- 19 ต.ค. 2561
"ประจิน" เตรียมส่งข้อมูล"ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์" ให้นายกฯ ย้ำไม่มีการปล่อยปลูกอิสระ
" พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รองนายกฯ เตรียมส่งข้อมูลกัญชาใช้การแพทย์ให้นายกฯ ยันผู้ร่วมผลิตต้องทำตามกติกา และจะไม่มีการปล่อยให้ปลูกอิสระ
วันนี้ (19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการออกกฎหมายเพื่อรองรับเรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ(ยูเอ็น) มีความร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) และมีกรอบความร่วมมือว่าด้วยความมั่นคงกับอาเซียน 10 ประเทศ โดยยูเอ็นโอดีซีและอาเซียนไม่ต้องการให้มีการเสพยาเสพติดอย่างถูกกฎหมาย แต่สนับสนุนใช้พืชเสพติดในการรักษาทางการแพทย์และการวิจัย ซึ่งเรามีหน่วยงานวิจัยในการทำเรื่องนี้ แต่จะต้องดูสูตรที่นำไปใช้บำบัดโรค
"ต้องไม่ทำแบบผิวเผิน มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน มีการทดลองจากสัตว์และมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักสากลในการวิจัยยาเพื่อรักษาโรค และเรากำลังพยายามทำให้สูตรที่เราวิจัยเองใช้ประโยชน์ได้จริง มีเภสัชกรหรือองค์กรจับมือกันเพื่อผลิตจริง และจะต้องผ่านกระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนการรักษาต้องมีสถานพยาบาลและแพทย์เข้ามาเป็นเครือข่ายและผู้ป่วยต้องสมัครใจ" พล.อ.อ.ประจิน กล่าว พร้อมระบุด้วยว่า
วันนี้ได้ฝากการบ้านให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปทำตามข้อเสนอของหลายฝ่าย รวมถึงข้อเสนอของสมาชิกบางกลุ่มในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีการทบทวนและตรวจสอบให้ตรงกับขีดความสามารถ การบำบัดรักษา และต้องไม่นอกกรอบความร่วมมือของยูเอ็นโอดีซีและอาเซียน และยังได้รวบรวมรายงานจาก 4 กลุ่มวิจัยครบถ้วนแล้ว รวมถึงได้รับข้อมูลจากต่างประเทศ ซึ่งวันนี้ ป.ป.ส.จะนำเอกสารทางการมาให้ตรวจสอบ หากไม่มีการแก้ไขก็จะนำเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาในวันนี้
เมื่อถามว่า กัญชาที่จะนำมาใช้ จะนำมาจากแหล่งใด พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กัญชาที่นำมาใช้ได้ จะมี 3-4 สายพันธุ์เท่านั้นที่มีสารที่มีประโยชน์ต่อการรักษาโรค จึงต้องดูสายพันธุ์ที่เหมาะสมและมีพื้นที่ควบคุม มีอาคารโรงเรือนในลักษณะปิด มีระบบเรื่องแสงและน้ำที่เหมาะสม มีเจ้าหน้าที่หรือแพทย์ที่เชี่ยวชาญดูเรื่องการเจริญเติบโต ไม่เปิดโอกาสให้มีการปลูกอิสระ เพื่อไม่ให้ขัดกฎเรื่องการใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย ดังนั้น คนที่เข้ามาทำเรื่องนี้จะต้องมีความรู้ ยอมรับกติกา ไม่ปล่อยให้มีการละเมิด จึงจะผลักดันให้จับมือระหว่างผู้วิจัยกับผู้ผลิตได้ พร้อมกันนี้ จะต้องมีคณะทำงานคู่ขนานในมาตรการต่างๆ ตามที่จะเสนอให้นายกฯเห็นชอบในหลักการด้วย
"มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้อย่างอิสรเสรี แต่เป็นมาตรการที่สังคมต้องยอมรับ ผู้เกี่ยวข้องทางการแพทย์สามารถปฏิบัติได้ และเป็นที่พอใจของผู้ป่วย ผลทั้งหมดต้องเกิดในภาพรวม 3 ระดับคือ ระดับประเทศ สังคม และกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการ"
ส่วนเมื่อถามถึงกระแสข่าวการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดล็อกกัญชา พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เรายังยึดหลักตามกฎหมายปกติ เช่น การแก้ไขกฎกระทรวงสาธารณสุข แก้ไขระเบียบกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติมในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ที่ยังอยู่ใน สนช. หรือมีกฎหมายที่ดึงเฉพาะบางมาตราออกมาใช้ เป็นพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) หรือพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) ตรงนี้เป็นหลักก่อน