- 20 ก.ย. 2561
ทักษิณ(ในวัย 70) ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีไทยคนเดียวที่พ่ายแพ้ทางการเมือง และเทียบกันแค่ตัวเลข "ไม่มีแผ่นดินอยู่" ทักษิณก็ทำสถิติเกินจอมพล ป. ไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงครึ่งของอาจารย์ปรีดีด้วยซ้ำ
สืบเนื่องจากการที่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลบหนี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Thaksin Shinawatra ว่าด้วยเรื่อง “12 ปี จาก 19 กันยายน 2549 ถึง 19 กันยายน 2561”
โดยมีเนื้อหาในทำนอง 12ปีที่ผ่านมาประเทศย่ำแย่ ประเทศช้ำพอแล้วหรือยัง รอยยิ้มของไทยที่เรียกว่ายิ้มสยามหายไปไหนหมด อีกทั้งตอนหนึ่งยังระบุด้วยว่าในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ขอเปิดอกว่าตนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นตนต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัว ที่พ่อแม่ลูกเราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด
ขณะเดียวกัน ทางด้านของดร.เวทิน ชาติกุล ได้ออกมาแสดงความคิเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเช่นกันระบุว่า...
12 ปี ยังไม่สำนึก
ปรีดี พนมยงค์ พ่ายแพ้ทางการเมือง กลายเป็น "กบฏ" (วังหลวง) ต้องหลบหนีออกนอกประเทศตอนอายุ 47 ปี และอยู่ต่างประเทศจนเสียชีวิตตอนอายุ 83 ปี
จอมพล ป.พิบูลสงคราม พ่ายแพ้ทางการเมือง แม้ไม่ใช่กบฏแต่ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ จอมพล ป.หลบหนีออกไปตอนอายุ 60 ปี และเสียชีวิตที่ญี่ปุ่นตอนอายุ 67 ปี
เวลาที่อาจารย์ปรีดีเป็นคนไร้แผ่นดินก็ประมาณ 36 ปี ส่วนของจอมพล ป.นั้นก็ประมาณ 7 ปี ...12 ปีที่ทักษิณพ่ายแพ้ทางการเมือง 10 ปีที่ทักษิณไม่มีแผ่นดินอยู่
ทักษิณ(ในวัย 70) ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีไทยคนเดียวที่พ่ายแพ้ทางการเมือง และเทียบกันแค่ตัวเลข "ไม่มีแผ่นดินอยู่" ทักษิณก็ทำสถิติเกินจอมพล ป. ไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงครึ่งของอาจารย์ปรีดีด้วยซ้ำ
ถ้าจะเรียกคะแนนสงสารก็ควรต้องโอดครวญ บีบน้ำตามากกว่านี้เพราะคนที่ทนและทุกข์กว่าตนยังมีอยู่ แต่ตัวเลขมันก็แค่นั้น จะไม่มีแผ่นดินอยู่กี่ปีก็ไม่เท่ากับว่าอยู่อย่างไร คิดอย่างไร ในช่วงเวลานั้น
บทเรียนจากจอมพลป.ในช่วงบั้นปลายชีวิต หมดสิ้นอำนาจ ตั้งใจอยากบวช(ที่อินเดีย)...แม้ก่อนจะสูญสิ้นอำนาจ จอมพล.ป เคยขอขมาต่อ "ศัตรูทางการเมือง" อย่าง อาจารย์ปรีดี ให้คนเขียนจดหมายไปหาที่อยู่ที่ฝรั่งเศสเพื่อขออโหสิต่อกัน (และขอให้ อ.ปรีดี กลับมาช่วยในการรับมือกับจอมพลสฤษดิ์ซึ่งกำลังก้าวทะยานขึ้นสู่อำนาจในขณะนั้น)
