- 30 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.61 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้ก่อตั้งพรรคเสรีรวมไทยได้ กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะพรรคการเมืองต้องเสนอชื่อคนเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างน้อยไม่เกิน 3 คน ซึ่งทุกพรรคก็พร้อมเสนอ แต่ในขณะเดียวกัน พรรคที่แฝงตัวเข้ามาในรูปแบบของพรรคทหาร ตัวหัวที่อยากเข้ามาทำงานจริงไม่กล้าเสนอตัวเข้ามา แต่อยากจะมาเป็นอีแอบทีหลัง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบแปลกๆ แทนที่ผู้สมัครจากพรรคเดียวกันจะใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ แต่ทำให้มั่วไปหมด ผมอยากเรียนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า เมื่อเขาให้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านไม่ต้องไปดูชื่อผู้สมัครเขตเลยว่าเขตนี้ใครลงเลือกตั้ง ท่านดูเลยว่าพรรคนี้เสนอชื่อใครเป็นนายกฯ ก็พอแล้ว เลือกคนนั้นไปเลย ถ้าท่านอยากให้ผมเป็นนายกฯ ท่านก็เลือกพรรคเสรีรวมไทย
"สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องถามว่า คุณชอบเผด็จการหรือเปล่า ผมไม่เอาแน่ ถ้า 4 พรรค ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย จับมือกันนะ รับรองชนะแน่ เผด็จการมาไม่ได้แน่ๆ" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และว่าที่สำคัญ บรรดาหัวหน้าพรรคทั้งหลายต้องแสดงวิสัยทัศน์ให้ประจักษ์ชัดว่า จะเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศชาติให้ได้ เพราะยุคนี้เผด็จการมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ผู้ก่อตั้งพรรคเสรีรวมไทย เสนอว่า นายกฯ ต้องแสดงวิสัยทัศน์ที่จะปราบเผด็จการให้ได้ด้วย ถ้าปราบเผด็จการไม่ได้ ก็ไม่สมควรเป็น เราเป็นรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย ทหารหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรีจะมายึดอำนาจกันแบบคราวที่แล้วไม่ได้ เพราะตนรู้ไส้รู้พุงพวกนี้หมด
ทั้งนี้ถ้าเรามาดูโครงสร้างการบริหารราชการกองทัพซึ่งมีการแก้ไขกฎหมายตอนรัฐประหารปี 2549 จะเห็นว่า โครงสร้างมีรัฐมนตรีกลาโหมฯ เป็นประธาน รัฐมนตรีช่วยกลาโหมฯ ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นกรรมการ เท่ากับว่า เวลาประชุมมีฝ่ายการเมืองเพียงแค่ 2 คน จะไปสู้เสียงที่เหลือ 5 คนได้ยังไง เวลาโหวตก็แพ้ตลอด สุดท้ายนายกรัฐมนตรีหรือฝ่ายการเมืองก็ย้ายบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ได้เพราะเสียงน้อยกว่า เราต้องแก้ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ไม่งั้นเกิดศึกสงคราม นายกฯ สั่งการ ผบ.เหล่าทัพไม่ได้ แล้วอยากย้ายก็ย้ายไม่ได้