- 28 ส.ค. 2561
"โรม"ลั่น หากประเทศไม่มี"สมศักดิ์" เราจะเป็นสังคมที่ล้าหลัง!
สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่26สค. นาย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาคดี112 ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ได้โพสต์ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อว่า pavin chachavalpongpun ถึงอาการป่วยอย่างกะทันหันของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หรือ “อาจารย์หงอก” อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะนี้หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปใช้ชีวิตอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศษ และได้ประสบอุบัติเหตุล้มและมีอาการบาดเจ็บดังนี้
ผมได้รับแจ้งจากปารีสเช้าตรู่วันนี้ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล ล้ม อาการเบื้องต้น เส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายซีกขวายังขยับไม่ได้ครับ แพทย์กำลังให้ยาเพื่อลดการหยุดไหลของเลือดในสมอง เอาใจช่วยอาจารย์ในยามนี้...
ล่าสุดเมื่อวันที่27 ส.ค. นายปวิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก อัพเดทอาการของนายสมศักดิ์ โดยระบุว่า...อัพเดท -- อาจารย์สมศักดิ์อยู่โรงพยาบาล ได้รับการดูแลอย่างดี อยู่ในช่วงพักฟื้น ตอนนี้ครอบครัวขอให้อาจารย์ได้พักผ่อน ขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใย – ครับ
ขณะเดียวกันทางด้าน นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวถึง นายสมศักดิ์หลังเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก ว่า ตนเคยเรียนกับอาจารย์สมศักดิ์ ในวิชาประวัติศาสตร์รัสเซีย โดยอาจารย์มักหยิบยกประวัติศาสตร์ไทยเปรียบเทียบควบคู่กันไปด้วย คนที่ลงเรียนส่วนมาก เริ่มจากความเห็นต่างที่ต้องการเข้ามาถกเถียงแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์ แต่หลายครั้งนักศึกษาเหล่านั้น ต้องยอมจำนวนกับสิ่งที่แกยกประเด็นมาอธิบายต่อสังคม และทำให้คนที่มาเรียนรู้สึกว่าต้องกลับไปหาความรู้เพิ่มเติมมากกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม และถึงแม้อาจารย์สมศักดิ์จะมีผลงานวิชาการไม่มากหากเทียบกับนักวิชาการบางท่าน แต่งานทุกชิ้นเป็นการเสนอวิธีคิดใหม่ ให้คนตระหนักถึงประเด็นที่ถูกมองข้าม และยกระดับความเข้าใจของคนในสังคมให้มากกว่าเดิม ซึ่งคนรุ่นตนที่สนใจในประเด็นกฎหมาย และการเมือง มักเกิดความท้าทายจากแนวคิดของ กลุ่มนิติราษฎร์ และ อาจารย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
“อาจารย์สมศักดิ์ ทำให้สังคมเห็นความต่าง และช่วยยกระดับความคิดของคนในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องเจอกับความท้ายทายทางความคิด ในยุคโลกาภิวัฒน์ ที่ง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูล ผมเชื่อว่าหากประเทศไม่มีอาจารย์สมศักดิ์ เราจะเป็นสังคมที่ล้าหลัง เพราะสิ่งที่เขานำเสนอคือการท้าทายทางความคิดของ และการตั้งคำถามต่ออสิ่งที่เกิดขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว