 28 พ.ค. 2561
เปิด 73คำสอนของพุทธะอิสระ ยึดตามแนวทางพระพุทธศาสนา สามารถพิสูจน์ได้
สังคมไทยรู้จัก”หลวงปู่พุทธะอิสระ”อย่างกว้างขวางก็เมื่อครั้งที่ขึ้นเวทีแกนนำการชุมนุมกปปส. เมื่อปี57 บริเวณพื้นที่การชุมนุมเวทีแจ้งวัฒนะ จนได้รับสมญานามว่า “พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ” ซึ่งในขณะมีอายุประมาณ58ปี แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า”หลวงปู่พุทธะอิสระ” ก่อนที่จะเข้าร่วมชุมนุม เคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนั้น แต่เป็นรู้กันดี ในฐานะพระรูปหนึ่ง ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตามความเชื่อของคนไทยหลายคนยกย่องให้ว่า “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ รูปหนึ่ง จึงไม่แปลกที่จะปรากฏภาพของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พี่น้อง 3ป.แห่งบูรพาพยัคฆ์เท่านั้น
ขนาด “ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกฯยังเคยเข้าพบกราาบไหว้เลย ไม่เชื่อลองดูภาพกันจะๆ
หากพิจารณาจากคำสอนของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แล้วพิสูจน์ให้เห็นถึงความลึกซึ้ง ในความเข้าใจในหลักของพระพุทธศาสนา สมกับผู้ที่ปวารณาบำเพ็ญคุณธรรมแห่งพระโพธิสัตว์ ลองไตร่ตรอง พิจารณาจาก74 “ธรรมะ..หลวงปู่พุทธะอิสระ”
1.พระสติ……เป็นอำนาจอันสำคัญ………เป็นกำลังอันยิ่งใหญ่……….
ดลบันดาลให้เรา……… มีชีวิตยืนยาวและเกริกไกร………….
2.เมื่อไม่รู้จักตัวเอง………ทุกสรรพสิ่งย่อมเกิด……….
เมื่อใดรู้จักตนเอง……..ทุกสรรพสิ่งย่อมไม่มี……..
3.จงใช้ชีวิต วิญญาณของท่าน……..ด้วยความประหยัดสูง……….
ต่อเครื่องใช้ทุกสรรพสิ่ง……………
และเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์สุด………
4.ลูกต้องถือเสมือนว่า………. งานที่เกิดแก่ลูก……….
คือความไว้วางใจที่โลกและสังคม……….
ได้ให้โอกาสแก่เราที่จะเรียนรู้………
และฝึกฝนตนเอง……….
5.ทุกสิ่งในชีวิตของลูก………….ลูกกำหนดได้…………
แม้แต่สิ่งที่เรียกว่า………….
อดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต………….
6.ความสำเร็จที่แท้จริง………..จะเกิดขึ้นจาก…………
ความเพียรพยายาม………อดทน อดกลั้น………..
จริงจัง และ ตั้งใจ……….
7.การที่ลูกยอมให้พลังงาน……….และกาลเวลาสูญเสียไป……….
ผลที่ได้รับ คือ………..
ความรู้สึกว่างเปล่าต่อการมีชีวิต………….
8.ถ้าใจสะอาด ใจดี…………ใจปกติ ใจถูกต้อง………..
ใจรู้อะไรที่เป็นจริงของโลก………..
ศีลกี่ข้อก็รักษาได้……….
9.เมื่อใดที่ท้องฟ้ามืดมิด………..เจ้าอย่าได้คิดว่าพระอาทิตย์ไม่มี………
คราใดที่ท้องฟ้าไม่แจ่มใส…………
เจ้าอย่าเข้าใจว่าดวงจันทร์ได้หายไป………….
10.เจ้าจงทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง………..
และให้รู้แจ้งในหน้าที่ที่เจ้าทำ………..
สุดท้าย……อย่ายึดติดในหน้าที่……….
นี่คือ”พุทธะ”………..
11.”สมาธิ” คือ การจัดระเบียบของสภาวะจิต………….
ให้เป็นระบบของความคิด……….
จนสามารถทำกิจกรรมต่างๆ…………
ได้อย่างไม่สับสน……….
12.คนเรียนไม่ใช่คนรู้………….คนรู้ก็ไม่ใช่ได้มาจากการเรียน…………
แต่ได้มาจากการฝึกหัดปฏิบัติตน…………..
13.ลมหายใจ…….ที่เข้าและออก…………
จะต้องเป็นไปเพื่อการเรียนรู้………….
ให้ความตั้งมั่น ให้ความสำเร็จ…………
ให้ความสงบ และ ให้ความสุข…………
14.”อริยชน “นั้น……..เขาจะไม่ตัดสิน……….อะไรถูก อะไรผิด………….
แต่เขาจักรู้ว่า……….ควรจะทำอย่างไรกับทั้งสองสิ่งนั้น………….
15.เป็นคนจริง ทำเรื่องจริง……….ยอมรับความจริง………….
รู้จริงในสิ่งที่เป็นเรื่องจริง…………
นั่นแหละดีจริง………..
16.มีชีวิตเพื่อเข้าใจสรรพสิ่ง………เป็นยอดของชีวิต…………
มีชีวิตเพื่อทำลายสรรพสิ่ง……..เลวชีวิต…………
17.ทุกสรรพสิ่งในโลก………..เกิดขึ้นในเบื้องต้น………….
ตั้งอยู่ในท่ามกลาง……….
แล้วก็แตกสลายในที่สุด……….
แม้แต่ตัวเจ้า………..
18.ลูกรัก……...สำหรับพ่อแล้ว คำว่า “ศาสนา”………..
มิใช่กฎเกณฑ์ กติกา ระเบียบ แบบแผน ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี………
หรือ ความดี กับ ความชั่ว………
ศาสนา……มิใช่การทำตัวให้ไปอยู่กับพระเจ้า หรือเป็นบ่าวของพรหม………..
ศาสนา…….มิใช่เพียงแค่ทำตัวให้เป็นที่นิยม ยอมรับ หรือ ปฏิเสธ…………
พ่อคิดว่า “ศาสนา” คือ ที่มาของคำว่า “ดับและเย็น” เท่านั้น……….
19.ลูกรัก……..ศาสนานี้ เขามิได้มีไว้สอนคนดี แต่มีเอาไว้มุ่งสอน…………
คนที่เพียรพยายามจะทำดี ให้เป็นผู้ดี………..
และส่งเสริมคนดี ให้ดียิ่งยิ่งขึ้นไป……….
20.ลูกรัก………สำหรับพ่อแล้ว
คำว่า”ธรรม” หมายถึง ธรรมชาติแท้ของจิตวิญญาณ………..
ที่จะเกิดขึ้นและมีต่อประสบการณ์ของการเรียนรู้………..
“ธรรมะก็คือ ธรรมชาติ”…….ธรรมชาติที่ซึมสิงอยู่ในทุกสิ่ง…………..
ของทุกสภาวะ ทุกสรรพสัตว์ ทุกสรรพชีวิต……….
ธรรมชาติที่เป็นหลักการของความเป็นจริง………….
ที่ไม่มีผู้ใด จะสามารถปฏิเสธมันได้………..
รวมไปถึงธรรมชาติของประสบการณ์แห่งจิตวิญญาณ…………..
เหล่านี้ เรียกรวมว่า “ธรรมะ”……….
21.ลูกรัก..รากเหง้าของศีลธรรม จริยธรรมและพระบริสุทธิธรรม…
คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน
22.ลูกรัก
”สมาธิ” เป็นพลังของพฤติกรรม ความตั้งมั่น ความระลึกรู้เป็นผู้ช่วย
ช่วยสนับสนุนพฤติกรรม ความใคร่ครวญไตร่ตรอง………..
เป็นเครื่องรองรับพฤติกรรม ความมีคุณ มีประโยชน์………..
เป็นสาระ ปราศจากโทษของพฤติกรรมและชีวิต……….
23.ลูกรัก
ความมานะ ความถือตัวถือตนของผู้เป็นมหาเปรียญและเกียรติยศ........
ศักดิ์ศรีของคนที่จะมาเป็นศิษย์ของพ่อ สิ่งเหล่านี้มันเป็นตัวกางกั้น………..
ขัดขวางความดี ขัดขวางปัญญา ที่จะหยั่งรู้ในสรรพวิทยาทั้งปวง………..
และสิ่งที่สานุศิษย์ของพ่อควรจะมี ก็คือ “ความอ่อนน้อมถ่อมตน …………
พึ่งตนเองได้ และ ทำตนให้เป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่นได้…………
24.ลูกรัก
……….สำหรับคนที่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องอบรมสั่งสอนมาก…………
เพราะจะไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน…………
แต่สำหรับคนที่ยังไม่ดี คนเหล่านี้ ถ้าจะไปอยู่ที่ไหน………….
อาจจะทำให้ใครๆได้รับความเดือดร้อน…………..
จึงจำเป็นที่พ่อจะต้องหัด ดัดกาย วาจา ใจ ขยำขยี้ เพื่อจะขจัด ตัดแต่ง
ส่วนที่ไม่ดี ในตัวตนให้หมดสิ้นไป เมื่อจะไปอยู่ที่ใด………..
นอกจากจะไม่ทำให้ใครใครเดือดร้อนแล้ว ยังสามารถทำสาระประโยชน์ให้แก่คนทั้งหลายและสังคม…………
คนดี100คน จะไปอยู่ในที่ใดๆ ก็ไม่มีใครเดือดร้อน…………
คนไม่ดี1คน ไปปะปนกับคนดี อาจทำให้คนดีทั้ง100เดือดร้อนได้…………
25.ลูกรัก………อำนาจของป่า และ วิธีเอาชนะอำนาจของป่า…………..
อำนาจของป่า ก็คือ ความเงียบและความมืด…………..
วิธีเอาชนะอำนาจของป่า…………
ก็คือ ต้องสงบจิต สยบอารมณ์ของตนให้เงียบยิ่งกว่าป่าที่เงียบแล้ว……….
เมื่อสยบอารมณ์ สงบจิตแล้ว ความสว่างก็จะปรากฏขึ้นแก่จิตเอง………..
จึงจะสามารถเอาชนะความมืดของป่าได้…………
ผู้ที่เอาชนะอำนาจของป่าได้ ย่อมมีอิสระเสรีภาพ………….
เป็นหนึ่งเดียวกับป่า เป็นส่วนหนึ่งของป่า…………
และป่าก็จะดูแลรักษาเรา ให้อยู่รอดปลอดภัย จากความทุกข์เดือดร้อนทั้งปวง……….
ก่อนนอนให้สวดมนต์และแผ่เมตตา……………
ให้นอนภาวนาว่า “ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข” จนกว่าจะหลับไปเอง……….
26.ลูกรัก………..สิ่งที่มีค่าที่สุด มิใช่แก้วแหวนเงินทอง หรือ เพชรนิลจินดา…………
แต่เป็น “เวลา”ต่างหาก…………..
เหตุเป็นเพราะ แก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา สูญหายยังหาใหม่ได้…………
แต่”เวลา”ที่สูญเสียไป เราเรียกคืนมาไม่ได้………….
เหตุนี้ ผู้มีปัญญา จะต้องบริหารเวลาให้เป็น………….
จึงจะถือว่า มีกำไร ในการดำรงชีวิต…………..
27.ลูกรัก…………พลังแห่งความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ…………….
เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ย่อมยังให้สำเร็จประโยชน์ทั้งปวง………….
28..ลูกรัก……….”ศีล”มี2ชนิด คือศีลปริยัติและศีลปฏิบัติ………….
ศีลปริยัติ คือ ศีลที่ท่องจำ เรียนรู้จากนักบวชที่เป็นผู้สอน……….
ศีลปฏิบัติ คือ ความละอายชั่ว กลัวบาป ซึ่งมีอยู่ในกมลสันดาน………..
