ไม่อยากจะเชื่อ-เมืองไทยจะทลาย"เหลือบ-ไรศาสนา" หน้าฉากเป็น"เจ้าคุณ" ที่คนพินอบพิเทาทั้ง ปท.ลงได้ ไม่นับ"ธัมมชโย"ทิ้ง"จานบิน"แสนล้านไปก่อนหน้า

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

ไม่อยากจะเชื่อ-เมืองไทยจะทลาย "แก๊งอลัชชี เหลือบ-ไร" ที่เกาะกินศาสนามานานปีลงได้ แม้จะยังไม่ราบคาบก็ตาม เพราะเรื่องนี้ฝังรากลึก และถูกซุกใต้พรมอยู่นาน นานและซ่อนอยู่ลึกจนแทบไม่มีใครพูดถึง ยิ่งตัวละครหลัก ๆ ล้วนแต่เป็นใหญ่ใน พศ. หรือสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติในระดับ ผอ. หรือ รอง ผอ.ทั้งสิ้น...นั่นยิ่งทำให้เรื่องนี้ยากจะขุดคุ้ย...และแทบไม่มีใครกล้าไปแงะออกมา

ขณะที่ในส่วนของ "พระสงฆ์" นั้นแต่ละรูปที่โดนคดีถือเป็นระดับใหญ่โตสุด ๆ ...ที่ชาวบ้านย่านถิ่นได้ยินชื่อเสียงเรียงนามแล้ว...ถึงกับอ้าปากค้าง  โดยเฉพาะการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในล็อตที่ 3 ได้กวาด "5 พระมหาเถรฯ" ชื่อก้องแห่งวงการดงขมิ้นจนเรียบวุธ ซึ่งแต่ละรูปเป็นถึง “พระสังฆาธิการ” ผู้ปกครองคณะสงฆ์ที่มีอำนาจกว้างขวางทั่วราชอาณาจักร และชาวบ้านนับหน้าตาถือพากันกราบไหว้พินอบพิเทามานานนับสิบ ๆ ปีทั้งสิ้น

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ "พ.ต.ท.พงศ์พร  พราหมณ์เสน่ห์" ผอ.สำนักพุทธฯ คนปัจจุบันที่กัดไม่ปล่อย...สู้เรื่องนี้ไม่ถอย ทั้งที่เผชิญแรงกดดันต่อผู้ที่พยายามจะออกมาปกป้อง "อลัชชี" เหล่านั้นอย่างหนักหน่วง รวมทั้งเคยถูกใส่ไคล้จนกระเด็นจากเก้าอี้ไปช่วงสั้น ๆ ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง...ด้วยความที่เขายืนหยัดในความจริง

 

 

และการมารอบใหม่ของเขานี่เอง...ที่ทำให้ "5 เจ้าคุณ" ชื่อก้อง...ตกอยู่ในข่าย...ผู้ถูกกล่าวหา ในทันที โดยเฉพาะ "เจ้าคุณธงชัย-เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวละครหลักคดีนี้ หลังไปพบเส้นทางเงินทุจริตกรณีนี้ 25 ล้านบาท โดยโอนเข้าบัญชีให้สีกา...ซึ่้งเป็นแม่บ้านของเครือข่ายตนเองก่อน  จากนั้นให้สีกาเบิกเงินเป็นแคชเชียร์เช็กสั่งจ่ายคืนให้กับตน...แบบไม่เกรงบาป (เครือข่ายที่ว่านี้ ได้แก่เครือข่าย ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งสนิทกับ "เจ้าคุณธงชัย" และเป็นฝ่ายฆราวาสที่ร่วมฌชโกง และถูกดำเนินคดีทั้งหมด)

 

 

ขณะที่ก่อนหน้านั้นพระผู้ใหญ่อีก 4 รูปที่เหลือก็พัวพันการทุจริตงบการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา พบความเสียหายทั้งสิ้น 70 กว่าล้านบาท...จนนำมาสู่การะการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในล็อตที่ 3 ของ ผอ.พศ.ดังกล่าว

กระทั่งนำมาสู่ปฏิบัติการล้างบางเงินทอนวัดแบบสายฟ้าแล่บ 2 - 3 วันก่อน เมื่อตำรวจกองปราบปราม และ ปอท. นำกำลังกว่า 100 นาย พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้น และจับกุมพระเถรชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทั้งวัดสามพระยา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศ์ ก่อนที่เจ้าคุณหลายรูปจะถูกคุมตัวไปสึก และยัดเข้าซังเตในท้ายที่สุด

 

ขณะที่ "พระพรหมสิทธิ" หรือ "เจ้าคุณธงชัย" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ "พระพรหมเมธี" หรือ "เจ้าคุณจำนงค์"  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เปิดแน่บแบบไร้ร่องรอยไปก่อน...ทิ้งไว้เพียงแค่เงินในบัญชี 130 ล้านบาทของ "เจ้าคุณธงชัย" หลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.ได้แงะตู้เซฟในวันที่เข้าค้นวัดในเช้ามืดวันนั้น...ให้ดูต่างหน้า

 

บอกกันตามตรง...เรื่องใหญ่โตระดับนี้...แทบไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย...เพราะโครงสร้างอุปถัมภ์ที่หยั่งรากมาช้านานในบ้านเรา...ทำให้แทบไม่เคยมีใครแตะต้องไปถึง “เจ้าคุณ" ระดับ "พระสังฆาธิการ” เช่นนี้ พงศ์พรเองก็แทบเอาตัวไม่รอด

 

ว่ากันว่าบรรยากาศที่ประชุม มส.นัดแรก หลัง พ.ต.ท.พงศ์พร แจ้งข้อกล่าวหาเจ้าคุณทั้ง 5 เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น บรรยากาศไม่สู้จะดีนัก เพราะกล่าวกันว่าในวงประชุม...ได้แผ่รังสีกดดัน "พ.ต.ท.พงศ์พร" อย่างหนัก แม้จะไม่ผ่านทางคำพูดก็ตาม

 

เรื่องนี้ยิ่งเด่นชัดขึ้นอีก เมื่อ "พระธรรมกิตติเมธี" หรือ “เจ้าคุณเกษม”  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้เกาะติดทางการเมืองมานานต่างรู้ดีว่า มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ "วัดปากน้ำและธรรมกาย” แค่ไหนออกมาขู่ฟ่อ ๆ ว่า "การกระทำของ พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่เป็นที่สบอารมณ์ของพระ และขืนเป็นแบบนี้บานปลายแน่ๆ"

 

 

โชคดีที่คำขู่ของ “เจ้าคุณเกษม”  ไม่อาจกระทำอันตรายใด ๆ ต่อหัวใจอันแข็งแกร่งของ พ.ต.ท.พงศ์พรได้ เขาไม่ถอดใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ และพร้อมเผชิญทุกอย่างด้วยข้อเท็จจริง...และดูจะทำให้ก้าวย่างของ พ.ต.ท.พงศ์พร แต่ละก้าวล้วนรอบคอบและรัดกุมขึ้นอีก หลังการประชุมวันนั้น แม้เขาจะออกมาให้ข่าวแก่นักข่าวในฐานะเลขาธิการ มส. แต่ก็กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยหรือสอบถามประเด็นการทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 แต่อย่างใด ขณะนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฏหมาย และหากต้องการทราบข้อมูลให้ไปถามกับ ปปป.หรือ ป.ป.ช. และการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษของตนนั้น เป็นการทำตามหน้าที่ของ ผอ.พศ. ไม่มีอคติแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงของ พ.ต.ท.พงศ์พร ทำให้แม้แต่นายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงยังยอมรับ...ในข้อมูลข้อเท็จจริงที่เขาสืบหามาได้...กระทั่งเราได้เห็น...การทลายล้าง "เหลือบ-ไรศาสนา" ที่หน้าฉากเป็น "เจ้าคุณ" และมีคนพินอบพิเทาทั้งประเทศลงได้...อย่างที่กล่าว

 

 

....ทั้งหลายทั้งปวงนั่น...ยังไม่นับว่าตัวเขาในฐานะ ผอ.พศ.และเลขานุการ มส. นี่เอง...ที่เป็นผู้รวบรวมข้อมูลทั้งที่ได้รับจากดีเอสไอ, สตช. และ ปปง. รายงานต่อมหาเถรสมาคม (มส.) เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2560 หรือเมื่อกว่า 1 ปีก่อน  เพื่อส่งที่ประชุมพิจารณาว่า "พระธัมมชโย" มีความผิดทางพระธรรมวินัยหรือไม่...ก่อนนำมาสู่การปิดล้อมสำนักจานบินของฝ่ายบ้านเมือง...จนเจ้าสำนักอย่าง "ธัมมชโย” ต้องทิ้งอาณาจักรแสนล้านนั้นไป....ปิดฉาก "หลวงพ่อนะจ๊ะ" ที่ขายบุญ-ขายนิพพานมานานนับ 20 - 3 0 ปี...อย่างสมบูรณ์...นั่นล้วนเกี่ยวพันกับตัวเขา...และรัฐบาลทหาร...ที่พวกคลั่ง "ประชาธิปไตย" ตราหน้าว่าเป็นเผด็จการทั้งสิ้น (บอกกันตรง ๆ เรื่องนี้รัฐบาลเลือกตั้งของทุนสามานย์ไม่มีวันกล้าแตะ เพราะตัวละครหลัก ๆ ล้วนแต่เป็นครูบาอาจารย์ของนักเลือกตั้งเหล่านั้นทั้งสิ้น-ผู้เขียน)

 

อ่าน อย่าคิดว่าถอดใจ?! "พงศ์พร" ไม่หวั่นรังสีอำมหิต-เดินหน้าลุยแก๊งงาบอีก 7 วัด...เรื่องนี้ปล่อยให้ "มือปราบอลัชชี-สู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ได้"