- 28 ธ.ค. 2561
ยืดเยื้อกันมานานพอควร...กับปม "นาฬิกาหรู" และ "แหวนเพชรเม็ดโต" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" รองนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้เป็นประเด็นที่ทำให้สังคมตีตรา พี่ใหญ่ คสช. ผู้นี้ ประหนึ่งเป็น "ตำบลกระสุนตก" บานปลายหนักข้อเข้าถึงขนาดแว่วเสียงอุทธรณ์ให้นายกรัฐมนตรี "บิ๊กตู่" เร่งตรวจสอบว่าเหตุใดอาภรณ์มูลค่ามหาศาลเหล่านี้จึงไม่ขึ้นบัญชีทรัพย์สิน
ยืดเยื้อกันมานานพอควร...กับปม "นาฬิกาหรู" และ "แหวนเพชรเม็ดโต" ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" รองนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้เป็นประเด็นที่ทำให้สังคมตีตรา พี่ใหญ่ คสช. ผู้นี้ ประหนึ่งเป็น "ตำบลกระสุนตก"
บานปลายหนักข้อเข้าถึงขนาดแว่วเสียงอุทธรณ์ให้นายกรัฐมนตรี "บิ๊กตู่" เร่งตรวจสอบว่าเหตุใดอาภรณ์มูลค่ามหาศาลเหล่านี้จึงไม่ขึ้นบัญชีทรัพย์สิน...ซึ่งหากว่ากันไปตามกระบวนตามกฏหมายก็พอทำเนา ที่ประชาชนจะมีสิทธิ์เรียกร้อง...เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่ายทางรัฐบาลก็แฟร์ๆ...มอบให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. รับเรื่องเพื่อไขทุกความกระจ่างต่อไป
หากทว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบดีๆดันผ่ามีพวก "ทะลุกลางปล้อง" เกาะกระแสไม่รู้เหนือรู้ใต้ ค่อนแคะแกะเกา...รุมโพทนา "บิ๊กป้อม" จนแทบไม่เหลือ "ความชอบธรรม" ทั้งที่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจริงเท็จเป็นอย่างไร...พร้อมประดิษฐ์วลี "แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน" ให้อย่างเสร็จสรรพ จนกลายเป็นสโลแกนที่สามารถระบุตัวตนได้ว่าหมายถึงใคร...กระนั้นหากย้อนไล่เรียงพิจารณาท่าทีของ "บิ๊กป้อม" ยามที่ต้องเผชิญมรสุมกับคำถามของสื่อที่รุมประเดประดังเข้ามานั้น ตัวของ "บิ๊กป้อม" เองก็ไม่ได้มีถ้อยแถลงให้ความกระจ่างแบบชัดเจนนัก
ก็ต้องทำความเข้าใจกันเล็กน้อย...ว่าตัวตนของ "บิ๊กป้อม" นั้น ไม่ได้เป็น "นักการเมือง" มาแต่แรก แม้นจะคลุกคลีกับงานด้านการเมืองมามากแค่ไหนก็ตาม แต่ตัว "บิ๊กป้อม" นั้นมีกำเนิดมาจาก "ทหาร" เป็นผู้นำกองทัพ สิ่งนี้มิอาจทำให้เลือนหายไปโดยง่าย เพราะหากว่ากันไปตามประสาทหารที่ถูกปลูกฝังปลุกปั้นให้เป็น "นักรบ" และรับราชการทหารมาครึ่งชีวิตย่อมต้องดุดันโผงผางตรงไปตรงมา
ก็ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลอย่าง "บิ๊กตู่" เป็นตัวอย่าง ตามวิสัยทหารต้องสื่อสารอย่างชัดถ้อยกระชับรวบรัด แต่กับสื่อมวลชนบางคนที่เป็นเหมือน "ไม้เบื่อไม้เบา" ที่มักตะบี้ตะบันรุมถามเซ้าซี้แต่เรื่องเดิมๆ...หนักเข้าพอชักพื้นเสียทั้งสอง "บิ๊กป้อม" และ "บิ๊กตู่" ก็ต้องมีฉุนเฉียวบ้างเป็นธรรมดา...ว่ากันไปตามเนื้อผ้าทั้งสองอาจยังขาด "ลูกล่อลูกชน" ไว้โต้ตอบกับสื่ออย่างที่นักการเมืองแก่พรรษาหลายๆคนพึงมี แต่ก็อย่างว่าเหล่านี้ไม่ได้บรรจุในตำราการรบของสถาบันโรงเรียนทหาร หากสำคัญที่ว่า "ลมปาก" ก็มิได้สำคัญเท่า "การกระทำ"
กลับมาที่คดี...ล่าสุดก็เป็นอันได้ข้อสรุปที่ลบล้างทุกคำครหาเมื่อ ป.ป.ช. มีมติ 5 เสียง 3 ยกคำร้องกรณีดังกล่าว พร้อมยืนยันว่านาฬิกาเป็นของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ "บิ๊กป้อม" ยืมใช้จริง 21 เรือน ส่วนแหวนเพชรทั้ง 12 วงนั้น จากพยานหลักฐานก็รับฟังได้ว่าเป็นมรดกที่ได้รับจากมารดาเช่นกัน...ประเด็นดังกล่าวควรจะเป็นอันตกไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อยังมีเสียงที่ดันทุรังค้านหัวชนฝาว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่การสืบเสาะหาข้อเท็จจริงนั้นก็ไม่ใช่การยาก เพราะครั้งหนึ่ง "บิ๊กป้อม" เคยให้กล่าวต่อสาธารณะความว่า
ตนนั้นรับราชการมานาน...ทำไมจะไม่รู้เรื่องการ "ยื่นบัญชีทรัพย์สิน" แต่นาฬิกานั้นเป็นของเพื่อนที่ตนและพรรคพวกยืนกันใช้ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวมีถึง 200-300 เรือนเป็นระดับมหาเศรษฐีหมื่นล้านที่สะสมนาฬิกาเป็นงานอดิเรก...แน่นอนว่าขณะนั้นสังคมต่างตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วเพื่อนใจป้ำคนนี้เป็นใครกัน?
นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ หรือ "เสี่ยคราม" อดีตผู้บริหารองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และผู้บริหาร "คอม-ลิงค์" บริษัทที่เคยวางระบบเคเบิ้ลใยแก้วให้องค์การโทรศัพท์ ซึ่ง "เสี่ยคราม" นี้เองที่เป็นเพื่อนซี้ย้ำปึกที่คลุกคลีสนิทสนมกันกับ "บิ๊กป้อม" ตั้งแต่สมัยอนุบาลเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่ถึงแม้นว่าจะมีเส้นทางให้ทั้งสองต้องแยกย้ายกันไปเมื่อ "บิ๊กป้อม" เลือกทางเดินรับใช้ชาติสู่รั้วโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น6 (ตท.6)
แต่สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นก็ยังคงอยู่ จนทำให้เพื่อน ตท.6 และ จปร.17 รวมถึง วปอ. (วิทยาลัยป้องกันราชอณาจักร) ของ "บิ๊กป้อม" สนิทสนมเป็นกลุ่มก้อนกับ "เสี่ยคราม" ตามกันไปด้วย...ก็สนิทกันขนาดที่ว่างานบุญครั้งใดที่ "บิ๊กป้อม" เป็นประธานและมียอดบริจาคหลายล้านบาท ผู้สนับสนุนรายใหญ่ก็ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น "เสี่ยคราม" ผู้นี้เอง...และไม่เพียงใจบุญสุนทานมหาเศรษฐีรายนี้ ยังดูแลกำลังพลในหน่วยภายใต้บังคับบัญชาของ "บิ๊กป้อม" ครั้งสมัยรับราชการทหาร มาโดยตลอด
ทำให้ "เสี่ยคราม" นั้น เป็นที่เคารพรักของทั้ง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ "บิ๊กป้อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ด้วยเพราะทั้ง "บิ๊กป้อม-บิ้กป๊อก-บิ๊กตู่" เติบโตจากหน่วยเดียวกันคือ ร.21 รอ. ในแวดวงทหารจึงกล่าวขานทำนองว่า "เสี่ยคราม" เป็นผู้สนับสนุนนายทหารสาย "บูรพาพยัคฆ์" แต่แล้วด้วยปัญหาด้านสุขภาพ "เสี่ยคราม" เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 ซึ่ง "บิ๊กป้อม" เองก็ไปร่วมงานศพเกือบทุกวันพร้อมกับน้องรักทั้งสอง "บิ๊กป๊อก" และ "บิ๊กตู่"
อย่างไรแล้ว...บรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 และคนวงในย่อมรู้ดีว่า "นาฬิกาหรู" ของ "เสี่ยคราม" นั้น ไม่ได้มีแต่เพียง "บิ๊กป้อม" เท่านั้นที่นำมาใส่ แต่ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ผัดเปลี่ยนหมุนวนกันตามโอกาส ดังที่ "บิ๊กป้อม" เคยกล่าวว่าปกติแล้วจะใส่กันนานเป็นปี ถ้าไม่ชอบก็จะนำไปคืนและเปลี่ยนเรือนใหม่
เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ประจักษ์แจ้งถึงข้อเท็จจริงในแง่ความสัมพันธ์ระหว่าง "เสี่ยคราม" และ "บิ๊กป้อม" กอปรกับ ข้อสรุปตามกระบวนการทางกฏหมาย ก็น่าจะช่วยฟื้นคืน "ความชอบธรรม" แก่ "บิ๊กป้อม" ได้ไม่มากก็น้อย