และจิตวิญญาณของตน ถ้าบุคคลใดมีความละอายชั่ว………….
เขาจะไม่กล้า แม้แต่จะคิดเบียดเบียนตนและคนอื่นให้เดือดร้อน…………
ไม่กล้าที่จะล่วงเกิน กล่าวร้ายให้บุคคลใด ให้เกิดความเสียหาย…………
สรุปรวมความก็คือ ผู้มีศีล คือผู้เคารพ ยอมรับในสิทธิ์ของกันและกัน………….
อย่างถูกต้อง ถ่องแท้ ผู้มีความละอายชั่ว กลัวบาป………..
คือ ผู้ที่ไม่คิดที่จะละเมิดในศีลข้อใดๆได้เลย…………..
29.ลูกรัก…………ขอให้รักษาจริยาของสมณะ ซึ่งแปลว่า ผู้สงบ………….
โดยเพียรพยายามรักษาจิตของตน…………
ให้พ้นจากเครื่องเศร้าหมอง………….
30.ลูกรัก………….ถ้าเป็นนักบวช แล้วไม่ทำหน้าที่ของนักบวช………..
อยู่ไปก็จะได้ชื่อว่า เป็นกบฏ ทรยศต่ออุดมการณ์ของพระพุทธเจ้า…………
พระศาสนา และ ตัวเอง…………
แล้วถ้านักบวชรูปใด กระทำตัวเลวร้ายเช่นนี้………….
ก็ไม่ควรที่จะเอาเปรียบชาวบ้าน…………..
โดยมือตีนยังดี ร่างกายยังแข็งแรง……………..
แต่มานั่งคุยนอนคุย ให้ชาวบ้านเขาเลี้ยง มันจะเป็นบาปนัก……….
ท่านเคยสอนว่า นักบวชที่ไม่ดีพวกนี้ เขาเรียกว่านักบวชโรคเรื้อน………….
ขณะที่มีชีวิตอยู่ ก็จะหาความสงบสุขมิได้…………
ครั้นเมื่อตายไปแล้ว ก็จะตกนรกหมกไหม้ เมื่อฟื้นจากนรกขุมนั้น…………
แล้วก็จะเกิดเป็นเปรต มีเครื่องนุ่งห่มเป็นเพลิงกรดที่ร้อนแรง……….
เปรตนั้นจะโดนเผาไหม้อยู่เป็นนิจ จนกว่าจะหมดกรรมอันหนัก………..
ครั้นหมดจากอัตภาพกรรมหนักนั้นแล้ว………….
ก็จะมาเกิดเป็นควายไถนา ใช้หนี้ชาวบ้านเขา จนกว่าจะตายไป………
แล้วถ้ามีบุญติดตัวอยู่บ้าง ก็จะมีโอกาสเกิดเป็นคน แต่อยู่ในสภาพเข็ญใจ………..
อดอยากคับแค้น ขาดปัญญา โดนผู้อื่นล่อลวง หลอกใช้จนตาย……….
อย่าอยู่เพื่อจะทำตัวให้ชาวบ้านไหว้ แต่จงอยู่เพื่อจะไหว้ตนเองได้อย่างสนิทใจ……..
31.ลูกรัก………อาหารมื้อเช้า เป็นมื้อที่สำคัญยิ่ง………………
เพราะร่างกายต้องการพลังงานจากอาหารมื้อแรกของวันใหม่อย่างมาก………..
เมื่อลูกไม่กินอาหาร แต่ดันไปกินสารที่เป็นพิษเข้าไป สะสมนานๆเข้า จะเป็นโทษแก่ร่างกาย…….
อาจจะทำให้เป็นโรคกระเพาะ โรคลำไส้ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน………….
พร้อมโรคอ่อนเพลียเพราะขาดอาหารได้ อาจจะทำให้สมองเสื่อม ความจำเสื่อม……..
หลงลืมง่าย และจะยังมีอีกหลายโรคตามมา…………
32.ลูกรัก……….การบำเพ็ญบุญ ควรอธิษฐานว่า “ไม่ว่าข้าจะเกิดในชาติใด อยู่ในที่ไหน……..
จงอย่าได้ประสบพบกับคำว่า ไม่มี”………….
33.ลูกรัก……….การเดินจงกรม โดยตั้งจิตให้ความรู้สึกอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง…………
เมื่อจะก้าวเท้าไหน ก็ให้ระลึกรู้อยู่ที่เท้านั้น………
การเดินแบบธรรมดา โดยมิต้องย่อง แต่ให้ส่งความรู้สึกลึกๆลงไปในกาย………….
34.ลูกรัก……….การนั่งสมาธิ ให้ส่งความรู้สึกเข้าไปสำรวจโครงสร้างภายในกาย………..
โดยสำรวจ ตั้งแต่กะโหลกศีรษะ………….
เรื่อยลงมา จนถึงกระดูกสันหลังทุกข้อ พร้อมกับสำรวจกระดูกซี่โครง มือ ขา และเท้า……..
ด้วยวิธีที่ส่งความรู้สึกนึกคิดทั้งปวงของเรา เข้าไปสำรวจโครงสร้างในร่างกาย…………
ถ้าเราทำได้ มันจะเป็นหนทางให้จิตตั้งมั่นได้ง่าย………….
และเมื่อเราสำรวจถึงกระดูกส่วนไหน เราจะรู้สึกว่า มีพลังปราณ แล่นไหลไปในกระดูกส่วนนั้น………
มันจะทำให้เรารู้สึกโปร่ง เบา สบาย ส่วนใดที่ปวดเมื่อย หรือขัดยอกเจ็บปวด………….
ก็จะบรรเทา เบาบางลง และหายในที่สุด………….
วิธีนี้โบราณเขาเรียก “วิธีย้ายเส้นเอ็น”…………
35.ลูกรัก………การนั่งสมาธิแบบวิธีย้ายเส้นเอ็น ให้สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ง่วงเหงาหาวนอน……….
ที่เป็นการแสดงออกของความอ่อนแอและเป็นทาส ให้หลุดออกไปจากตัวเรา……….
จงอย่าปล่อยให้มารหรือซาตานใดๆ มามีอำนาจครอบงำเรา……….
จงขับไล่และทำลายเครื่องกางกั้นระหว่างเรากับคุณวิเศษและความดีนั่นเสีย……….
ด้วยความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด อย่างผู้รู้ ผู้ตื่น แล้วจิตวิญญาณของเรา………….
ก็จะเข้าถึงถึงความเบิกบาน แช่มชื่น………
36.ลูกรัก………ความนอบน้อมสูงสุด จะเกิดขึ้นได้กับผู้ที่ได้เห็นธรรมเท่านั้น…….
37.ลูกรัก………การให้ทานในของที่เป็นเลิศ ย่อมเป็นผู้ได้รับผลอันเลิศ…………..
ย่อมมียศอันเลิศ มีเกียรติคุณอันเลิศ มีชัยชนะที่เลิศ มีทรัพย์อันเลิศ……….
มีตบะที่เลิศ มีปัญญาอันเลิศ ขอลูกๆทั้งหลาย จงถึงซึ่งความเป็นผู้เลิศ……..
ในความเป็นเลิศทั้งหลายนี้ด้วยเถิด…………
38.ลูกรัก……….ขอขอบใจที่พากันมาอวยพรวันเกิดในวันนี้ ที่จริงไม่น่าจะต้องลำบาก……….
และสิ้นเปลือง สำหรับพระพุทธะแล้ว ชาวพุทธบริษัท การเกิดเป็นเหตุแห่งทุกข์………
เพราะเมื่อมีเกิด ก็ต้องมีแก่ มีเจ็บ และมีตาย เหล่านี้เป็นความทุกข์เดือดร้อนทั้งนั้น……….
ผู้ที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็จะพากันปลาบปลื้มใจ เมื่อถึงวันเกิด พร้อมกับฉลองยินดี………….
ที่ได้เกิดมารับทุกข์ แต่สำหรับพ่อแล้ว ถ้าจะมีผู้ถามว่าวันเกิดต้องการอะไร……….
พ่อก็จะตอบว่า ต้องการอยู่เงียบๆ เพื่อจะใช้เวลาใคร่ครวญพิจารณา………..
ว่าชีวิตที่ผ่านมา พ่อได้ทำอะไรบ้าง การกระทำนั้นๆมีสาระ หรือไร้สาระ……….
ถ้ามี ก็จงทำต่อไป แต่ถ้าไม่มี จงหยุดเสีย พร้อมกับเพียรพยายามหาวิธี………..
ที่จะสร้างสาระและประโยชน์ต่อตนและคนอื่นให้ได้…………
39.ลูกรัก……….สมมุติว่าพ่อมีลูกแล้ว ลูกพ่อมีโอกาสเป็นผู้เจริญในธรรมของพระพุทธเจ้า………..
เป็นผู้ประกาศพระศาสนา เป็นผู้รักษาอุดมการณ์ของพระศาสดา……….
เป็นผู้นำทางวิญญาณของมหาชนทั้งหลาย ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร ทุ่มเทสักขนาดไหน………..
พ่อก็พร้อม ที่จะให้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิต เพราะพ่อคิดว่าลูกพ่อ อาจจะพาพ่อ ……….
ให้เข้าไป ในวิถีประเสริฐ แห่งการได้เกิดมาเป็นคน………
40.ลูกรัก………..ชั่วชีวิตของพ่อ ลูกก็คงจะรู้ดีว่า ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง………..
พ่อจะเป็นอยู่อย่างภาคภูมิและมั่นใจเสมอ…………
เพราะพ่อไม่เคย ที่จะไม่ซื่อตรงต่อตนและคนอื่น………
41.ลูกรัก………..เมื่อไม่ได้เป็นคนสร้างให้พระศาสนานี้เกิดขึ้น…………..
ก็จงอย่ามาทำลาย ทุกครั้งที่ออกไปสู่สังคมหรืออยู่กับตนเอง………..
จงสำนึกเสมอว่า เราเป็นผู้สืบทอดอายุขัยพระศาสนา…………..
42.ลูกรัก………โถ ช่างน่าสงสารธรรมชาติเสียจริงๆ คนนี่มันพยายามทำตนเนรคุณ………..
แก่ธรรมชาติ ที่เปรียบเสมือนมารดาบิดา ที่มีอุปการะต่อชีวิตของสรรพสัตว์………..
และตัวคนเอง ดูช่างไม่มีเมตตาเอาเสียเลย………….
43.ลูกรัก……….พลังและอำนาจของป่า คือ ความมืดและความสงบ …………..
ถ้าต้องการเอาชนะอำนาจและพลังของป่า…………
เราทั้งหลาย ก็ต้องสยบความวุ่นวายภายในใจ ให้กลายเป็นความสว่างแห่งจิต………..
ทำได้ดังนี้ เราก็จะอยู่ในป่าได้ ดังประหนึ่งอยู่ในบ้าน………..
44.ลูกรัก………..ดีแล้ว คิดถูกแล้ว คนเรามีชีวิตอยู่ ก็เพียงแค่กินอิ่ม นอนให้หลับ……….
แล้วก็ทำสาระให้ได้ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว…………
45.ลูกรัก……..ความเห็นของพ่อมีว่า…………….
ถ้าความศักดิ์สิทธิ์ของดิน น้ำ ลม ไฟ และ ฟ้ามีอยู่จริง…………
พ่อก็คิดว่า นกที่บินอยู่บนฟ้า……….ปลาที่อยู่ในน้ำ……………..
สัตว์ที่อยู่ในดิน…………มันคงจะไม่ลำบากขนาดนี้แน่…………….
46.สรรพสิ่งเริ่มประปราย……………ดารารายเปลี่ยนวิถี………………
ทะเลลึกเนิ่นนานปี………………มาบัดนี้กลายเป็นสูง……………..
