- 30 พ.ย. 2561
"ชื่อยังไม่อยากได้ยิน"! คำขาดที่คนกันเองฟาดใส่"อนาคตใหม่" จนแทบกลายเป็น"อนาคตดับ" ซ้ำรอย"เฌอปรางเอฟเฟ็กต์" ที่ยังไม่จาง
ดูเหมือนเส้นทางของ "พรรคอนาคตใหม่" จะไม่สดใสเหมือนตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ และมีผู้คน (ที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่) แห่แหนเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคฯ และขานรับในสิ่งที่เป็น "นโยบายกลาย ๆ" ที่แกนนำพรรคอย่าง "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หรือแม้แต่ "นายปิยบุตร แสงกนกกุล" ออกมาประกาศต่อสาธารณชนในช่วงแรก ๆ เสียแล้ว
เพราะเพียงช่วงเวลาไม่ถึง 30 วัน “พรรคอนาคตใหม่" หรือ "พรรคส้มหวาน” ตามที่คอการเมืองเรียกขานกัน ก็ฟัดกันเองแรง ๆ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา และทุกครั้งก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ฉีกหน้ากากตนเองออกมา....ให้สังคมได้รับรู้ทั้งสิ้น...ล่าสุดนี้ก็เช่นกัน หลังทางพรรคฯ ได้ออกคำสั่งให้ "กรรมการเครือข่ายเยาวชน-คนรุ่นใหม่" ซึ่งร่วมก่อตั้งพรรคฯ มาด้วยกันยุติบทบาท โดยอ้างว่าใช้จ่ายไม่เหมาะสม จนถูกเจ้าตัว ซึ่งรับรู้รับทราบในเวลาต่อมาว่า คือ "น.ส.วิภาพรรณ วงศ์สว่าง" ออกมาโต้กลับแบบตีแสกหน้าว่า สาเหตุที่แท้จริงน่ามาจาก ทางกลุ่มแสดงความเห็นขัดแย้งกับพรรคฯ โดยเฉพาะในประเด็น “คุณค่าเจตนารมณ์ทางการเมือง” พร้อมประกาศลั่น "พอกันที...แม้แต่ชื่อ (พรรค) เธอยังไม่อยากได้ยิน"
ทั้งหลายทั้งปวงนั่น...ยังไม่นับกรณีที่ทางพรรคฯ ก็ซัดกับคนกันเองอย่าง "นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" นักวิชาการเสื้อแดง ที่พำนักอยู่ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง "อั้ม เนโกะ" หรือ "นายศรัณย์ ฉุยฉาย" แดงหมิ่นที่หนีคดี ม.112 ไปอยู่ต่างประเทศ ที่ถือหางนายปวิน กรณีที่นักวิชาการเสื้อแดง โพสต์แขวะนักร้องสาว ”เฌอปราง อารีย์กุล" หัวหน้ากลุ่มไอดอลหญิง BNK48 ที่เคยออกมาทำงานร่วมกับ คสช. ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และออกไปทางเหยียดหยามดูถูกนักร้องคนดังกล่าว กระทั่ง "คริส โปตระนันทน์" อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ ซึ่งว่าไปแล้วก็ล้วนเป็นคนกันเอง ยังรับไม่ได้ และออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ จนบานปลายกลายเป็นวิวาทะเดือดของ 2 ฝั่งระดับ "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" แตกหักกันไปเมื่อต้นเดือน
ที่จริง หากย้อนกลับไปช่วง 4 - 5 เดือนก่อน ช่วงเปิดตัวพรรคใหม่ ๆ กระทั่งกระแสขึ้นสูงสุดในเวลาต่อมา "ธนาธร" ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคมีชื่อขึ้นทำเนียบนั่งนายกรัฐมนตรี ในลำดับที่ 4 ที่ 5 รองจาก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" , "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" และหายใจรดต้นคอหัวหน้าพรรคเก่าแก่อย่าง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แห่งประชาธิปัตย์เสียด้วยซ้ำ แม้โพลล่าสุดจากมหาวิทยารังสิต...เมื่อวันก่อน ก็ยังเป็นเช่นนั้น แต่นั่นก่อนหน้าที่จะถูก...คนกันเองอย่าง "วิภาพรรณ" ออกมาลากใส้...ความกลวงเปล่าทางการเมืองของพรรคฯ แค่ 24 ชั่วโมง
"วิภาพรรณ" ยืนยันว่า การอ้างเรื่องใช้เงินฟุ่มเฟือย เป็นแค่ข้ออ้างที่จะใช้เล่นงานเธอและกลุ่มก้อนของเธอ ส่วนสาเหตุหลัก ๆ น่ามาจาก ทางกลุ่มแสดงความเห็นขัดแย้งกับพรรคฯ โดยเฉพาะในประเด็น “คุณค่าเจตนารมณ์ทางการเมือง” ซึ่งเธอใช้คำว่า "บลัฟกันไป-บลัฟกันมา" สุดท้ายก็นำมาสู่การยุติบทบาทของกลุ่มเธอ
"ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ประเด็นหลักๆ ที่คณะกรรมการบริหารอภิปรายกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง เป็นเรื่อง “ขอบเขตของอำนาจหน้าที่และจะทำยังไงต่อกับเครือข่ายนี้ดี” แล้วจะให้ข้าพเจ้าปฏิเสธอย่างไรว่าแถลงการณ์ฉบับนี้...ไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนความเข้าใจของผู้อ่านให้พุ่งเป้าไปยังเรื่องการเงิน?
