- 05 ธ.ค. 2561
ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ประชาชนชาวไทยไม่เคยลืมกับวันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ ทั้งนี้มีการจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2523
ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ประชาชนชาวไทยไม่เคยลืมกับวันที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ ทั้งนี้มีการจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา โดยใช้ดอกพุทธรักษา
เป็นดอกไม้ประจำวันพ่อแห่งชาติ
สำหรับเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อแห่งชาติขึ้น เนื่องจากพ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัว รวมถึงสังคมที่ผู้เป็นลูกจะต้องเคารพเทิดทูน พร้อมกับตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ ดังนั้นจึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดตั้งเป็น วันพ่อแห่งชาติ
ในโอกาศนี้สำนักข่าวทีนิวส์จะพาทุกท่านย้อนกลับไปเมื่อครั้ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ยังทรงเยาว์วัย กับความสัมพันธ์พ่อลูก ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ตรึงใจข้าราชบริพารที่ได้เห็นและชิดใกล้ โดยเรื่องราวความรักพ่อ ลูก ของสองพระองค์ถูกถ่ายทอดโดย หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา ถึงการห้ามกล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขณะเข้าเฝ้าเพราะในหลวง ร.9 ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระราชโอรสที่เสด็จไปเรียนต่อมาก
โดยเรื่องราวครั้งนั้นมีใจความว่าความรักของพ่อที่มีต่อลูกนั้น เปรียบเสมือนต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ลูก และเป็นผู้ที่คอยอุ้มชู ค้ำจุนลูกจนเติบใหญ่ แน่นอนว่า หากวันหนึ่งลูกต้องจากพ่อแม่ไปไกล ผู้เป็นพ่อ-แม่ก็ย่อมคิดถึงลูกเป็นธรรมดา เหมือนดังเช่นกรณีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ครั้งเยาว์วัย ที่พระองค์ต้องเสด็จไปศึกษาต่อในต่างประเทศเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ ในหลวงรัชกาลที่ 9
ทรงอดคิดถึงพระราชโอรสไม่ได้
โดยเมื่อครั้งหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ณ พระตำหนักภูพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อนว่า ก่อนร่วมโต๊ะเสวยหม่อมได้รับการกำชับจากท่านผู้หญิงมณีรัตน์ว่า "ห้ามพูดถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นะ" เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระราชโอรสมาก และคงไม่โปรดให้ใครพูดถึงเพื่อจะได้ลืมและคลายความคิดถึง
อย่างไรก็ดี เมื่อหม่อมดุษฎี เดินไปนั่งที่โต๊ะเสวย ก้นยังไม่ทันจะแตะที่เก้าอี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ก็มีพระราชกระแสรับสั่งถึง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยไม่มีช่องว่างให้หม่อมดุษฎี กราบทูลอะไรเลย ซึ่งทำให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงคิดถึงพระราชโอรส จนอดที่จะตรัสถึงไม่ได้ แม้จะไม่มีผู้ใดกล่าวถึงก่อน
อนึ่งเรื่องราวสายสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 กับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ยังมีให้พสกนิกรได้เห็น ถึงความรักของสองพระองค์ ที่มีให้แก่กันอยู่ตลอดเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ยังคงมีพระชนมชีพอยู่ แม้ในตอนนี้จะเสด็จสวรรคตไปแล้วร่วม 3 ปี แต่สายใยความเป็นพ่อ ลูก ก็จะยังคงติดตรึงใจพสกนิกรชาวไทยไปนานเท่านาน