ลูกรัก…….”ถ้ำไก่หล่น” อยู่ในเขตพื้นที่ บ้านหนองกระทุ่ม
หมู่ที่6 ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
เป็นสถานที่ที่มีอานุภาพ มีพลังจากธรรมชาติเป็นจุดศูนย์รวมของพลังจักรวาล
มีองค์ประกอบครบทั้ง5 คือ มีภูเขา มีถ้ำ มีป่า มีน้ำ(เขื่อน)
มีฟ้า(เพดานกลางถ้ำเป็นปล่องมองทะลุไปยังท้องฟ้า)
และถ้ำแห่งนี้เคยมีพระโพธิสัตว์มาพำนักแล้วถึง5พระองค์ ที่นี่เคยเป็นทะเลมาก่อน……..
47.คำถาม 5 ข้อ ที่เป็นข้อห้ามในอันที่จะกราบเรียนถามหลวงปู่ฯ คือ…………..
1)ท่านชื่ออะไร…….2)เป็นลูกหลานตระกูลไหน?…………3)มาจากไหน?……….
4)อายุเท่าไร?………….5)บวชแล้วกี่พรรษา?………….
หลวงปู่ฯจะเหน็บแนมผู้ตั้งคำถามเหล่านี้ได้อย่างฉกาจฉกรรจ์นักว่า
“***ถามแล้ว มันทำให้***ฉลาดหลักแหลมขึ้นมาได้มั๊ย”……คำถามที่ไร้สาระ
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หลวงปู่ฯจะไม่ตอบ แถมโดนด่าอีกต่างหาก……..
48.ลูกรัก……….ขอให้ลูกหลานมีความรัก ความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
รู้จักเสียสละแบ่งปัน เอื้ออาทร ให้ทุกคนรักกันดั่งรักอวัยวะ แขน ขา ตัว ตีน ตูด ของตนเอง
ไม่ใช่รักกันดั่งพี่น้อง เพราะพี่น้องสมัยนี้ยังฆ่าฟันกันได้ด้วยผลประโยชน์
แต่ถ้ารักกันดั่งอวัยวะของตัวเอง ไม่มีใครกล้าที่จะตัด แขน ขา ของตัวเองทิ้ง…………
49.ลูกรัก……….ให้ใช้สมมุติ ยอมรับสมมุติ ให้เกียรติสมมุติ……………..
ให้ประโยชน์กับสมมุติ ได้ประโยชน์จากสมมุติ…………..
สุดท้าย……..อย่ายึดติดในสมมุติ…………….
50.ลูกรัก…………กิจกรรมต่างๆที่พ่อให้ลูกหลานทำขึ้นมานี้
ไม่ได้มุ่งหวังผลตอบแทนสิ่งใด มากไปกว่าความต้องการ
ฝึกหัด ดัดกาย วาจา ใจ ให้สะอาด สว่าง สงบ และให้ประโยชน์แม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันสืบไป……………
51.ลูกรัก…………สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ……….เรื่องที่ยากที่สุด สร้างมิตรแท้………..
แต่ที่แน่ๆ ชีวิตไม่แย่ แต่มีอิสระ………นั้นคือ…………………
ธรรมะที่มีอยู่ใน พระองค์หนึ่ง……………………
52.ลูกรัก…………สำหรับบุคคลที่เป็นมิตรและศัตรู………………….
ถ้าจะให้พ่อเลือกอยู่และพูดคุย…………………
พ่อจะเลือกอยู่กับศัตรู……….เพราะมันสามารถปลุกพ่อ…………….
ให้ตื่น อยู่ได้ตลอดทุกขณะ………………
53.ลูกรัก………จงสงบจิตวิญญาณของตนเอง………………
และจงหยุด สงบ เมื่อมีโอกาส……………….
นี่คือ หนึ่งในการมีชีวิตอยู่อย่างมีสาระ…………..
54.ลูกรัก……….จิต มันมีความรวดเร็วและมีพลังมาก…………….
และผลของการทำจิตให้”นิ่ง”และเป็น”สมาธิ” จะมีผลที่เกิดขึ้นมากมาย…………
รวมไปถึง ระบบของร่างกายของเราด้วย ………จะทำให้สดชื่นแจ่มใส…………….
กระปรี้กระเปร่า และมีพลัง ฯลฯ…………….
55.ลูกรัก………….ถ้าจิตของเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว………………
มันจะมีพลังมหาศาล………และถ้าฝึกนำให้กายกับจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้…………
มันจะเป็นสิ่งที่สุดยอดอย่างหนึ่ง………..ซึ่งเราสามารถจะนำมันมาใช้…………
ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว…………
56.ลูกรัก……….กาแลคซี่ในจักรวาลนั้น มันไม่สามารถคาดเดาหรือคำนวณได้………
จากเพียงแค่เซลล์ในร่างกายของมนุษย์………..เหตุเพราะสภาพกาแลคซี่จริงๆนั้น……….
มันไม่ได้จบสิ้น จากการนับจำนวนได้……….มันยิ่งใหญ่กว้างขวาง………………
และบรรจุข้อมูลอันหนาแน่น ต่อเนื่องมาเป็นพันล้านปีแสง…………….
เพราะฉะนั้น อายุขัยของกาแลคซี่แต่ละกลุ่ม………….ก็ย่อมแตกต่างกัน……………
มันรวมไปถึง การแตกต่างกัน ของจำนวนกลุ่มดาวในกาแลคซี่ที่เกิดขึ้น………….
แต่ละยุค แต่ละสมัยด้วย………….สรุปรวมความก็คือ………………..
กาแลคซี่ ในคัมภีร์อายุรเวท มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของกาแลคซี่…………
ที่อยู่ในจักรวาลเท่านั้นเอง………….
57.ลูกรัก………..ชีวิตดำรงอยู่ด้วยความเกาะเกี่ยวสรรพสิ่ง…………….
และอิงแอบอาศัยอยู่กับ สรรพธรรมชาติ จนก่อเกิดสรรพวัตถุ…………
และมีการกำหนดสรรพวิทยาขึ้นตามมาทีหลัง……………..
