- 28 ธ.ค. 2561
สืบเนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ปม "นาฬิกาหรู" และ "แหวนเพชร" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่ได้ถูกนำขึ้นบัญชีทรัพย์สิน ประกอบกับคำอ้างของ พล.อ.ประวิตรที่ยืนยันมาตลอดว่า "เป็นของเพื่อน" ส่วนแหวนนั้น "เป็นของแม่" จึงนำมาซึ่งความคลางแคลงใจแก่สังคมว่าจริงเท็จมากน้อยเพียงใด
สืบเนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ปม "นาฬิกาหรู" และ "แหวนเพชร" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่ได้ถูกนำขึ้นบัญชีทรัพย์สิน ประกอบกับคำอ้างของ พล.อ.ประวิตรที่ยืนยันมาตลอดว่า "เป็นของเพื่อน" ส่วนแหวนนั้น "เป็นของแม่" จึงนำมาซึ่งความคลางแคลงใจแก่สังคมว่าจริงเท็จมากน้อยเพียงใด
กระทั่งวานนี้ 27 ธ.ค. 2561 มีถ้อยแลงจาก ป.ป.ช. ที่ลบล้างทุกคำครหาจนหมดสิ้น เมื่อ นายวรวิทย์ แถลงที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 เสียง 3 ยกคำร้องกรณีดังกล่าว โดยเห็นว่านาฬิกาเป็นของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ จำนวน 21 เรือน ซึ่งเสียงข้างน้อยยังเห็นว่า ยังไม่มีมูลเพียงพอนั้นให้ดำเนินการสอบเพิ่มเติม ส่วนอีกเรือนแม้ยังหาไม่ได้ว่าเป็นของนายปัฐวาทชอบให้เพื่อนยืมเป็นเรื่องปกติ แต่เข้าใจได้ว่าให้ยืม ส่วนแหวนจำนวน 12 วง นั้นผลสอบพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นมรดกที่ได้รับจากมารดา ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ จึงเห็นว่าไม่มีมูลเพียงพอว่าพลเอกประวิตร แสดงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ
อย่างไรก็ตามกระแสสังคมบางส่วนก็ยังไม่ได้เบาบางลงต่างร่วมรุมประณามอย่างต่อเนื่อง...และไม่มีทีท่าว่าจะลดราวาศอกแต่อย่างใด ต่อกรณีดังกล่าว ล่าสุดบนบัญชีเฟสบุ๊ก "Kittitouch Chaiprasith" ซึ่งเป็นของนักวิชาการอิสระที่เกาะติดประเด็นดังกล่าวมาตลอด ได้นำเสนอข้อเขียนที่น่าสนใจโดยระบุความว่า
รายละเอียดการตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีนาฬิกาหรู 22 เรือนที่ พล.อ.ประวิตร ยืมเพื่อนมาใส่ และมาดูข้อเท็จจริงกับคำพูดที่ว่า "เพื่อนคนนั้นตายไปแล้ว" กันว่าเป็นอย่างไร
-------------------
- สำหรับข่าววันนี้ที่เพิ่งออกมาว่า ป.ป.ช.ตีตกเรื่องการสงสัยว่า พล.อ.ประวิตร มีการทุจริตหรือรับสินบนนั้น ผมค่อนข้างมันใจว่าคนมากกว่าร้อยละ 90 จะไม่อ่านรายละเอียดหรือข่าวตั้งแต่ก่อนหน้าที่เป็นเรื่อง แต่จะดราม่ากันได้โดยไม่ยืนบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเช่นเคย
- คนเรานั้นมีมุมมองที่แตกต่างกันได้ต่อเหตุการณ์เดียวกัน แต่หลักการเบื้องต้นคือ ต้องยืนบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์เสียก่อนจึงค่อยแสดงความคิดเห็น
- ดังนั้นในโพสท์นี้เราจะมาดูรายละเอียดกันครับ ว่านาฬิกาที่ว่านั้นของใคร และเพื่อนที่ว่านั้นตายจริงหรือไม่ และผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ???
