- 26 ธ.ค. 2561
สืบเนื่องจากกรณี โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย คดีร่วมฟอกเงิน กรณีอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นความผิดตาม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4
สืบเนื่องจากกรณี โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย คดีร่วมฟอกเงิน กรณีอนุมัติสินเชื่อของอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นความผิดตาม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9 และ 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4
ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์เงินสด 1 ล้านบาท แต่ห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต โดยก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเมื่อนำไปผูกโยงกับประเด็นก่อนหน้าเกี่ยวกับการทุจริตของตระกูล "ชินวัตร" จะพบว่าผู้เป็นบิดาคือนายทักษิณนั้นมีหมายจับถึง 4 หมายด้วยกันคือ
1.คดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ที่อนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่าให้กับรัฐบาลพม่า วงเงิน 4,000 ล้านบาท ในโครงการปรับปรุงระบบโทรคมนาคมของประเทศพม่า เอื้อประโยชน์ธุรกิจดาวเทียม ที่มีการสั่งซื้ออุปกรณ์จาก บริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ฯ และบริษัทในเครือตระกูลชินวัตร โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2551 ศาลฎีกาฯ สั่งให้ออกหมายจับ
2.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ศาลฎีกาฯนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2551 แต่ไม่มา ศาลจึงสั่งออกหมายจับ
3.คดีแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2551 และได้ออกหมายจับเนื่องจากไม่มาศาล
4.คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กว่า 9,000 ล้านบาท ให้กับเครือกฤษดามหานคร ศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2555 เหตุไม่มาศาลในนัดพิจารณาคดีครั้งแรก และเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2561 ศาลออกหมายจับอีกใบในคดีนี้เนื่องจากไม่มาศาล
ทางด้าน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขณะนี้ก็อยู่ในระหว่างการหลบหนี ไม่มีหลักแหล่งกบดานที่แน่นอน หลังจากไม่มาฟังคำพากษาของศาลฎีกาฯ ในคดีจำนำข้าว ที่กำหนดนัดเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 และต่อมารู้ว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค. 2560 ไม่เพียงเท่านี้เพราะอดีตนายกฯสาว ยังมีคดีจ่อกระชั้นตามติดอีกเป็นพรวนรอวันชำระสะสาง เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับผู้เป็นพี่ จึงสมควรยกมาคร่าวๆ 4 คดี คือ
1.คดีออกพ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทเพื่อบริหารจัดการนํ้า
2.คดีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
3.คดีจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง
4.คดีละเว้นไม่ลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา กรณี จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กับพวก ปราศรัยรุนแรง-แบ่งแยกประเทศ
ต่อกรณีดังกล่าว ท่ามกลางกระแสสังคมที่จับตาและหวาดระแวงว่าโอ๊ค จะหลบหนีตามผู้เป็นพ่อและอาหญิงหรือไม่ จนวานนี้ 25 ธ.ค. 2561 เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักข่าวอาวุโสสายทหารได้ทำการโพสต์บนบัญชีเฟสบุ๊กส่วนตัว "Sermsuk Kasitipradit" ไว้อย่างน่าสนใจโดยระบุว่า
หลังโพสต์ข่าวนี้ตอนเย็น ตอนสามทุ่มครึ่งเช็คอีกรอบ ครับ ผลการตรวจสอบนอนยัน95% นายโอ๊คหนีแล้วชัวร์ ที่ต้องหนีเพราะฟ้ามีตาเอาจริงเว้ยยย ...
หนึ่งในคนที่นอนยันซึ่งเป็นคนใกล้ชิดกับลุงขาใหญ่ท่านหนึ่งบอกค่อนข้างชัวร์เว้ยยยคุณเปปซี่..
รอลุงป้อมยืนยันพรุ่งนี้จะให้นักข่าวถามให้นะครับพวกที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเหมือนผม ...แต่เชื่อว่าลุงป้อมจะตอบแบบกั๊กๆตามสไตล์ลุง ไม่กล้าฟันธงเหมือนเฟสนี้..
ข่าวที่ซอกแซกได้มาบอกเจ๊แดงออกจากกพช.แล้วเหมือนกัน ปลายทางที่ไต้หวัน เจอนายโอ๊คที่นั่น เตรียมขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของนักโทษหนีคดีต่อไปอังกฤษ ปลายทางจากอังกฤษอาจเป็นที่ดูไบครับ พี่น้องเอ้ยยย..โพสต์นี้ตอนสามทุ่มครึ่งวันอังคาร25 ธ.ค.
โพสต์ตอน18.15 น..
สายข่าวบางสายมากระซิบบอกว่าหนีแล้วเว้ยยยยเฮ้ยยยย
ช่วงเมอร์รี่คริสต์มาส ตรวจสอบกับสายข่าวหลายสาย ทั้งสายเขียวฝ่ายความมั่นคง สายข่าวกรองทะลุทะลวงของทั่งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน รวมถึงสายข่าวทะลวงไส้ ที่ให้ข่าวโป๊ะเชะมาตลอด รวมถึงที่ฟันธงตั้งแต่แรกว่าเจ๊แดง หนีไปตั้งหลักเคลียร์เสบียงที่กพช.กับลูกเขยกพช. ก่อนเดินทางหลังคริสต์มาสไปที่ดูไบ ตั้งข้อสังเกตไปทิศทางเดียวกันว่า นายโอ๊ค พานทองแท้ ลูกชายนักโทษหนีคดีนายทักษิณ ชินวัตร เผ่นตามน้าสาวไปเรียบร้อยแล้ว ก็รอหน่วยข่าวกรองขอุงลุงป้อมซึ่งได้รับมอบหมายให้เกาะติดความเคลื่อนไหวของนายโอ๊คมายืนยันอีกที...
"มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวทั้งในเฟสและไอจี"..จนท.หน่วยข่าวนายหนึ่งตั้งข้อสังเกต บอกส่วนตัวเชื่อว่าเผ่นตามน้าไปแล้ว พร้อมตั้งคำถามจำได้ไหมที่สองนักโทษหนีคดีมาสิงค์โปร์แล้วโพสต์ข้อความเยาะเย้ย น่าจะเป็นช่วงที่นัดมาเจอลูกชายห้วงเวลาดังกล่าว....
นายโอ๊ค โดนอัยการตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงิน และได้รับประกันตัวในวงเงินหนึ่งล้านบาทพร้อมคำสั่งศาลห้ามเดินทางออกนอกประเทศ งานนี้นายทักษิณซึ่งประเมินสถานการณ์บวกลบคูณหารแล้วส่งสัญญาณให้ทั้งน้องสาวและลูกชายเผ่นหนียาวน่าจะปลอดภัยกว่าไปรอเรื่องขึ้นศาล แล้วไปวางแผนหลบหนีช่วงนั้น
มายืนยันอีกรอบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะ "ฟ้ามีตา" พวกมรึงหนาวแน่ นักการเมืองที่คิดชั่วทุจริตโกงกินทำร้ายบ้านเมืองต้องถูกลงโทษตามกฏหมายบ้านเมือง หากหนีก็อย่าได้หวังจะมีรโทษทั้งแผ่นดินอย่างที่มาปล่อยข่าว
เพื่อไทยงานนี้หนาวสะท้าน ฟังมาว่าเงินเสบียงจากนายใหญ่สะดุด ส่งผลกระทบแน่นอนต่อการเลือกตั้งทั่วประเทศโดยเฉพาะที่ภาคเหนือ เที่ยวนี้จะได้รู้กันที่ว่าฐานเสียงแน่นหนา ชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ชอบคุยคำโต มาเพราะศรัทธาหรือเพราะเสบียงกรังที่ยิงถล่มช่วงเลือกตั้ง....จบรายงานข่าวเจาะทะลวงวันคริสต์มาส merry christmasครับ
ล่าสุด 26 ธ.ค.2561 มีความเคลื่อนไหวที่ทำให้สังคมไทยต้องพุ่งเป้าสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทันที เพราะมีการโพสต์ที่ยืนยันว่า ขณะนี้ โอ๊ค ได้หนีคดีเป็นที่แน่นอนแล้วโดยระบุว่า
เพราะฟ้ามีตาเลยต้องหนีอย่างสุนัข........
เมื่อวานบอก95% โอ๊คหนี วันนี้ยืนยัน 100 % หนีทางช่องทางธรรมชาติ....ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มี ....
เงินยังไม่หมดแต่มาเที่ยวยืมเงินนักธุรกิจใหญ่ในประเทศจ่ายกองเชียร์หวังพลิกสถานการณ์เลือกตั้งต้นปี62..
ยังเพ้อได้ขนาดนั้น.....
ขอบคุณเฟสบุ๊ก : Sermsuk Kasitipradit