- 18 ต.ค. 2561
จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 หลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหาร ปตท. ถึงการดึง ปตท.และปั๊มน้ำมันเอกชนรายอื่น รวมทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยกันอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก ประมาณ 300,000 คัน ทั่วประเทศ
จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 หลัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหาร ปตท. ถึงการดึง ปตท.และปั๊มน้ำมันเอกชนรายอื่น รวมทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยกันอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก ประมาณ 300,000 คัน ทั่วประเทศ
ด้วยการชดเชยราคาแก๊สโซฮอลล์ 95ให้ต่ำกว่าราคาขายปกติทั่วไปลง 3 บาท/ลิตร เพื่อช่วยลดภาระของผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ในช่วงน้ำมันราคาแพง นอกจากนั้นยังอาจขยายไปถึง การช่วยเหลือกลุ่มแท็กซี่และรถตู้โดยสารสาธารณะ นอกจากนั้นยังอุดหนุนราคาเอ็นจีวี ให้ต่ำกว่าราคาขายปกติทั่วไปลง 3 บาท/ กิโลกรัม ไปอีกระยะหนึ่ง สำหรับราคาก๊าซหุงต้ม สำหรับพ่อค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอย เพื่อลดต้นทุนการผลิตอาหารไม่ให้ขยับราคาสูงขึ้นช่วยอุดหนุนก๊าซหุงต้มในราคา 363 บาท / ถัง 15 กิโลกรัม โดยขยายเวลาออกไปถึงกลางปีหน้าเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้เป็นแผนลดสิ่งจำเป็นของประชาชนรายย่อยที่มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูง ภาครัฐจึงมุ่งเน้นเป็นพิเศษเพื่อลดรายจ่ายที่อาจไม่จำเป็นออกไป
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ออกมาเผยความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับมาตรการนี้ ว่าอยู่ในระหว่างรอทางกระทรวงการคลังสรุปตัวเลขจำนวนรถจักรยานยนต์ที่แน่ชัด ว่าในตอนนี้มีรถจักรยานยนต์ ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกและเป็นผู้รับขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเท่าไหร่ รวมถึงขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลังว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย หรือเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทางกระทรวงต้องการให้มีการช่วยเหลือมากที่สุด
ทั้งนี้มาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 300 กว่าล้านบาทต่อปี และผู้ค้ามาตรา 7 อีก 300 ล้านบาท / ปี ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นในการให้ส่วนลดกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และใบอนุญาตขับจักรยานยนต์รับจ้าง จะนำร่องจากรถจักรยานยนต์รับจ้าง ประมาณ 300,000 คัน ทั่วประเทศและต้องลงทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก โดยจะมีผลในเดือนธันวาคม 2561
ในตอนนี้ทางกระทรวงพลังงานกำลังศึกษาส่งมอบนโยบาย 4 เรื่อง ให้กับผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วนดำเนินการต่อ ดังนี้
1. ดูแลภาพรวมด้านพลังงานเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ
2. ให้นำเรื่องของสวัสดิการประชารัฐช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยในช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งให้กลับไปหารือต่อและให้ได้คำตอบเร็วที่สุดที่จะใช้กลไกที่มีอยู่จากกองทุนประชารัฐ ธนาคารกรุงไทย และกระทรวงการคลังให้ช่วยกันพิจารณาต่อ
3. ให้ทำการส่งเสริมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ (Boi Economy) โดยใช้จุดแข็งของ ปตท. ร่วมกับทางกระทรวงอุตสาหกรรม
4. ด้านค้าปลีก (รีเทล) ให้ PTTOR คัดเลือกพื้นที่ในชุมชนสร้างเป็นจุดซื้อขายสินค้าท้องถิ่น โดยปั้มจะทำหน้าที่เหมือนตลาด รูปแบบเป็น Community โดยใช้ IOT เข้ามาเชื่อมโยง
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ทัดเทียมกันมากขึ้น โดยในตอนนี้รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่ใช้นำร่องนี้จะเกิดผลและเป็นประโยชน์อย่างสูงสุด ก่อนขยายต่อไปยังประชาชนทั่วไปที่ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นพาหนะ เพื่อให้ได้ส่วนลดน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในราคาลิตรละ 3 บาท ไม่เกิน 5 ลิตร / วัน คิดเป็นส่วนลดรวม 15 บาท ต่อวัน หรือ 450 บาท ต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นเงิน 45 ล้านบาท หรือ 540 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ผู้ถือถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้ง 11.4 ล้านราย ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกัน