- 15 ส.ค. 2561
เส้นทาง โน้ส อุดม กว่าจะมาเป็นนักพูดเบอร์ 1 ของประเทศสู่กระแสดราม่าเดี่ยว 12
ณ เวลานี้หากกล่าวถึงแวดวงบันเทิง และการแสดงศิลปะผ่านการพูดแขนงหนึ่งหรือที่เรียกว่า ทอล์คโชว์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ชายผู้หนึ่งที่หน้าตาธรรมดา แต่จมูกอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น กอปรด้วยวาทศิลป์และการแสดงออก เฉกเช่นศิลปินผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถอันหลากหลาย ผู้ครองตำแหน่งนักพูดเบอร์ 1 ของประเทศไทย นี่ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด หากได้ทำความรู้จักและศึกษาประวัติ ผลงานของชายมหัศจรรย์ผู้นี้ "โน้ส อุดม แต้พานิช"
แต่เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีกระแสตีกลับอย่างแรง เพราะขณะการแสดงโชว์เดี่ยว 12 โน้ส อุดม ได้โชว์มุกคิดสด ล้มตัวลงมองตาหวานซึ้ง เลียนแบบซีนจากละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” กับนางเอกสาวหน้าหวาน “เบลล่า ราณี” ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามในวันนี้สำนักข่าวทีนิวส์ จึงได้เรียบเรียงเส้นทางนักพูดของ โน้ส อุดม กว่าจะดำเนินมาถึงเดี่ยว 12 และประสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้
ชีวิตในวัยเด็กของโน้ส อุดม แต้พานิช นั้นไม่ได้แตกต่างจากเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่แฝงไปด้วยบทเรียนและบททดสอบแห่งชีวิต เพราะพ่อของเขานั้นด่วนจากเขาไปตั้งแต่ โน้ส อุดม อายุเพียง 6 ขวบ ส่งผลให้เขาต้องย้ายจากจังหวัดชลบุรีอันเป็นบ้านเกิด ไปใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่จังหวัดสุรินทร์
เส้นทางของการก้าวเข้ามาสู่ศิลปินของเขานั้น ไม่ได้เริ่มต้นมาจากการพูดที่ส่งผลให้เขาโด่งดังอย่างทุกวันนี้ แต่เริ่มมาจากปลายปากกาและดินสอ ถือเป็นผลงาชิ้นแรกและเป็นก้าวเล็กๆ ที่จะนำเขามาสู่ความเป็นศิลปินในอนาคต โดยการเป็นนักเขียนการ์ตูนที่นิตยสาร “ชัยพฤกษ์การ์ตูน” โดยใช้นามปากกาว่า “โน้ส หน้ามึน” ซึ่งได้รับค่าจ้าง 150 บาท ต่อการวาดการ์ตูน 2 ช่อง แต่ทำได้แค่เพียง 2 เดือนก็ลาออก
ต่อมาได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางการแสดงภายหลังได้อ่านหนังสือ “ไปยาลใหญ่” และสมัครเข้าเป็นนักแสดงของศิษย์สะดือ โดยละคร “ความรักของมาลัยในห้องไอซียู” เป็นละครเรื่องแรกที่เขาได้เข้าไปมีบทบาทถึงแม้จะเป็นตัวประกอบที่เป็นคนแก่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ต่อมา โน้ส อุดม ได้ขึ้นตำแหน่งฝ่ายศิลป์ของนิตยสาร “ไปยาลใหญ่” โดยมีหน้าที่สำคัญคือการจัดทำภาพปกและภาพประกอบต่างๆ ในนิตยสาร
ภายหลังนิตยสาร “ไปยาลใหญ่ “ ได้ปิดตัวลง เส้นทางสู่จอแก้วของเขาก็ได้เริ่มขึ้น จากการสมัครเข้าเป็นตัวประกอบในรายการ “วิก 07” ของเจเอสแอล และรายการโทรทัศน์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “เสนา โน้ส”ต่อมาเขาได้ค้นพบว่าตนนั้นมีความสามารถและพรสวรรค์ด้านการพูด ประกอบกับการที่เพื่อนๆ ชื่นชมอย่างแพร่หลาย ทำให้ในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2538 การแสดง “เดี่ยวไมโครโฟน” ครั้งที่ 1หรือ “Stand Up Comedy” ซึ่งเป็นการพูดตลกคนเดียวบนเวที ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ณ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต อันเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ของเมืองไทย ทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นเป็นที่รู้จักโดยแพร่หลาย การจัดแสดงครั้งนั้นใช้เงินทุนไปทั้งหมด 400,000 บาท
ตลอดระยะเวลาการจัดแสดง “เดี่ยวไมโครโฟน” จากอดีตถึงปัจจุบันทั้งหมด 12 ครั้งและหมู่ อีก 1 ครั้ง เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จนในที่สุดทำให้เขาก้าวขึ้นสู่การเป็นนักพูดแนวหน้าของประเทศอย่างเต็มภาคภูมิเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “เดี่ยวไมโครโฟน” เป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยม นอกจากพรสวรรค์ของตัว โน้ส อุดม คือการบอกเล่าเรื่องราวและประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย มาแฝงมุกตลกจิกกัดอย่างเจ็บแสบและแยบคาย หากแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ขัน จนบางครั้งคำพูดและประโยคเหล่านั้นกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลมีเดีย ที่เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางเช่น “หูกระจงควรปลูกห่างจากตัวบ้าน” หรือ “ลำปางหนาวมาก” เหล่านี้เป็นต้น
ความสำเร็จของโน้ส อุดม ไม่ได้สิ้นสุดที่การเป็นนักพูดหรือนักเขียนเท่านั้น เพราะ ผลงานที่เขาสร้างเอาไว้อย่างมากมายในเส้นทางสายบันเทิง เช่น การรับบทพระเอกที่ได้รับค่าตัวที่แพงที่สุดในประเทศไทย กับภาพยนตร์เรื่อง “กล่อง” ด้วยฝีมือการกำกับของ ม.จ.ชาตรี เฉลิมยุคล รวมถึงมิวสิควิดีโอ และภาพยนตร์อีกมากมายหลายเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นศิลปินคนหนึ่งผู้ฝากผลงานไว้รอบด้าน
ชีวิตของ โน้ส อุดม นั้นเรียกได้ว่าผ่านอุปสรรคและล้มลุกคลุกคลานมาอย่างมากมาย ทั้งสมหวัง และผิดหวัง เพราะแท้จริงแล้วเขาเคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในครั้งแรกช่วงที่อกหักสมัยเรียนหนังสือ ตอนที่เขาเป็นหนี้หลายล้านจากการค้ำประกันให้เพื่อนสนิท และช่วงที่รู้ว่าถูกโกงต่างๆ นานา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ผ่านมันมาได้เสมอ
หนึ่งบทเรียนสำคัญที่ชายผู้นี้ทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้ คือการไม่ยอมแพ้ และพร้อมจะแก้ไข เพื่อลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง และทางสำนักข่าวทีนิวส์ก็หวังว่าจากประเด็นร้อน ที่เกิดขึ้น โน้ส อุดม จะสามารถผ่านพ้นไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะท้ายที่สุดแล้ว “ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ”
ขอบคุณ : เดี่ยว