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี" พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะกรรมการสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยยุคนั้นเข้าเฝ้าฯ และทรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นพระราชทาน และยังพระราชทาน "พระราชบันทึก" อันเป็นประวัติศาสตร์ที่ใครก็บิดเบือนไม่ได้ โดยระบุว่า
"จอมพล ป.เคยมาเฝ้า เขาพูดว่า อยากจะล้างบาป เพราะทำกับท่าน (พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗) ไว้มากเหลือเกิน จากนั้นแล้วก็เลยไปสร้างโรงพยาบาลพระปกเกล้าไว้ให้ที่จันทบุรี ดูเหมือนจะสร้างไปทั้งหมด ๕ ล้านบาท"
สมเด็จฯ ทรงเล่าและทรงเท้าความย้อนไปก่อนที่จะเสด็จฯ กลับ (จากอังกฤษ) ว่า "หลวงประดิษฐ์มนูธรรม พระยามานวราชเสวี เคยไปขอเข้าเฝ้าฯ บอกว่า ข้าพระพุทธเจ้าตอนนั้นยังเด็ก คิดอะไรหัวมันรุนแรงเกินไป ไม่นึกว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ ก็คงไม่ทำ"
ส่วนอาจารย์ปรีดี พูดไว้ในบั้นปลายชีวิตของท่านว่า "... ข้าพเจ้าไม่สนใจที่จะกลับสู่การเมืองอีกหรอก เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าแก่มากแล้ว แต่ข้าพเจ้าตอบท่านได้ถึงความผิดในอดีตของข้าพเจ้า"
"ในปี ค.ศ. ๑๙๒๕ เมื่อเราเริ่มจัดตั้งแกนกลางของพรรคอภิวัฒน์ในปารีส ข้าพเจ้ามีอายุเพียง ๒๕ ปี เท่านั้น หนุ่มมาก หนุ่มทีเดียว ขาดความจัดเจน แม้ว่าข้าพเจ้าได้รับปริญญาแล้วและได้คะแนนสูงสุด แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าทางทฤษฎี (ของกฏหมายเปรียบเทียบ) ข้าพเจ้าไม่มีความเจนจัด และโดยปราศจากความเจนจัด บางครั้งข้าพเจ้าประยุกต์ทฤษฎีอย่างนักตำรา ข้าพเจ้าไม่ได้นำเอาความเป็นจริงในประเทศของข้าพเจ้ามาคำนึงด้วย ข้าพเจ้าติดต่อกับประชาชนไม่พอ ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้าเป็นความรู้ตามหนังสือ ข้าพเจ้าไม่ได้เอาสาระสำคัญของมนุษย์มาคำนึงด้วยให้มากเท่าที่ข้าพเจ้าควรจะมี ในปี ค.ศ. ๑๙๓๒ ข้าพเจ้าอายุ ๓๒ ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ"
7 ปีของความพ่ายแพ้ทางการเมืองของจอมพลป. ปรากฏ ความสำนึกผิด อยากขออโหสิต่อฝ่ายตรงข้ามหรือผู้เป็นศัตรูทางการเมืองในบั้นปลายชีวิต
36 ปีของความพ่ายแพ้ทางการเมืองของอาจารย์ปรีดี คือ การปล่อยวาง(มือ) ทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง ทบทวนความผิดพลาดของคณะราษฏร์(ที่ได้แย่งชิงอำนาจกันเองสร้างความย่อยยับ เสียหายทางการเมืองภายใต้ป้ายชื่อ "ผู้อภิวัฒน์")
ส่วน 12 ปีของทักษิณ ชินวัตร ที่เพลี่ยงพล้ำและพ่ายแพ้ทางการเมือง จะมีความสำนึกผิด จะมีความอโหสิอย่างจริงใจ จะมีการปล่อยวาง จะมีการทบทวนความผิดพลาดหรือความเลวร้ายสารพัดในรอบ12ปี หรือไม่นั้น สิ่งที่ทักษิณเขียนออกมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วนั้นจะบ่งบอกและยังสะท้อนว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นทักษิณยังคิดอะไร? อย่างไร? ได้ดีที่สุด