ดังนี้จึงเห็นควรที่จะเป็นคำพูดที่ตรงกว่า มิใช่อะไรก็ไปเหมาลงในคัมภีร์พระเวท………….
และไตรเภททั้งหมด จนให้ความสำคัญกับมัน……………….
ถึงขนาดหลงลืมสาระของการมีชีวิตไป……………..
ดังนั้น ชีวิตมนุษย์ทุกคน สามารถนำเอาศักยภาพสูงสุดของสกลจักรวาล……………
มาใช้ให้เกิดความสมหวังได้……………
58.ลูกรัก……….ความเป็นพุทธะในตัวเอง
การพัฒนาตัวเอง การทำตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
และจักรวาลและเรื่องเอกบุรุษซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับเอกภพซึ่งสอดคล้องรับกันกับความข้างต้น
หลวงปู่ฯได้ทราบซึ้งดีถึงเรื่องเหล่านี้ โดยการค้นพบด้วยตนเอง ไม่ต้องมีใครมาสอน
เมื่อบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว เมื่อประสงค์จะรู้เรื่องอะไร จิตบอกพลังก็จะไปสั่งสมองให้ทำโปรแกรมออกมา
เพราะสมองในรูปของกายภาพคือ ฮาร์ดแวร์ และรหัสข้อมูลที่อยู่ในสมองคือ ซอฟท์แวร์………..
59.ลูกรัก…………ถ้าจะเปรียบสมองคนกับเครื่องคอมพิวเตอร์
ความจริงสมองคนนั้นวิเศษพิศดารกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เสียอีก
…..พลังบุญ พลังจิต นิวตรอน โปรตรอน และอะตอม
ซึ่งสามคำหลังนี้ ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้พูดถึงในทฤษฎีสัมพันธภาพอันมีชื่อของเขา…….
สุญญากาศกับสุญญตา ที่ว่ายังห่างไกลกันหลายอสงไขยแห่งปีแสง…..ความเร็วของแสง…….
60.คุณสมบัติพิเศษของหลวงปู่พุทธะอิสระ…………
1)หลวงปู่ฯมีหลายร่าง หลายวิญญาณ-สุดแท้แต่สิ่งแวดล้อมและสถานการณ์
บางครั้งหลวงปู่ฯจะเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ตลก เวลาท่านอยู่ในอารมณ์(Mood)เช่นนี้
ดวงตาของท่าน จะสุกใสมีประกายบริสุทธิ์เหมือนดวงตาเด็กที่ไร้เดียงสา
เวลาท่านสอน ท่านจะทำตัวเสมือนครูที่เข้มงวดกับศิษย์
ดวงตาของท่านจะดูเคร่งขรึม จริงจัง เวลาท่านดุ ดวงตาท่านเหมือนดวงตาเสือ……….
2)หลวงปู่ฯมีคุณสมบัติบางอย่าง-เช่นที่ท่านเคยบอกว่า
ท่านได้เคยพบว่า ท่านมีพลังบางอย่างตั้งแต่อายุ 7 ปี
ซึ่งน่าจะมาจากที่สะสมไว้ในอดีตชาติ ไม่ใช่ได้มาจากประสบการณ์เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลวงปู่ฯได้ภายหลัง…………….
3)หลวงปู่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ห่วงใยและเอื้ออาทรต่อทุกคน และต่อสรรพสิ่งในโลก
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ใบหญ้า สัตว์เล็กสัตว์น้อย ฯลฯ เมื่อใครได้มาอยู่ใกล้หลวงปู่ฯ จะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
ความผ่อนคลาย มีสติและสมาธิดีขึ้น อันเนื่องมาจากพลังแห่งรังสี พลังบุญและพลังจิตจากตัวท่าน……
แม้บางครั้งหลวงปู่ฯจะพูดไม่เพราะ แต่นั่นเป็นการแสดงความรักและสนิทสนม
ซึ่งทำให้ลูกหลานรู้สึกและซึมซาบถึงความอบอุ่นจากความรัก ความเมตตาของท่าน………
4)สิ่งที่หลวงปู่ฯพร่ำสอนพวกเราลูกหลาน นับเป็นแก่นหรือหัวใจของธรรมะ-
เรื่องพลังบุญ พลังจิต หลวงปู่ฯบอกว่าเป็นไขกระดูกของพระพุทธเจ้าเลย
ซึ่งถ้าเราตั้งใจศึกษา ปฏิบัติ จนเข้าใจอย่างซาบซึ้งแล้ว
ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแสวงหาความรู้อะไรจากที่ไหนอีก
ส่วนจะบรรลุถึงขั้นเป็น “เอกบุรุษ”หรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่กุศลกรรม
หรือบุญบารมีของแต่ละคน ซึ่งมีไม่เท่ากัน…….
61.ลูกรัก………..ลูกศิษย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระ
ต้องไม่มีเกียรติ ไม่มีชื่อเสียง และต้องไม่มีศักดิ์ศรี
และต้องปราบพยศ ลดมานะ ละทิฐิ ทรงสติ ดำริเป็นสัมมา……………
62.ลูกรัก…………จงใช้ชีวิต วิญญาณของท่านด้วยความประหยัด
ต่อเครื่องใช้ทุกสรรพสิ่ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์………………
63.หลวงปู่พุทธะอิสระ-เป็นพระภิกษุที่รอบรู้ มีความหมดจด ชัดเจน ในพระสัทธรรม
ในท่ามกลางโลกสังคมที่วุ่นวายอยู่ในปัจจุบัน มีความเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของตัวท่าน
ซึ่งเรียบง่าย แต่แหลมคมอย่างยิ่ง ท่านไม่โอ้อวดตนว่าเป็นผู้รู้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ท่านเป็นครู ที่ทำดีให้ดู และพร้อมที่จะสอน มอบทุกอย่างที่มี
อันเป็นความรู้ทางจิตวิญญาณให้แก่ศิษย์ ลูกหลานทุกคน
แม้การแสดงออกจากสภาวะภายนอกดูหมางเมิน ห่างเหินไปบ้างก็ตาม……………..
