- 17 ธ.ค. 2561
นานวัน-ยิ่งล่อนจ้อน! "อนาคตใหม่" มืดมนไม่หยุด หลังความจริงปรากฏ-สมาชิกพรรคฯ โบกมือลา ขณะ"เพื่อนเก่า"ขยี้ซ้ำ"เพราะเล่นพรรคเล่นพวก"
นานวัน-ยิ่งล่อนจ้อน! "อนาคตใหม่" มืดมนไม่หยุด หลังความจริงปรากฏ-สมาชิกพรรคฯ โบกมือลา ขณะ"เพื่อนเก่า"ขยี้ซ้ำ"เพราะเล่นพรรคเล่นพวก"
ดูเหมือนยิ่งนานวัน พรรคที่ตั้งท่าว่าจะมาแรงอย่าง "อนาคตใหม่" จะยิ่งถูกลอกคราบให้เห็นเนื่อในมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเดิมทีพวกเขาถูกมองว่า...จะสอดแทรกขึ้นมาเป็นพรรคทางเลือก...ของคนรุ่นใหม่ เพราะวางยุทธศาสตร์เรื่องนี้ไว้แต่ต้น โดยพยายามฉายความเป็น "คนรุ่นใหม่-ก้าวหน้า-คิดนอกกรอบ" และอีกหลาย ๆ อย่างที่คิดสรรมาประดิษฐ์เป็นถ้อยคำได้ กระทั่งบางห้วงยาม...หัวหน้าพรรคมือใหม่อย่าง "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" มีชื่อขึ้นไปอยู่ในทำเนียบผู้ที่จะนั่งนายกฯ ลำดับที่ 4 - 5 ต่อท้ายหัวหน้าพรรคเก่าแก่อย่าง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ด้วยซ้ำ
แต่ทว่า...เวลายิ่งผ่านไป...ความจอมปลอมที่ฉาบทาไว้...กลับค่อย ๆ กระเทาะล่อนจนสังคมเห็นเนื้อในหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะกรณี "เฌอปราง-เอฟเฟคต์" เมื่อต้นเดือนก่อน ที่เล่นเอานักวิชาการแดง-อดีตคนกันเองอย่าง "นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" ที่ปะทะคารมกับ "คริส โปตระนันทน์" หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ จนเกิดวิวาทะตัดสิ้นเยื่อใย...ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันมาแล้ว จากนั้น "ปวิน" ก็ปวารณาตัวว่า จะตามล้างตามเช็ดนโยบายของ "พรรคอนาคตใหม่" แบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ที่พร้อมจะลากไส้อดีตคนเคยรัก...ออกมาให้สังคมได้เห็นความกลวงเปล่า...ด้วยตัวของเขาเอง
แม้ประเด็นของ "เฌอปราง" จะทำให้ "อนาคตใหม่" ดูดี หากเทียบกับทัศนะ “เหยียดมนุษย์" ของ"นายปวิน" (ตามที่ "คริส" ใช้ตอบโต้) และได้ทีหยิบเอาเรื่องนี้มาแปรเป็นคะแนนเสียง กระทั่งตัดสิ้นเยื่อใยกันไปดังกล่าว แต่นั่นก็ใช่ว่า ปัญหาของอนาคตใหม่จบสิ้นแค่นั้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดกรณี "น.ส.วิภาพรรณ วงศ์สว่าง" อดีตหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นการกรรมการเครือข่ายคนรุ่นใหม่ หรือ New Gen Network (NGN) ได้ประกาศหันหลังให้พรรคฯ หลังถูกกล่าวหาว่า...ใช้เงินมือเติบ พร้อม ๆ กับที่เธอโยนระเบิด "ถึงการใช้อำนาจของแกนนำพรรค ซึ่งเธอระบุว่า "คนพวกนี้ต้องทบทวนตัวเองให้มากๆ ว่า กำลังนำคนของท่านไปสู่อะไร"
