- 14 ต.ค. 2561
เชื่อหรือไม่.. "เพื่อชาติ"ไม่เกี่ยว"เพื่อไทย"..ไม่ได้ทำเพื่อทักษิณ?
14 ต.ค. 61 - ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ห้างอิมพีเรียลสำโรง พรรคเพื่อชาติ จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2561 เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อบังคับพรรค รวมถึงสัญลักษณ์ของพรรค โดยมีนายเถลิงยศ บุตุคำ หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมกับสมาชิกกว่า 500 คน
บริเวณภายนอกห้องประชุม บรรดาแกนนำผู้ร่วมสนับสนุนพรรคอาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช., นายอารี ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ด นปช., นายสุริยา ชินพันธุ์ อดีตดารา-นักร้องเสื้อแดง นายรังษี เสรีชัย นักร้องเสื้อแดง ,นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์
14 ต.ค. 61 - ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ห้างอิมพีเรียลสำโรง พรรคเพื่อชาติ จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2/2561 เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อบังคับพรรค รวมถึงสัญลักษณ์ของพรรค โดยมีนายเถลิงยศ บุตุคำ หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมกับสมาชิกกว่า 500 คน
บริเวณภายนอกห้องประชุม บรรดาแกนนำผู้ร่วมสนับสนุนพรรคอาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช., นายอารี ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ด นปช., นายสุริยา ชินพันธุ์ อดีตดารา-นักร้องเสื้อแดง นายรังษี เสรีชัย นักร้องเสื้อแดง ,นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก และนายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์
ขณะที่ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อย่าง นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะเจ้าของห้างอิมพีเรียลสำโรง นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม มี บุตรชายนายสงคราม เข้าร่วมประชุมด้วย.
นายจตุพร กล่าวว่า เดินทางมาในฐานะกองเชียร์ มาให้กำลังใจพรรคเพื่อชาติ โดยเชื่อว่า พรรคเพื่อชาติพร้อมเปิดกว้างกับทุกฝ่าย ภายใต้กรอบกติกาประชาธิปไตย เพื่อมาร่วมหารือทางออกให้บ้านเมือง อย่างที่เคยพูดไป ถ้าเราไม่คุยกัน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะก็จะเกิดปัญหาตามมา คนชนะปกครองไม่ได้ คนแพ้ไม่มีที่ยืน ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
"ขอยื่นไมตรีให้กับทุกฝ่าย พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย ความขัดแย้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เป็นความเจ็บปวดขมขื่น เราต้องยอมรับความจริง ถ้าไม่เริ่มต้นที่ตัวเองประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ต้องทำให้ประเทศไทยกลับมานับหนึ่งกันใหม่ เรื่องราวต่างๆที่เกินขึ้นอดีต ถ้าเป็นเรื่องข้อกฎหมายก็ว่าตามกระบวนการ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การมาพูดคุยไม่ใช่จะมาเปลี่ยนแปลงความคิดกัน เพียงแค่ให้ความคิดเห็นแตกต่างสามารถพูดคุยกันได้ ถือเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย" นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร ยืนยันว่าพรรคนี้ไม่ใช่ของ นปช. เพราะตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 อีกทั้ง พรรคเพื่อชาติ เพื่อไทย และ เพื่อธรรม ไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน ขอให้แยกแยะด้วย ทั้งนี้ ไม่ห่วงว่าฐานเสียงทั้ง 3 พรรค จะแย่งคะแนนกันเอง เพราะหากคิดแบบนั้นก็เป็นความคิดทางการเมืองแบบเก่า อีกทั้งยืนยันว่าพรรคเพื่อชาติ ไม่คาดหวังที่นั่งในสภาอย่างที่หลายพรรคคาดการณ์ เพราะประชาชนยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
เมื่อถามว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคแนวร่วมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ใช่หรือไม่ หากเห็นว่าแนวทางตรงกัน นายจตุพรกล่าวว่า อย่างที่เคยเสนอไปว่า ถ้านักการเมืองและพรรคการเมืองไม่มาพูดคุยกัน หนทางข้างหน้าคือวิกฤต และลำพังเพียง 2 พรรคก็ไม่ได้ ต้องมีผู้มีอำนาจร่วมพูดคุยด้วย เพื่อตกลงเป็นสัญญาประชาคม
เมื่อถามอีกว่าพร้อมจะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)หรือไม่ นายจตุพร บอกว่ายังไกลเกินไปที่จะกล่าวถึง แต่ประชาชนจะเป็นผู้กำหนด และเราก็เคารพการตัดสินใจของประชาชน การตอบแบบนักการเมืองแม้จะไม่ยาก ขอให้ประชาชนตอบในสนามเลือกตั้งก่อน
ด้านนายยงยุทธ กล่าวว่าจะใช้ประสบการณ์ในงานการเมืองที่เคยทำมา ส่งเสริมให้พรรคเพื่อชาติประสบความสำเร็จ และเป็นพรรคเพื่อประชาชน ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจสนับสนุนพรรคการเมือง ส่วนตัวได้คิดและนำรายชื่อพรรคมาพิจารณาแล้ว ว่าพรรคใดเหมาะสมกับอุดมการณ์ และพรรคเพื่อชาติก็ตรงกับอุดมการณ์จึงมาสนับสนุน ทั้งนี้ ไม่หวั่นว่าจะถูกครหา เพราะได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว และย้ำด้วยว่าไม่คาดหวังทั้งตำแหน่งทางการเมือง และตำแหน่งในพรรคเพื่อชาติ จะเป็นเพียงแค่ภารโรง และกองเชียร์ที่นั่งชมอยู่บนอัฒจันทร์ และหากพรรคต้องการคำปรึกษาก็ยินดี
ส่วนกระแสข่าวจะมีบุคคลทางการเมืองสำคัญหลายคน เข้าร่วมพรรคเพื่อชาติ ซึ่งล่าสุดมีชื่อของ นายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นายยงยุทธ บอกว่าทุกอย่างอยู่ที่มติกรรมการบริหารพรรค แต่ใครมาเป็นก็พร้อมสนับสนุน แต่ต้องเข้าใจปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก
นายยงยุทธ ยังกล่าวอีกว่า ก่อนตัดสินใจกลับสู่สนามการเมือง มีโอกาสพบและคุยกับนายทักษิณ หลายๆเรื่อง ส่วนงานการเมืองโดยเฉพาะการลงมาอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อชาติ ไม่ขอตอบ เพราะไม่อยากให้นำไปโยงเป็นประเด็นทางการเมือง สร้างความแตกแยก