ท่านอาจไม่ละอายแก่ใจ หรือท่านอาจอ้างเหตุผลอันชอบธรรมรอบคอบ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่การตัดสินใจนี้ออกมาจากผู้มีอำนาจในพรรค ท่านต้องทบทวนตัวเองให้มากๆ ว่าท่านกำลังนำคนของท่านไปสู่อะไร และอะไรนำพาท่านมาสู่จุดนี้
ท่านอาจกล่าวอ้างว่าเพราะก่อนหน้านี้ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ฯ แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปในทางเดียวกับพรรค หรือดูจงใจ “บลัฟพรรค” ในประเด็นที่เป็นเรื่องของ “คุณค่าเจตนารมณ์ทางการเมือง” แต่การที่ท่านบลัฟเรากลับ อ้างว่าเพราะได้รับข้อร้องเรียนเรื่องการเงิน เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจมากที่ต้องเล่นเกมนี้กับท่าน" วิภาพรรณ บอกไว้ในเฟซบุ๊กของเธอตอนหนึ่ง หลังเรื่องแดงสู่วงกว้าง
ถ้อยคำของวิภาพรรณแจ่มชัดจนไม่ต้องตีความใด ๆ ก็เห็นถึง...การขบเกลียวกันของสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ กับเจ้าของพรรคตัวจริงอย่าง "ธนาธร" ทั้งยังสะท้อนถึง...ความผิดปกติในกลไกภายในพรรคฯ ที่ทำไปทำมาอาจย่ำรอยเท้า "พรรคเพื่อไทย" ของทักษิณในแง่ของผู้มีอำนาจตัดสินใจ ดังที่วิภาพรรณ ก็ระบุไว้ชัดแจ้งว่า "ท่านอาจไม่ละอายแก่ใจ หรือท่านอาจอ้างเหตุผลอันชอบธรรมรอบคอบ แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่การตัดสินใจนี้ออกมาจากผู้มีอำนาจในพรรค ท่านต้องทบทวนตัวเองให้มากๆ ว่าท่านกำลังนำคนของท่านไปสู่อะไร และอะไรนำพาท่านมาสู่จุดนี้"
อย่างไรก็ดี แม้วิภาพรรณจะยอมถอยออกมา โดยประกาศยุติบทบาทของเธอ พร้อมประกาศลั่น "หมดเยื่อใย...แม้แต่ชื่อ (พรรค) ยังไม่อยากได้ยิน" แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อ "นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์" หนึ่งในแกนนำ "กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง" ซึ่งก็ถือเป็นคนกันเองออกมาฟาดใส่พรรคอนาคตใหม่ ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนว่า "ไม่รู้ทำไมพออ่านแถลงการณ์ของ “ช่อ” เสร็จอยู่ดีๆ ก็อุทานว่า “ค......ย” ออกมา"
พร้อมทั้งยังระบุด้วยว่า "พรรคส้มหวานควรแก้ปัญหาภายใน การไล่คนออกจากองค์กรมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา
"ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นพรรคประชาธิปไตย คุณก็ต้องมีความโปร่งใสสิ อนุญาตให้ตรวจสอบได้ ผิดอะไรก็เน้นไปที่กระบวนการตรวจสอบ ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ยิ่งโฆษกแถลงว่า พรรคจำเป็นเปิดเผยหลักฐานและรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยมาสิ ว่าหลักฐานที่บอกเด็ก “ใช้เงินไม่เหมาะสม” มันคืออะไร ธนาธรมาไล่เด็กออกแบบนี้ มันเหมือนเด็กปัญญา10ขวบอ่ะ สะท้อนอย่างตรงๆว่าไอ้นักการเมืองฝึกงานอย่างธนาธรมันความสามารถพิการตั้งแต่แรก ปราศจากความเป็นมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง
"อนาคตใหม่มันจะหมดไหม้ก็เพราะมีหัวหน้าเฮงซวยแบบนี้แหละ" กาณฑ์ ระบุ
ถึงตรงนี้ คงไม่ต้องอธิบายใด ๆ เพิ่มเติมแล้วว่า กลไกภายในพรรคอนาคตใหม่มีปัญหาเช่นใด และเหตุใดจึงทำให้พรรคที่อ้างตัวว่า..."เป็นคนรุ่นใหม่" และดูท่าว่าจะไปได้สวยในช่วงแรก ๆ กลับส่อเค้าว่าจะแตกโพละก่อนเวลาอันควร...นั่นใช่หรือไม่ว่า...เอาเข้าจริง "พวกเขาก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากพรรคการเมืองหน้าเก่า" และ "ไม่ได้เป็นความหวังใด ๆ ทางการเมืองในมิติใหม่ ๆ" เลยสักนิด ยิ่งหากพิจารณาประโยคสุดท้ายที่คนกันเองอย่าง "กาณฑ์" ออกมาส่งเสียงดัง ๆ ยิ่งจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
...ยิ่งสถานการณ์นับจากนี้ไป อีกไม่นานจะก้าวเข้าสู่โหมดหาเสียงเต็มรูปแบบ ซึ่งจะถือเป็นบททดสอบใหญ่...ในสนามจริงที่แต่ละคนแต่ละพรรคล้วนเขี้ยวลากดิน และเป็นสิ่งที่ "พรรคอนาคตใหม่" จะต้องรับมือสิ่งที่ถาโถมเข้าใส่" รับรองว่า...เราอาจได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยคาดฝันจากอนาคตใหม่อีกมาก...เพราะลำพังศึกภายในก็ถูกลากไส้ออกมากองขนาดนี้แล้ว