- 24 ธ.ค. 2561
สืบเนื่องจากกรณี "คลิปฉาว" ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ ระหว่างหญิงสาวนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองอาวุโส แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์นำมาซึ่งคำถามว่าใครเป็นผู้บันทึกและทำไปเพื่อจุดประสงค์อันใด...แต่ด้วยรูปพรรณสัณฐานที่ปรากฏชัด บุคคลทั้งสองในคลิปก็มิได้เจตนาบ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน ทำให้ออกมายอมรับโดยละม่อมแต่ก็เน้นย้ำว่าเป็นเรื่อง "ส่วนตัว" ไม่ใช่ "ประเด็นสาธารณะ"
สืบเนื่องจากกรณี "คลิปฉาว" ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ ระหว่างหญิงสาวนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองอาวุโส แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์นำมาซึ่งคำถามว่าใครเป็นผู้บันทึกและทำไปเพื่อจุดประสงค์อันใด...แต่ด้วยรูปพรรณสัณฐานที่ปรากฏชัด บุคคลทั้งสองในคลิปก็มิได้เจตนาบ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธว่าไม่ใช่ตน ทำให้ออกมายอมรับโดยละม่อมแต่ก็เน้นย้ำว่าเป็นเรื่อง "ส่วนตัว" ไม่ใช่ "ประเด็นสาธารณะ"
อย่างไรก็ตามทางฝ่ายหญิงก็มีการพาดพิงแบบแฝงนัยตรงไปกองทัพว่าเป็นปฏิบัติการทางทหารที่เรียกว่า "IO"(information operation) หรือ "การต่อต้านงานด้านการข่าว" ที่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการข่าวสารด้านการทหาร
จนทาง "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จำต้องออกมารับหน้าให้ความกระจ่างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น และหยิบยื่นความปรารถนาดีแก่ประชาชนทุกคนว่า ถ้าเดือดร้อนก็ให้มาแจ้งได้เมื่อทราบแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องก็ต้องหาข้อเท็จจริงต่อไป เช่นเดียวกับทาง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ออกมายืนยันว่าทางรัฐบาล คสช. ไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่เกียวกับความมั่นคง จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่กองทัพต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว
ต่อกรณีดังกล่าว ล่าสุด 24 ธ.ค. 2561 มีความเคลื่อนไหวบนบัญชีเฟสบุ๊ก Watana Muangsook ซึ่งเป็นของ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ระบุว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมทุกท่านคงเห็นแล้วว่ามาจากการเมือง หลักฐานคือการใช้โลโก้ของพรรคเพื่อไทยแปะไว้ที่คลิปทุกคลิป เจตนาของคนทำคือต้องการทำลายผมและพรรคเพื่อไทยที่มีจุดยืนอยู่ตรงข้ามกับเผด็จการ ส่วนคนทำเป็นใครลองอ่านความเห็นตามโพสต์ของคุณโอ๊คพานทองแท้ที่ผมแปะลิ้งค์ไว้ท้ายโพสต์นี้
เผด็จการคงคิดว่าเรื่องสกปรกที่ทำขึ้นคงทำให้ผมถอย หรือคงจะทำลายผมและพรรคเพื่อไทยที่เป็นเป้าหมายได้ แต่กลายเป็นทำให้ประชาชนตาสว่างมากขึ้น เพราะนอกจากจะได้เห็นถึงการไร้ความสามารถในการบริหารทำให้คนไทยต้องยากลำบากทั่วหน้าแล้ว เรายังได้เห็นเรื่องสกปรกที่คนพวกนี้กล้าทำ ตั้งแต่การโกงอำนาจ การใช้อำนาจตามอำเภอใจ การโกงการเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ ล่าสุดคือการใช้วิธีสกปรกที่สุดที่มนุษย์ไม่ทำกันคือการแอบถ่ายคลิปในที่ลับเอามาประจาน
ผมจะไม่เสียเวลากับเรื่องสกปรกที่ถูกกระทำมาเปลืองพื้นที่ของประชาชนอีก ส่วนการฟ้องเจ้าของโรงแรมและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องทำแน่แต่จะมอบหมายให้ทนายดำเนินการ ขอเอาเวลามาพูดถึงปัญหาใหญ่ของประเทศขณะนี้คือปัญหาปากท้องของประชาชน ตัวเลขทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า 4 ปีเศษที่รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศ ได้ทำให้ขีดความสามารถในการเสียภาษีของคนชนบทลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเจริญเติบโตของ GDP นั่นคือคนต่างจังหวัดขาดกำลังซื้ออย่างรุนแรง ปรากฏตามเส้นสีแดงในตารางแสดงการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร
เมื่อเศรษฐกิจฐานรากมีปัญหา จึงส่งผลกระทบมายังเศรษฐกิจในเมืองหลวง ทำให้ขีดความสามารถในการเสียภาษีของคนกรุงเทพลดลงเช่นกัน (ตามเส้นสีทอง) ท้ายที่สุดคือรายได้ของประเทศที่มาจากภาษีอากรของประชาชนไม่เพิ่มขึ้นตามรายจ่ายที่รัฐบาลใช้อย่างไม่บันยะบันยัง หรือพูดแบบชาวบ้านคือเป็นรัฐบาลที่ใช้เป็นแต่เงินแต่หาไม่เป็น เงินที่นำมาใช้คือเงินกู้ที่จะเป็นภาระการคลังของรัฐบาลต่อไปจะต้องหามาชดใช้ ซึ่งจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีความสามารถในการบริหาร แต่หากปล่อยให้พวกเผด็จการที่ไร้ความสามารถได้สืบทอดอำนาจต่อ อนาคตจะเป็นอย่างไรคงเดาไม่ยาก
ดังนั้น เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทันทีคือการเพิ่มกำลังซื้อให้คนส่วนใหญ่ที่ยากจน และการสร้างโอกาสให้คนในเมืองได้ทำมาหากินซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายไว้แล้วแต่ไม่ใช่ด้วยการแจกเงินแบบที่กำลังทำกันซึ่งไม่ยั่งยืน ที่ยังไม่เปิดเผยเพราะกลัวถูกก๊อปปี้แต่ยืนยันว่าเราทำได้แน่นอน เอาแค่เมื่อคราวที่พรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศปัญหาไม่ได้ต่างจากคราวนี้ เพราะนอกจากปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องลดค่าเงินบาทจนสถาบันการเงินล้มไปเกือบเจ็ดสิบแห่งแล้วเรายังต้องใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ แต่ภายใต้การบริหารของมืออาชีพก็นำพาประเทศฝ่าวิกฤตมาได้แล้วทำไมปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะแก้ไม่ได้ ขอเพียงประชาชนออกไปเลือกพรรคเพื่อไทยให้ชนะถล่มทลาย อย่าปล่อยให้พวกที่หนุนเผด็จการหลุดรอดเข้ามาเป็นตัวถ่วงการแก้ไขปัญหาของประเทศเท่านั้น หน้าที่ต่อไปเป็นของมืออาชีพอย่างพวกเราครับ
วัฒนา เมืองสุข
24 ธันวาคม 2561
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวได้นำมาซึ่งการค้นข้อมูลจนสืบทราบว่า ตัวนายวัฒนา นั้นเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยจากหลายกระทรวง ทั้งสมัยนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยในช่วงที่นายวัฒนาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ตามกฏหมายจะต้องแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ล่าสุดจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ พบว่าทรัพย์สิน ของนายวัฒนา ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งทางการเมือง จนพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เพื่อไทย ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 โมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจุบันนายวัฒนา เมืองสุข มีสถานะโสดมีลูกชาย 5 คน แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 22,348,917 บาท ประกอบด้วย
1.เงินฝาก 3,399,300 บาท
2.ที่ดิน 4 แปลง มูลค่า 15,815,250 บาท
3.บ้าน 5 ล้านบาท
4.สิทธิและสัมทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิตทั้งหมด) 634,367 บาท ส่วนที่ดินอยู่ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ทั้งหมด โดยนายวัฒนา แจ้งว่า ได้รับเป็นมรดกไร่ละ 1.5 ล้านบาท
ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ขณะนั้น) มีทรัพย์สิน 6,132,557 บาท ได้แก่
1.เงินฝาก 569,244 บาท
2.เงินลงทุน 5,081,260 บาท
3.สิทธิและสัมปทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิตทั้งหมด) 482,053 บาท
นอกจากนี้เงินลงทุนทั้งหมดของบุตรแบ่งได้ทั้งหมด 8 รายการดังต่อไปนี้
1.บริษัท แอสเซท ไบรท์ จำกัด (มหาชน)
2.บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
4.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ "CPF"
5.บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
6.บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสต์ วิศวการ จำกัด (มหาชน)
7.บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
8.โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน)
เบ็ดเสร็จรวมทั้งสิ้น 28,481,475 บาท โดยที่ไม่มีหนี้สิ้น