พลิกโฉมระบบการสื่อสาร AIS เปิดให้ทดลองเทคโนโลยี 5G เป็นรายแรกในไทย

การติดต่อสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์โลก โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นยุคของโรคไร้พรมแดน การเข้าถึงข่าวสาร และการติดต่อเป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการ "พัฒนา" ในแทบจะทุกด้าน หากอีกมุมหนึ่งวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสารนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง 
 
ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในยุค 4G มีจุดเด่นคือ เป็นยุคของ เครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้จะสามารถใช้งานได้แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง 
 
และแล้วสังคมไทยกำลังจะก้าวกระโดดไปอีกขั้น เมื่อมีรายงานว่า วันนี้ 24 พ.ย. 2561 ที่งาน "5G the First LIVE in Thailand by AIS" เครือข่าย AIS เปิดให้คนไทยได้ ทดสอบเทคโนโลยี 5G เป็นรายแรกในไทย ภายใต้การร่วมมือกับโนเกีย หัวเหว่ย และ แซดทีอี ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. - 15 ธ.ค. 2561 ณ AIS DC ชั้น 5 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อให้ภาคธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรมเห็นภาพของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจาก 5G ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา นำไปสู่การเตรียมพร้อมองค์กรให้สอดรับกับเทคโนโลยีอนาคตที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้

นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า "หน้าที่หลักในฐานะ Digital Life Service Provider คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ดีที่สุดเพื่อประเทศ เราจึงไม่เคยหยุดทำงานพร้อมนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมามอบให้แก่คนไทยเสมอ นอกจากนี้อีกหน้าที่หลักซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการซึ่งมีคลื่นความถี่มากที่สุดคือ 120 MHz เราจะต้องนำทรัพยากรคลื่นความถี่มาสร้างมูลค่าและประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมและประเทศไทยอย่างดีที่สุด หมายรวมถึง การศึกษา ค้นคว้า วิจัย เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างกรณี 5G  ที่ต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างสม่ำเสมอ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า 5G คือ โอกาสครั้งสำคัญที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมไปอีกขั้น"
 
"จึงเป็นที่มาว่าในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา AIS และโนเกีย จึงยื่นเรื่องขอทดสอบ 5G และได้รับอนุญาตนำเข้าอุปกรณ์เพื่อดำเนินการสาธิต 5G จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2561 และได้ยื่นเรื่องขอดำเนินการสาธิต 5G ให้กับ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงานของ กสทช. ด้านกิจการโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2561 วันนี้คณะกรรมการ กสทช. ได้อนุมัติให้ AIS และโนเกียสามารถเปิดการสาธิต 5G บนคลื่นความถี่ย่าน 26.5-27.5 GHz ได้อย่างเป็นทางการให้คนไทย และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้สัมผัสประสบการณ์และใช้เทคโนโลยี 5G ครั้งแรกในเมืองไทยเพื่อให้เห็นประโยชน์ของ 5G ที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถเศรษฐกิจและสังคม โดยจะทยอยนำเสนอเทคโนโลยีจากพันธมิตรระดับโลกรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง"

 

สำหรับเทคโนโลยี 5G นั้นเป็นการยกระดับเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ให้เหนือกว่า 4G โดยหลักจะมีความละเอียดสูงสร้างแบนด์วิดธ์ขนาดใหญ่  ทั้งยังสามารถรวมเครือข่ายในทุกแพลตฟอร์ม  แน่นอนว่าย่อมมีประสิทธิภาพด้านความเร็วที่มากขึ้น ทำให้สามารถเผยแพร่ข้อมูลขนาดใหญ่ ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพราะ เทคโนโลยียังอยู่ภายใต้กระบวนการผลิตและพัฒนา อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่สามารถใช้ 5G ได้ เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีค่าใช้จ่ายสูง  และปัญหาสำคัญที่ยังคงเป็นช่องโหว่ ที่จำต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

 

 
อย่างไรก็ตามในงานดังกล่าวจะมีการสาธิตประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G อย่างหลากหลาย อาทิ 

1. 5G Super Speed เป็นการแสดงศักยภาพด้าน ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Throughput) และความหน่วง (Latency) 

2. 5G Ultra Low Latency – Cooperative Cloud Robot การสาธิตประสิทธิภาพการตอบสนองที่รวดเร็วของเครือข่าย 5G โดยการใช้หุ่นยนต์สามตัวในการหาจุดสมดุล ที่ทำให้ลูกบอลอยู่กึ่งกลางกระดาน การสาธิตแสดงเวลาที่หุ่นยนต์ใช้ในการหาจุดสมดุลผ่านการสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับเครือข่าย 5G

3. 5G Virtual Reality – immersive video การสาธิต การดูวีดีโอที่แสดงสภาวะเสมือนจริง (immersive video) ผ่านเครือข่าย 5G ผู้ที่ใส่แว่นตา VR จะสามารถมองเห็นได้รอบด้าน 360 องศา ซึ่ง การดูวีดีโอ VR ที่มีความคมชัด จำเป็นต้องใช้การแบนด์วิดธ์ที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการถ่ายทอดสด หรือ live streaming เป็นข้อจำกัดที่ใช้ได้กับ 5G เท่านั้น
 
โดย นายวีรวัฒน์ ทิ้งท้ายว่า การทดสอบในครั้งนี้ จะทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ และพร้อมนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อตอบสนองการพัฒนาประเทศในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน