จัดหนักต่อเนื่อง! “เหรียญทอง” แจ้งหน่วยมั่นคงปลด ผศ. มหาวิทยาลัยสารคาม

ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ยังคงคลุมเครือ และไม่ชัดเจนว่ากำหนดการเลือกตั้งนั้น จะเกิดขึ้นในวันใด ความแตกแยกทางความคิดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ระหว่างสองกลุ่ม คือกลุ่มที่เข้าใจได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและยอมให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะหากเป็นไปตามกำหนดการเดิมจะเป็นการทับซ้อนกับพิธีมหามงคลของชาวชนชาวไทย กับอีกกลุ่มคือกลุ่มผู้ต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว อย่างมิได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่น

กลายประเด็นที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด ถึงกรณี บนเฟสบุ๊ก “เหรียญทอง แน่นหนา”  พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ได้โพสต์ข้อความโดยระบุว่า

โปรดทราบทั่วกันว่าเมื่อวันที่ 5 ม.ค.62 เวลา 10.45 น. บุคคลผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊คว่า วินัย ผลเจริญ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความว่า ใครบ้างมีส่วนกำหนดเกมการเลื่อนเลือกตั้ง อย่าลืมว่าเจตจำนงของประชาชนสำคัญยิ่งกว่าพิธีใดๆ
1. ผมขอถาม นาย วินัย ผลเจริญ ว่า “สำคัญยิ่งกว่าพิธีใดๆ” นั้น คุณหมายความว่าพิธีอะไร จงตอบผมโดยด่วนที่สุด
2. ผมขอถามอธิการบดีและคณบดีผู้บังคับบัญชาตามสายการบังคับบัญชาของ นาย วินัย ผลเจริญ ว่าท่านมีความรู้สึกต่อนาย วินัย ผลเจริญ ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดของท่านอย่างไร และท่านมีมาตรการในเรื่องนี้อย่างไร
3. ผมขอถาม รมว.กระทรวงศีกษาธิการว่าท่านจะนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้หรือไม่
หากทั้งหมดนิ่งเฉย ผมจะไปพบไอ้วินัย ผลเจริญ ด้วยตนเอง รับรองว่าผมจะไม่อาศัยมาตรา 112 แต่จะใช้มาตรการใดก็สุดแล้วแต่สถานการณ์
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
‘คนเก็บขยะแผ่นดิน’
8 ม.ค.62 เวลา 19.46 น.

 

ก่อเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง  และมีเสียงเรียกร้องให้ทางคู่กรณีที่ถูกกล่าวถึงคือ นายวินัย ผลเจริญ ออกมาให้ความกระจ่างถึงความตอนหนึ่งในประโยคว่าหมายถึงพิธีอะไรขณะที่ทาง พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟสบุ๊กอีกครั้ง โดยระบุว่า

ด่วนที่สุด...ได้โปรดแชร์ให้ถึง รมว.กระทรวงศึกษาธิการ , อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , ผวจ.มหาสารคาม , หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง และประชาชน จ.มหาสารคาม ทราบว่า ผศ.วินัย ผลเจริญ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อ 5 ม.ค.62 เวลา 10.45น.ข้อความว่า “ใครบ้างมีส่วนกำหนดเกมการเลื่อนเลือกตั้ง อย่าลืมว่าเจตจำนงของประชาชนสำคัญยิ่งกว่าพิธีใดๆ” ทั้งนี้ผมได้ขอให้ ผศ.วินัย ผลเจริญ ชี้แจงว่า “พิธีใดๆ” ตามที่ ผศ.วินัย ผลเจริญ โพสต์นั้นหมายความถึงพิธีอะไร แต่ ผศ.วินัย ผลเจริญ กลับปิดเฟซบุ๊คหนี เมื่อคืนวันที่ 8 ม.ค.62 เวลา 21.30-22.00 น.โดยประมาณ ดังนั้น ผศ.วินัย ผลเจริญ จึงเป็นอาจารย์ที่ไม่รู้จักความบังควรว่าการแสดงความเห็นใดที่ส่อเสียดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในขณะที่ตนเองมีหน้าที่เป็นอาจารย์ที่จะต้องสอนและปลูกฝังวิชาการเมืองและการปกครอง ดังนั้นผมจึงขอความกรุณาจาก รมว.กระทรวงศึกษาธิการ , อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , ผวจ.มหาสารคาม และหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้โปรดสอบสวน ผศ.วินัย ผลเจริญ และตรวจสอบพฤติกรรมในทางลับที่ได้มีส่วนร่วมกับขบวนการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย หากเป็นไปได้แล้วได้โปรดมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดด้วยการปลด ผศ.วินัย ผลเจริญ ให้พ้นจากราชการจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ อย่าปล่อยปละละเลยให้มีอาจารย์ที่มีอคติต่อสถาบันหลักของชาติในสถาบันการศึกษาดังที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ผมหวังอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายจะไม่ละเลยเพิกเฉยดังเช่นผู้มีอำนาจรัฐที่ผ่านมา
ขอแสดงความนับถือ
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
9 ม.ค.62 เวลา 9.06 น.

หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นอัยการ ออกมาโต้ตอบด้วยการคอมเม้นต์แสดงความเห็นที่ต่างออกไป ความว่า "พิธีใดๆ" เขาก็ไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงพิธีใด แต่คุณเจาะจงตีความหมายอย่าแคบว่าเขาหมายถึงพิธีนั้น อันแสดงถึงจิตใจอันคับแคบที่มีแต่ความเคียดแค้นและเกลียดชัง คนอย่างคุณตลอดชีวิตไม่มีทางหาจุดสงบทางจิตใจได้ อย่าพยายามเป็นกบในกะลา พิจารณาดูรอบๆตัวเอง โลกเจริญก้าวหน้าไปเท่าไรแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อาจจะเป็นแค่อดีตในวันข้างหน้าก็ได้ และสิ่งที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยฯ การยอมรับความเห็นต่างเป็นสิ่งสำคัญมิใช่รึ

 

ล่าสุด 9 ม.ค. 2562 ทางด้านพล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้ทำการโพสต์ต่อกรณีดังกล่าว ระบุว่า ได้โปรดอ่านโพสต์นี้ให้จบและทำความเข้าใจอย่างรอบคอบครับ
5 ม.ค.62 เวลา 10.45น. วินัย ผลเจริญ อาจารย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวข้อความว่า “ใครบ้างมีส่วนกำหนดเกมการเลื่อนเลือกตั้ง อย่าลืมว่าเจตจำนงของประชาชนสำคัญยิ่งกว่าพิธีใดๆ”
8 ม.ค.62 เวลา 19.46-21.00 น.โดยประมาณ ผมได้โพสต์ถาม วินัย ผลเจริญ ว่าให้อธิบายความหมายของข้อความที่ วินัย ผลเจริญ โพสต์ว่า “สำคัญยิ่งกว่าพิธีใดๆ” นั้นหมายถึงพิธีอะไร แต่ วินัย ผลเจริญ ไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจแต่กลับรีบปิดเฟซบุ๊คของตนเองหนีการชี้แจงต่อสาธารณชน
9 ม.ค.62 เวลา 12.41 น.มีอัยการ ชื่อ นิติ ทรัพย์กรณ์ เข้ามาโพสต์ในเฟซบุ๊คของผม ผมอยากทราบว่าอัยการส่วนใหญ่โลกสวยเหมือนอัยการชื่อ นิติ ทรัพย์กรณ์ ไหม??? ...ผมเคยมีประสบการณ์คัดค้าน นาย พงษ์พนิช บุญแดง อดีตเจ้าหน้าที่ ปปช.ขอนแก่น ซึ่งมีพฤติกรรมชอบกดไลค์(LIKE)โพสต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และสอบผ่านการคัดเลือกทั้งผู้พิพากษาและอัยการ แต่คณะกรรมการตุลาการเมื่อทราบพฤติกรรมของ พงษ์พณิช บุญแดง คณะกรรมการตุลาการไม่รับ พงษ์พณิช บุญแดง เข้าเป็นผู้พิพากษา ในขณะที่คณะกรรมการอัยการกลับรับ พงษ์พณิช บุญแดง เข้าเป็นอัยการ...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2559
ผมรู้สึกเป็นห่วงครับว่าสำนักงานอัยการจะเต็มไปด้วยอัยการโลกสวยด้วยดอกลาเวนเดอร์ครับ 
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
9 ม.ค.62 เวลา 14.47 น.

ต้องติดตามกันต่อไปว่าประเด็นดังกล่าวจะมีความคืบหน้าไปในทิศทางใด และสำหรับ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา นอกจากจะเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ด้วยเพราะ รพ.แห่งนี้ ก่อร่างสร้างขึ้นมาจากครอบครัว ก่อนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ทางครอบครัวก็ยังคงถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลนี้อยู่

ด้านชีวิตราชการทหาร ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการในปี 2550 คือ ผู้อำนวยการกองยุทธการทหารบก เหตุผลที่ลาออกด้วยวัยเพียง 48 ปีนั้นเพราะว่าจำต้องมาดูแลกิจการโรงพยาบาลแทนที่สาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งและเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้

สำหรับองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่ง สถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพ และ เทิดทูลเหนือสิ่งอื่นใด ระงับยับยั้งการกระทำใดๆ ของบุคคลที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดำเนินการตามกฎหมายต่อบุคคลที่กระทำความผิด เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ร่วมมือและให้ความช่วยเหลือเจ้าพนักงานของรัฐในการดำเนินการตามกฎหมายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการผดุงไว้ในความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ปลูกฝังให้ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่าให้มีความเคารพเทิดทูลจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สื่อสารให้ประชาคมโลกได้รับรู้อย่างลึกซึ้งถึง ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ของชนชาติไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนชาวไทยในการต่อสู้กับผู้ไม่หวังดีที่กระทำ