- 25 ส.ค. 2561
คู่กรณียอมรับผิด ตบสาวเจ้าของคลีนิกความงามจริง
จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก ปริมระตา ใจสุข เจ้าของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง เผยคลิปเหตุการณ์ที่มีกลุ่มหญิงบุกมายืนโต้เถียงหน้าร้านของเธอที่เพิ่งเปิดวันแรก ก่อนจะมีหญิงรายหนึ่งฉวยโอกาสกระชากผมเธอและสั่งให้พวกที่มาด้วยรุมกระทืบจนบาดเจ็บ
(ชมคลิปวิดีโอด้านล่าง)
ล่าสุด เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว น.ส.ธิดารัตน์ ดาราต่าย หรือ โอ คู่กรณีของ น.ส.ปริมระตา ใจสุข ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย ได้ออกมาเล่าถึงสาเหตุและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความขัดแย้งจากการทำธุรกิจร่วมกันก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์ โดยในวันที่เกิดเหตุทางฝ่ายคู่กรณีได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้เข้าไปคุยและเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ด้วยอารมณ์ที่ทนไม่ไหวกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว (ชมคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ด้านล่าง)
ขณะที่ก่อนหน้านั้น น.ส.ปริมระตา ใจสุข ผู้เสียหาย เปิดใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า คู่กรณีเป็นเจ้าของคลินิกอีกแห่งหนึ่งในซอยเพชรเกษม 63 ได้พาพวกเป็นผู้หญิงหลายคน ผู้ชาย1 คนมาที่หน้าร้าน พยายามหาว่าตนส่งสายเข้าไปสืบราคาคอร์ส แต่ไม่เป็นความจริง เพราะคนที่ไปถามราคาคอร์ส เป็นลูกค้าที่ตนไม่รู้จักและเพิ่งมาใช้บริการวันนั้นเป็นวันแรก แต่คู่กรณีไม่เชื่อ ตนจึงเชิญให้มาดูที่คลินิก ก่อนที่คู่กรณีจะยกพวกมาหาตนที่คลินิก
ระหว่างนั้น ตนกำลังประชุมสรุปงานและพยายามเชิญเข้ามาข้างใน แต่คู่กรณีและเพื่อนไม่ยอมเข้ามา จึงไปยืนคุยกันตรงที่ประตู ตนก็ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อลูกค้าคนนั้น เพื่อให้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสายให้กับตน แต่ลูกค้าไม่ได้รับ ก่อนที่จังหวะตนเผลอ คู่กรณีจึงกระชากศีรษะตนและให้พวกรุมทำร้ายร่างกาย ทั้งตบศีรษะ กระทืบศีรษะและท้อง ก่อนภาพดับและจำอะไรไม่ได้ เมื่อตนรู้ตัวอีกที ก็พบว่าแฟนหนุ่มชาวต่างชาติของตนถูกชายที่ใส่หมวกกันน็อคต่อย ขณะที่ตนเองก็ถูกกระชากถอดเสื้อผ้าขาด จนตนอับอาย
ภาพตบจากกล้องมือถือ
หลังเกิดเหตุลูกจ้าง 2 ใน 4 คน ได้มาขอลาออกกับตนทันที โดยบอกว่ากลัวมาก ไม่กล้ามาทำงาน เหตุที่เกิดขึ้นกระทบทั้งร่างกาย จิตใจ รวมทั้งธุรกิจ เพราะว่าไม่มีลูกจ้างกล้ามาทำงานด้วย ยืนยันว่าแฟนคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลย่านวัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 เพราะตนกับคู่กรณีเคยตกลงใจจะเปิดคลินิกเสริมความงามร่วมกันในซอบเพชรเกษม 63
โดยตนเป็นผู้ลงทุน เกือบ 2 ล้านและจะให้คู่กรณีร่วมหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ และหากผลประกอบการดีก็คุยกันว่าจะเพิ่มให้เป็น 40 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตกลงการทำธุรกิจร่วมกันไม่ได้ จึงตัดสินใจแยกย้าย แต่แฟนหนุ่มของคู่กรณีกลับมาข่มขู่ทำร้ายและขู่ฆ่าตน จนต้องย้ายมาทำคลินิกที่นี่ ขณะที่คู่กรณีก็ทำคลินิกเป็นของตนเอง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดใจสาวเจ้าของคลินิกโดนรุมตบแชร์กระจายโซเชียล ร้านคู่แข่งกล่าวหาส่งคนสืบราคาหลังเคยร่วมธุรกิจกันมาก่อน)