-------------------
เสี่ยครามเพื่อนรักตลอด 60 ปี
-------------------
- ประเด็นคือเรื่องนาฬิกาหรูเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมานั้น ถ้าใครที่ตามข่าวตลอดจะทราบว่าสื่อสำนักใหญ่ๆ ทั้งไทยรัฐ มติชน ผู้จัดการ แนวหน้า อิศรา และอื่นๆ
- ได้ลงรายละเอียดชัดเจนว่า นาฬิกาที่ พล.อ.ประวิตร ยืมเพื่อนมานั้น เป็นของ มหาเศรษฐี ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนซี้กว่า 60 ปีของ พล.อ.ประวิตร ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ป.1 โรงเรียนเซนต์กาเบรียล และทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันมาก
- นอกจากนี้นายปัฐวาท ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับหม่อมอุ๋ย จึงไม่แปลกที่ตอนมีเรื่องแรกๆ หม่อมอุ๋ยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทันทีว่า ทราบว่าใครคือ "เพื่อนที่ให้ยืมนาฬิกา" เพราะพวกเขาอยู่ในเครือข่ายเด็กเซนต์กาเบรียลเหมือนกัน
-------------------
มหาเศรษฐีนักสะสมนาฬิกา
-------------------
- นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นอดีตผู้บริหารองค์กรโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และเจ้าของบริษัทคอม-ลิงค์ ที่วางเครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วให้กับทางองค์กรโทรศัพท์ฯ ในอดีต
- นายปัฐวาท มีงานอดิเรกคือชอบสะสมนาฬิกา โดยมีนาฬิกาหรูร่วม 200-300 เรือนในบ้าน และได้ให้เพื่อนๆ ยืมไปใส่ บ้างยืมไปครั้งละหลายเรือน ยืมกันไปใส่เป็นปีๆ ซึ่งพอเบื่อหรือไม่ชอบก็นำมาคืน
- และไม่เพียงแต่ พล.อ.ประวิตรเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนสนิทคนอื่นที่ยืมนาฬิกาจากนายปัฐวาทด้วยเช่นกัน และการยืมนาฬืกามาใส่นั้นก็ทำกันมาตลอดเป็น 20-30 ปีแล้วด้วย
-------------------
"ยืมเพื่อนมา และเพื่อนตายแล้ว"
-------------------
- นายปัฐวาท ได้เสียชีวิตไปด้วยปัญหาสุขภาพเมื่อต้นปี 2560 ก่อนมีปมนาฬิกาหรูไม่นานนัก ซึ่งตรงกับคำพูดของที่ว่า "ยืมเพื่อนมา และเพื่อนตายแล้ว" (นายปัฐวาทเสียชีวิตไปยังไม่ถึงปี)
- ซึ่งโลกโซเซียลเอาไปล้อเลียนว่า พล.อ.ประวิตร "แต่งเรื่อง" หรือ "โกหกหน้าด้านๆ" ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาพูดความจริงในเรื่องนี้ ว่านาฬิกาที่ใส่อยู่เป็นของที่ยืมเพื่อนมา และเพื่อน(ก็เพิ่ง)ตายไปจริงๆ (นาฬิกายังไม่ได้เอาไปคืนครอบครัวเพื่อนเลย)
อ้างอิง:
- https://www.matichon.co.th/politics/news_902078…
- https://www.naewna.com/politic/315767…
- http://www.ispacethailand.org/การเมือง/15809.html
-------------------
ผลการตรวจสอบของ ป.ป.ช.วันนี้
-------------------
- ผลการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ระบุชัดเจนว่า ภาพนาฬิกา 25 เรือนที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น 3 เรือนซ้ำกัน ซึ่งหมายถึงมีทั้งหมด 22 เรือน โดยจากการตรวจสอบพบว่า 20 เรือนอยู่ในบ้านของนายปัฐวาท (ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ส่งคืนครอบครัวของเพื่อนสนิทไปแล้ว)
- อีกหนึ่งเรือนพบใบรับประกัน แต่ไม่พบตัวเรือน รวมเป็น 21 เรือน โดย 21 เรือนนี้ ตรวจสอบได้ว่านายปัฐวาท ซื้อจากต่างประเทศ 1 เรือน และซื้อต่อคนอื่นมา 2 เรือน
- ส่วนเรือนอื่นๆ นั้นผู้นำเข้าปฏิเสธจะให้ข้อมูล (เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลของลูกค้า) บางประเทศปฏิเสธจะให้ข้อมูล บางประเทศก็ตอบว่าไม่สามารถตรวจสอบได้
- ส่วนอีก 1 เรือนนั้นไม่พบตัวเรือนและใบรับประกัน แต่จากการที่ 21 เรือนที่พบก็เป็นของนายปัฐวาทที่ พล.อ.ประวิตรยืมมาใส่จริง อีกหนึ่งเรือนที่หาไม่พบนั้น ป.ป.ช.ระบุว่าเนื่องจากนายปัฐวาทเสียชีวิตไปแล้ว และทรัพย์สินนี้เป็นของเคลื่อนย้ายได้ อีกทั้งนายปัฐวาท ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นคู่สัญญากับสำนักงานปลัดกลาโหมที่ พล.อ.ประวิตรดูแลอยู่แต่อย่างไร
- ส่วนแหวน 3 วงที่ พล.อ.ประวิตรใส่นั้น ก็เป็นมรดกจากแม่ ที่ได้รับมาตอนเป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้ว (ได้มาตอนรับตำแหน่ง ไม่ใช่ก่อนรับตำแหน่งในช่วงที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน) ส่วนแหวนที่เหลือก็เป็นสัญลักษณ์ตราทหารหรือวัตถุมงคลทั่วไปที่ไม่ได้มีราคามากมายอันใด
*** ป.ป.ช.จึงมีมติว่า ข้อกล่าวหาที่ว่า พล.อ.ประวิตรยื่นบัญชีทรัพย์อันเป็นเท็จ ซึ่งสื่อให้เห็นถึงเจตนาทุจริต จึงไม่มีมูล และข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงตกไป
http://www.komkhaotuathai.com/content/7952…
-------------------
*** เอาจริงๆ เรื่องเหล่านี้มันก็ตรงกับคำให้สัมภาษณ์และข้อมูลที่สื่อต่างๆ นำมาลง ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เป็นเรื่องเป็นราวแล้วครับ แต่คนในโซเซียลไม่อ่านกันหรอก เพราะมัวแต่ถูกเพจปั่นกระแสดราม่า เพจการ์ตูนปลุกปั่น ปั่นหัวกันจนสนุก โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือตามอ่านรายละเอียดของข่าวกันเสียบ้าง
*** จริงๆ เรื่องนี้ผมรู้มาตั้งแต่แรกของการนำเสนอของสื่อแล้ว แต่ที่ไม่เขียนอธิบายเพราะ ส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบ พล.อ.ประวิตร เท่าไร (จากการให้สัมภาษณ์และตอบคำถาม "เรียกแขก" เป็นประจำ) และคิดว่าเป็นเรื่องของเขาที่ต้องชี้แจงเอง และเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ไม่ใช่หน้าที่ของผมต้องมาชี้อธิบายหรือชี้แจงให้
*** แต่รู้สึกว่าข่าววันนี้น่าจะมีการปั่นกระแส หรือ คนในโซเซียลเกินกว่าร้อยละ 90 (จริงๆ อยากจะบอกว่าร้อยละ 99 ด้วยซ้ำ) กันแน่นอน เลยต้องขอออกมาเขียนเรียกสติกันเสียหน่อย
ขอบคุณ Kittitouch Chaiprasith