ถ้อยคำของ "น.ส.วิภาพรรณ" ในเรื่องการใช้อำนาจของแกนนำพรรคฯ นั้นนับว่าน่าสนใจ และทำให้เห็นร่องรอย "เปลือกนอกประชาธิปไตย แต่ใส้ในเผด็จการ" ของอนาคตใหม่...แจ่มชัดขึ้นอีกรอบ และดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ผิดไปจากสิ่งที่เธอได้พูดไว้ เมื่อล่าสุดวานนี้ ทางพรรคอนาคตใหม่ได้ตัดชื่อ "น.ส.ธิดารัตน์ ศิริวิทยากร" หรือ "ทนายจ๋า" ออกจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ของพรรคฯ โดยเจ้าตัว "น.ส.ธิดารัตน์" ระบุว่า เหตุที่เธอถูกตัดชื่อออกนั้น เป็นเพราะเธอถูกมองว่า... "เป็นเสื้อเหลือง" ซึ่งเป็นอริทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่จริง ขณะที่อีกเรื่อง คือ เธอถูกกล่าวหาว่า ซื้อเสียงในคราวที่แล้ว...ซึ่งเธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 2 โดย "ทนายจ๋า" ก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเช่นกัน...ก่อนจะระบุในช่วงม้าย ๆ ของคำโพสต์ว่า ภาคภูมิใจ...ที่พาตัวเอง....ออกจากสิ่งนี้ (พรรรคอนาคตใหม่-ผู้เขียน) ได้ทัน
และดูเหมือนข้อขัดแย้งในเชิงการใช้อำนาจของ "พรรคอนาคตใหม่" จะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ "นายปวิน" ซึ่งเป็นอดีตคนกันเอง ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ แบบไม่ต้องอธิบายใด ๆ เพิ่มเติมว่า ปัญหาของอนาคตใหม่คือ คนพวกนี้คือ debutants ทางการเมือง มือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถ้ารู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่ดังที่ปรากฏ คนในอนาคตใหม่มีความโอหัง คิดว่ารู้ดีทุกเรื่อง เมื่อผิดแล้วไม่ยอมรับ แต่แถไปเรื่อย บางคนใช้ยุทธศาสตร์ลอยตัว อันนี้เป็นทั้งธนาธรและปิยบุตร โดยเฉพาะปิยบุตร ที่เป็นคนหลีกเลี่ยงปัญหา ตั้งแต่เกิดเรื่องเฌอปราง มีความพยายามครั้งเดียวจากปิยบุตรในการติดต่อผม จากนั้น ก็หายไปในสายลม เพราะเค้าถือว่าปัญหาเฌอปรางไม่ใช่ของเค้า ดังนั้นเค้าควรจะลอยตัว
ที่เหลือก็ใช้นโยบายลืมๆ ไปซะ จนป่านนี้ ธนาธรยังไม่ได้ออกมาพูดเรื่องสิทธิของการสนับสนุนเผด็จการ แต่ใช้ช่อเป็นด่านหน้า ช่อเองอ่อนด้อยประสบการณ์การเป็นโฆษกพรรค นี่ไม่นับว่าช่อเป็นคนที่ self-confident ที่สูงกว่าความสามารถจริงๆ ผมเคยอยู่ในวงสนทนาของคนพวกนี้ มองย้อนหลังกลับไป ต้องถอนหายใจยาวๆ
ที่เหลือ พรรคนี้เล่นพรรคเล่นพวก ปิยบุตรเอาคนที่ตัวเองสนิทมาในพรรค แม้ว่าจริงๆ ไม่รู้ว่าอุดมการณ์คนพวกนี้เป็นแบบไหน ธนาธรเองเก่งในด้านธุรกิจ แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะรันพรรคการเมืองได้ พรรคนี้เลยกลายเป็นพรรคที่มีตัวเด่นแค่นี้เท่านั้น ใครเข้าถึงผู้นำระดับสูงได้ ก็โชคดีไป
ที่น่าเศร้าก็คือ ผมเคยเชื่อว่าพรรคนี้มีอุดมการณ์ แต่คนในพรรคนี้กลายเป็น "นักการเมือง" เต็มตัว ฟังแล้วอาจดูตลก อ้าวก็เค้าเป็นนักการเมืองนิ ที่ผมหมายถึงก็คือ เค้าคำนึงถึงผลลัพธ์มากกว่าอุดมการณ์ที่เค้าหลอกขายแฟนคลับเค้า