63.ลูกรัก………เมื่อไม่มีพื้นที่ดีงาม(ในใจ)ก็ไม่มีใครต้องตามให้ได้ประโยชน์………..
ถ้ายังยึดติดว่า ตนเป็นคนดี ต้องคอยทำความดี ตามให้กับคนอื่นๆ……..
ก็ยังเป็นทุกข์ เป็นความหนัก เป็นการแบกหามชนิดหนึ่ง ไม่ได้ประโยชน์เต็มที่……….
เพราะจิตยังยึดมั่นว่าดี-ไม่ดี แบ่งแยกตัวตนกับสิ่งต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นกระแสธรรมอันไม่ใช่ตน…..
ถือว่ายังไม่ได้ประโยชน์ ให้รู้ว่า ไม่มีผู้ใด(ตัวตน)ต้องการสิ่งใด(ตัวตน) จึงไม่มีตะกอน………
อิสระเสรี ถ้าอยากดี มันก็ต้องคอยรักษา นับว่าเป็นทุกข์ชนิดหนึ่ง…………..
ถ้ามันทุกข์ มันก็อยากไล่หนี มันก็ทุกข์เหมือนกัน ทั้งดี-ทั้งชั่ว…………..
ต้องไม่ดี ไม่ชั่ว ไม่ยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น……………..
64.ลูกรัก……………เราจะวิจารณ์เขาไม่ได้ จนกว่าเราจะฟังจนจบประโยคลูก…………
เมื่อติดขัดลำบากใจกับการต้องพบเจอกับคนบางคน บางจำพวกที่เห็นแก่ตัว
ทำอะไรก็ได้เพื่อตัวเอง โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ เรารู้สึกปฏิเสธคนๆนั้น ไม่ต้องการพบเจอ
แต่ก็ต้องเจอเพราะหน้าที่การงาน เรามีความทุกข์ที่แกะไม่หลุด หัวใจเต็มไปด้วยความรังเกียจ
กระด้าง รู้สึกถูกเอาเปรียบ และตราหน้าเขาว่าเป็นคนไม่ดี ไม่ควรอภัย
ซึ่งก็ทำให้จิตใจตนเองพลอยไม่ปกติ ไม่แจ่มใส……….
รู้สึกเหมือนแม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักกำลังพูดกับลูกด้วยความปรานีว่า………
“ธรรมชาติทุกสิ่งไม่ใช่ของตายตัว หยุดนิ่งอย่างที่เห็น ทุกสิ่งล้วนมีขบวนการของมัน
ซึ่งเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนอยู่ทุกขณะ แล้วเราจะไปวิจารณ์สิ่งซึ่งเห็นเป็นแค่ชั่วขณะของกระแส
ซึ่งเป็นความไม่เที่ยงอยู่ทำไม? มันเหมือนการสรุปเอาเรื่องเอาความจากประโยคที่ยังมาไม่หมด
เราทุกคน รวมทั้งตัวเอง ก็เป็นประโยคที่ยังไม่จบ(ไม่เที่ยง) กำลังเรียนรู้ เปลี่ยนแปลงอยู่
จะไปวิจารณ์สรุป เอาเป็นความจริงทั้งหมด โดยที่ไม่ฟังให้จบประโยคได้อย่างไร?…”………….
-ทุกอย่างมีกระบวนการของมัน และง่ายดาย เมื่อถูกเวลาของมัน…………
-คำพูดซึ่งใช้วิจารณ์ใดๆนั้น สำคัญน้อยกว่าหัวใจที่อ่อนโยน……………
-ความรักในหัวใจ ทำให้การวิจารณ์นั้น ไม่เหนื่อยหนัก แต่มีน้ำหนักและหนักแน่นยิ่ง……..
เราสามารถปลดความคับแคบ ความเกลียด ทุรนทุราย ซึ่งตนได้สร้างทุกข์ให้กับตนเองได้ระดับหนึ่ง
ด้วยรสชาติของความรัก ความปรานีจากคำสอนนี้ และได้เข้าใจว่า สันติสุข ความเข้าใจ ปรานี
มันสร้างจากความรัก และความสัมผัสสิ่งนี้ได้ในจิตใจของเราเอง……………..
65.ลูกรัก………….
”.จงปล่อยหัวใจตนให้เป็นอิสระ”……………..
การพลัดพรากจากคนที่เรารัก ชีวิตรู้สึกไร้ที่พึ่ง หมดหนทาง…………
ถ้าพ่อแม่ตายไป เราจะอยู่ได้อย่างไร จะมีใครเป็นที่คุ้มขวัญ คุ้มหัว
หรือถ้าตัวเราเองต้องตายจากไปก่อน จะทำอย่างไรไม่ให้พ่อแม่เป็นทุกข์ โลกดูมืดมนไปหมด……………
ปัญหาที่แก้ไม่ได้นี้ ความทุกข์ท่วมเต็มหัวอกไปหมด
นอนน้ำตาไหลริน………….
อย่างคนที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ ไร้ทางสู้กับความตาย ความเที่ยงแท้…………..
อันชีวิตทั้งหลายหลีกหนีไปไม่พ้นเรื่องนี้…………..
แว่บเสี้ยววินาทีที่ยินคำพูดดังกล่าวข้างต้น เหมือนมีแสงสว่างเข้ามา…………..
ไล่ความระทมทุกข์ไปจากใจจนสิ้น จิตที่หมดกำลังท้อแท้ กลับมีกำลังหยั่งรู้ว่า……………
ความทุกข์เกิดขึ้นที่จิต จากความยึดมั่น มากกว่าทุกข์จากการตายตามธรรมชาติ……………
จิตรู้ว่า ไม่มีวิถีทางใด ที่จะพ้นความตายไปได้ ไม่มีทางใดที่จะรอดจากทุกข์ได้………….
นอกจากการปลดปล่อยจิตใจตนเองให้เป็นอิสระเท่านั้น……………..
นี่คือ อานุภาพแห่งปัญญาการรู้แจ้ง แม้เพียงแว่บเดียว ประโยคเดียว…………
ก็สามารถเอาชนะความประหวั่นพรั่นพรึงกับความตาย การพลัดพราก………….
และการสูญเสียของชีวิตได้……………
66.ลูกรัก
………..ไม่ต้องไปกราบเล่นๆอยู่ตรงนั้น ถ้าจะกราบเป็นศิษย์ให้มาใกล้……..
จะเป็นผู้ทรงสติ ถ้าจะกราบพระให้มีสติ จงระลึกรู้สึกตัวอยู่เช่นนี้…………
จึงจะถือว่าเป็นศิษย์และเป็นผู้ที่อยู่ใกล้พระ………..
(กราบเล่นๆ คือสักแต่ว่ากราบกันไป ก็ชั่วๆดีๆตามเรื่องตามราว
แล้วเข้าใจว่า…นั่นคือ การสักการะพระพุทธะ…………
เข้ามาใกล้…หมายถึง การกระทำ……..
อย่างจริงจัง การจัดกาย วาจา ใจของตนอย่างจริงจัง
เปลี่ยนจาการเล่นๆ…………. เหยาะแหยะๆชั่วๆดีๆ
มาเป็นการกระทำอย่างจริงจัง-จริงใจ
เพื่อการเปิดประตูวิญญาณ……..
สู่การรู้แจ้ง เห็นธรรม )………………
67.ลูกรัก
………..ใครจะพูดว่า หลวงปู่เป็นอะไร เป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร
เป็นอะไรต่ออะไร ก็ช่างหัวมัน……..ต้องช่างหัวเรา ช่างตัวเราว่า……………
เรามีขยะกี่กอง มีทองกี่ก้อน ต้องเลือกขยะทิ้ง รักษาทองไว้…………….
พวกเราเห็นกันตรงนี้แล้วหรือยัง……………….
68.ลูกรัก
…………จงทำตัวให้เหมือนน้ำ เพราะน้ำไปได้ทุกสถานที่……………..
อยู่ได้ทุกสภาวะ ให้ความชุ่มชื้น ให้ชีวิต………………
มีรูปร่างแตกต่างตามแต่ภาชนะที่ใส่
ชำระล้างสิ่งสกปรกโสโครกให้สะอาด…………
69.ลูกรัก
………….ความว่าง………ทุกอย่างล้วนเป็นความว่าง……………
ในความว่าง ไร้ชื่อเรียกขาน ไร้ตัว-ตน ไร้พรหมแดน…………
การเป็นหลวงปู่ ไม่ว่าชื่ออะไร นั้นเป็นแต่ชื่อ………….
ชื่อสิ่งโน้น-สิ่งนี้ เป็นเพียงรูปของการคิดของคน………….
ที่มองมายังหลวงปู่ ไม่ใช่ตัวหลวงปู่……………….
เปรียบเสมือนพระพุทธรูป บังพระพุทธเจ้า………….
การปรากฏของความว่าง-อันไร้ชื่อเท่านั้น ที่จะได้พบความหมายที่แท้ที่เป็นตัวหลวงปู่เอง ซึ่งอยู่เหนือการคิด-เหนือชื่อใดๆ……………
70.ลูกรัก……………
ไม่มีใครรู้จักหลวงปู่จริงๆสักคน เพราะคนเหล่านั้น……………
พยายามรู้จักและอธิบายหลวงปู่ด้วยการคิด………………
ว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้นั่นเอง แต่หาได้รู้แจ่มแจ้ง……………
ด้วยการปฏิบัติตาม ขัดเกลาวิญญาณของตนให้บริสุทธิ์……………..
เพื่อที่จะได้สัมผัสกับพระพุทธะอันบริสุทธิ์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง………..
71.ลูกรัก…………..
ในเวลาหนึ่ง เมื่อหลวงปู่จะจากไป ท่านยังอยู่กับเรา………….
ทุกที่ ทุกเวลา เพียงเรามีความตั้งมั่น หมั่นนึกถึง และปฏิบัติตาม………….
แนวคำสอนที่ท่านทิ้งไว้แทนตัว ก็เสมือนเราได้อยู่ใกล้ท่าน……………….
และพระพุทธะตลอดเวลา………………
72.ลูกรัก……………
ชาวธรรมะอิสระ หมายถึง การประกาศที่จะปลดปล่อยตน……………
จากความเป็นทาส จากความคิดที่ฉุดกระชากลากถูไปจนเกิดทุกข์………….
กำลังแห่งจิต อำนาจธรรมะอันบริสุทธิ์แห่งพระพุทธะนั้นมีอยู่จริง……………
อย่างน้อยในพื้นที่หัวใจเรา……………….
เราจะได้กลิ่นไอจากพระเจ้า……..เราจะรู้จักสิ่งนั้น…………….
73.ลูกรัก……………
ความรักของพระพุทธะ เป็นอะไรที่เยอะแยะในจักรวาล…………..
ที่เราต้องมีให้ต่อกัน รู้จักใจกัน ช่วยเหลือ เอื้ออาทรต่อกัน………….
เพื่อพลิกผันไปสู่ความถูกต้องของการพ้นทุกข์………..
ขอให้เราร่วมเดินทางไปกับผองเพื่อนบนเส้นทางนี้……………..
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไม่ได้ว่าเรื่องจับ แต่ทักท้วงวิธีจับ!! “พล.ท.นันทเดข”ย้อนเหตุกปปส.57 เวทีแจ้งฯ “พุทธอิสระ” ก่อนถูกตั้งข้องหา 3ข้อ..ทำเพื่อชาวนา
- ด่วนที่สุด เผยภาพแรก"อดีตพุทธอิสระ"หลังออกจากเรือนจำ ปรากฏตัวที่ศาล"สารภาพตลอดข้อกล่าวหา"(คลิป)