ศาลสมุทรปราการ สั่งจำคุก 4 ปี อดีตอัยการสระบุรีกับพวก ร่วมขนนอแรด มูลค่าเฉียด 50 ล้านเข้าไทย

จากกรณีที่นายวรภาส บุญศรี พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการ จ.สระบุรี ไม่มาเข้าพบอัยการเพื่อส่งฟ้อง ในคดีที่ถูกพนักงานสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกหมายจับ กรณีกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการขนนอแรดจำนวน 21 นอ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเดือน มี.ค. 2560 ที่ผ่านมา 

 

ต่อมานายวรภาส บุญศรี พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการ จ.สระบุรี ได้มาพบพนักงานอัยการ จ.สมุทรปราการ และถูกนำตัวส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการแล้ว ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2467 มาตรา 27 พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 และ 17 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 มาตรา 23 และ 24 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 144 

 

นอกเหนือจากคดีทางอาญาแล้ว นายวรภาส ยังถูกอัยการสูงสุด (อสส.) ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีกด้วย และในคดีดังกล่าวมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 3 คน ได้แก่ นายวรภาส บุญศรี ,น.ส.กานต์สินี อนุตรานุศาสตร์ และนางฐิติรัตน์ อาราอิ โดยน.ส.กานต์สินี และนางฐิติรัตน์ ถูกอัยการส่งฟ้องศาลไปแล้ว ก่อนหน้านี้

 

ล่าสุดที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีคำพิพากษาคดีลักลอบขนนอแรด ที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางฐิติรัตน์ อาราอิ , น.ส.กานต์สินี อนุตรานุศาสตร์ และนายวรภาส หรือพ.ต.ต.วรภาส บุญศรี อดีตรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสระบุรี ในความผิดฐานร่วมกันพา หรือนำของต้องจำกัดหรือของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร

 

 

 

โดยกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 มี.ค.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านตรวจอาคารผู้โดยสาร ตรวจค้นกระเป๋าต้องสงสัยพบนอแรด 21 นอ น้ำหนัก 49.4 กิโลกรัม มูลค่า 49,400,000 บาท โดยจำเลยทั้ง 3 อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว

 

 

 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการจังหวัดสมุทรปราการสั่งคดี โดยอัยการได้สั่งฟ้องทั้งสามตามความผิดพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 , พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.60

 

 

 

 

 

 

โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง จึงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิด ให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 4 ปี โดยไม่รอการลงโทษ อย่างไรก็ตาม ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยที่ 1-3 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยศาลพิจารณาแล้วก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสามระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท