- 24 พ.ย. 2561
สืบเนื่องจากวานนี้ (23 พฤศจิกายน) กรณีที่ "นาย สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ"กกต".ได้ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ใช้ชื่อว่า "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง "ที่มีจุดยืนมั่นคงในการรักษาประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่รับเผด็จการแปลงรูป" ซึ่งทำเอาบรรดาประชาชน เดากันไปต่างๆนาๆ ว่า "นาย สมชัย"จะสมทบพรรคฯไหนกันแน่
สืบเนื่องจากวานนี้ (23 พฤศจิกายน) กรณีที่ "นาย สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ"กกต".ได้ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ใช้ชื่อว่า "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ว่าจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง "ที่มีจุดยืนมั่นคงในการรักษาประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่รับเผด็จการแปลงรูป" ซึ่งทำเอาบรรดาประชาชน เดากันไปต่างๆนาๆ ว่า "นาย สมชัย"จะไปพรรคฯไหนกันแน่
ล่าสุด ในวันนี้ (24 พฤศจิกายน) ได้มีการแสดงความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ "นาย สมชัย" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ใช้ชื่อว่า "สมชัย ศรีสุทธิยากร" ใจความดังนี้ "ขอบคุณน้ำใจไมตรีที่มีจากทุกพรรค มีพรรคการเมือง ๗-๘ พรรคที่ที่ติดต่อทาบทามให้ผมร่วมเป็นสมาชิกพรรค ทั้งพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก บ้างก็เป็นพรรคเก่า บ้างก็พรรคใหม่ หรือแม้กระทั่งพรรคที่ยังไม่เกิด
ทุกพรรคเป็นพรรคสายประชาธิปไตย เพราะหากไม่สนับสนุนประชาธิปไตยคงไม่เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง ทุกพรรคที่มาคุยล้วนเป็นเพื่อน ทั้งเพื่อมัธยมที่เรียกกูมึงได้อย่างสนิทใจ เพื่อนมหาวิทยาลัย เพื่อนที่เคยทำงานร่วมกัน เพื่อนในสถาบันที่ไปศึกษาอบรมหลักสูตรต่างๆ เราพูดคุยแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าอย่างไร เราจะไม่ติดหล่มการเมืองเก่าที่นำพาประเทศไปสู่ความเสียหายได้อย่างไร แม้จะใช้เวลาคุยกันไม่มากแต่ก็เป็นสาระ ทุกพรรคให้เกียรติผมเป็นอย่างมาก
เมื่อกฎหมาย กำหนดให้ประชาชนคนหนึ่ง สามารถสมัครพรรคการเมืองได้เพียงพรรคเดียว ผมจึงต้องเลือก ผมไม่สามารถเลือกพรรคที่ดีที่สุดในสายตาของทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากแต่ละคนย่อมมีมุมมองค่านิยมที่แตกต่างกัน แต่เลือกอย่างไรให้เป็นผลดีที่สุดต่อประชาชนในสายตามองมุมของผมเองต่างหากที่นำมาสู่การตัดสินใจในขั้นท้ายสุด วันอาทิตย์นี้ ๑๔.๐๐ น. ผมจะเดินไปสมัครสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์"
นอกจากนี้ "น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ" กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เป็นผู้ทาบทาม"นายสมชัย" มาสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากได้มีโอกาสรู้จักกัน ในช่วงที่ตนไปอบรมหลักสูตรการพัฒนา การเมืองและการเลือกตั้ง ระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 7 เห็นว่า เป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ แต่ณ ขณะนั้นไม่คิดที่จะทาบทามมาร่วมงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์
เนื่องจากยังเป็น กกต. อยู่ จนกระทั่ง มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ปลดนายสมชัย ออกจากตำแหน่ง โดยมีการทาบทาม 2 ครั้ง จนกระทั่ง"นายสมชัย" ตัดสินใจที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยโทรศัพท์แจ้งตนช่วงค่ำวานนี้ (23 พฤศจิกายน) ว่า "จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันพรุ่งนี้เวลา 14.00 น ซึ่งได้รายงานให้หัวหน้าพรรคฯรับทราบแล้ว โดย"นายสรรเสริญ สมะลาภา" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ กทม.
จะเป็นผู้มาต้อนรับ ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเรื่องนี้ทางพรรคฯมีขั้นตอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา (20 มีนาคม 60) ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่ง "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐนตรีและหัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 ปลด "นายสมชัย" และให้เหตุผล 2 ข้อด้วยกัน
คือ 1. มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการและกําหนดการการเลือกตั้งด้วยถ้อยคําที่ไม่สมควรในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสน อันจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งและการจัดการการเลือกตั้งให้สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี และ 2.มีการขัดกันของผลประโยชน์กรณีสมัครเป็นเลขาธิการ กกต. โดยไม่ยอมทิ้งตำแหน่ง กกต. เสียก่อน
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา อาจทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สงสัย จนนำมาซึ่งการตั้งคำถาม ว่าที่ผ่านมานั้นไซร้ การออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นหรือการแสดงออกของ"นาย สมชัย" ที่เป็นลบกับรัฐฯคสช.จนทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาถูกใจกันยกใหญ่ เหตุใด"นาย สมชัย" จึงไม่ลงสมัครฝั่งนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ เหตุใดจึงร่วมเดินกับ"ประชาธิปัตย์"
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เลือกไปอยู่ประชาธิปัตย์ คือไม่เอาเผด็จการ หรือไม่เอาอะไรกันแน่ คนส่วนใหญ่ฟังแล้ว รู้สึกอย่างไร?