- 18 ม.ค. 2562
ลุงสนามหลวงไร้ความรับผิดชอบ ยุคนใส่เสื้อสหพันธรัฐไท-เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ทำติดคุกหัวโต12ปี
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 มค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน กก. 1 ป.ควบคุมตัวนางศิริเพ็ญ ติ๊บคำ อายุ 66 ปี และ น.ส.สุคศิณี ติ๊บคำ อายุ 48 ปี สองผู้ต้องหาชาว จ.เชียงราย คดีครอบครองเสื้อสหพันธรัฐไท ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาล โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า มีกลุ่มสหพันธรัฐไท ปลุกระดมสวมใส่เสื้อดำติดธงสัญลักษณ์สหพันธรัฐไท เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในพื้นที่เชียงราย ตามคำเชิญชวนของ "ลุง สนามหลวง" ที่ได้ฟังทางเว็บไซต์ยูทูป เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุม แจ้งข้อหากระทำการด้วยวิธีการใดๆ ในลักษณะยุยงปลุกปั่นฯ และเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, 209 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และไม่ปรากฏญาติยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำทั้งสองไปคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน
ล่าสุดวันนี้(18ม.ค.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมืองและอดีตผู้ต้องหาคดีตามความผิดมาตรา112 ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เอกชัย หงส์กังวาน ถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า
ตอนนี้คดีสหพันธรัฐไทยมีผู้ต้องหาอย่างน้อย 11 คน (ชาย 3 คน และหญิง 8 คน) โดยมีผู้ที่อยู่ในเรือนจำอย่างน้อย 2 คน
แม้ผมจะเห็นการเคลื่อนไหวนี้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ตั้งข้อหาที่รุนแรงไม่แพ้ ม.112 ให้กับพวกเขา
สิ่งที่ผมผิดหวังมากที่สุดคือ "ลุงสนามหลวง" ที่ไร้ความรับผิดชอบ คุณสร้างปัญหาตั้งแต่กรณีเผาซุ้ม ร.9 จนทำให้มีผู้ต้องหา 11 คน โดยพวกเขาถูกโทษตั้งแต่จำคุก 2 ปี 6 เดือนจนถึง 12 ปี 6 เดือน มีเด็กเพียงคนเดียวที่รอด
แม้การเคลื่อนไหวของคุณจะเป็นสิทธิ แต่คุณก็ไม่ควรยุยงใครให้เข้าคุกแทนคุณ คุณไม่รับผิดชอบทั้งการจัดหาทนายความ-ประกันตัว
นอกจากการเคลื่อนไหวจำเป็นต้องเป็นไปอย่างสันติแล้ว การเคลื่อนไหวต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะคดีความ ถ้าคุณไร้ความรับผิดชอบ คุณก็ไม่ควรเคลื่อนไหว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 61 ศาลจังหวัดพล ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดขอนแก่น รวม 3 คดี ได้แก่ คดีเผาซุ้มฯ ในอำเภอบ้านไผ่, คดีเผาซุ้มฯ ในอำเภอชนบท และคดีตระเตรียมเผาซุ้มฯ ในอำเภอเปือยน้อย ซึ่งจำเลย 2 ราย คือ นายปรีชา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี และนายสาโรจน์ อายุ 44 ปี ถูกจับกุมและดำเนินคดีภายหลังศาลพิจารณาคดีของจำเลย 9 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นไปแล้ว โดยก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลได้ให้จำเลยทั้งสองอ่านรายงานการสืบเสาะและพินิจ ซึ่งพนักงานคุมประพฤติจัดทำมาตามคำสั่งของศาล จำเลยทั้งสองอ่านแล้วไม่คัดค้าน ศาลอ่านทบทวนคำฟ้องและถามคำให้การในคดีทั้งสามอีกครั้ง จำเลยทั้งสองยืนยันให้การรับสารภาพ ศาลจึงอ่านคำพิพากษา
ในคดีหมายเลขดำที่ อ.364/2561 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดพลฟ้องนายปรีชาและนายสาโรจน์ว่า ร่วมกับจำเลยอีก 6 คน ที่ศาลได้พิพากษาลงโทษแล้ว วางเพลิงเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติซึ่งประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ใน อ.บ้านไผ่ จนซุ้มได้รับความเสียหายบางส่วน เป็นความผิดฐานเป็นอั้งยี่ (ประมวลกฎหมายอาญา ม.209), เป็นซ่องโจร (ม.210), ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น (ม.217), ทำให้เสียทรัพย์ (ม.238), และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ (ม.112)
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ม.209 วรรคแรก, 210 วรรคสอง, 217, 358 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานเป็นอั้งยี่ จำคุกคนละ 1 ปี, ฐานเป็นซ่องโจร จำคุกคนละ 2 ปี, ฐานร่วมกันวางเพลิงฯ และทำให้เสียทรัพย์ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานวางเพลิงฯ จำคุกคนละ 7 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษให้ครึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 5 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ทั้งนี้ จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลเดียวกันในทั้งสามคดี ซึ่งศาลให้นับโทษต่อกันตามที่โจทก์ขอ ทำให้นายปรีชาและนายสาโรจน์ ต้องโทษจำคุกรวม 12 ปี 6 เดือน
อย่างไรก็ตามสำหรับ ลุงสนามหลวง หรือ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นักธุรกิจที่หลบหนีคดี 112 ไปอาศัยอยู่ประเทศจีน เมื่อหลายปีก่อน หลังรัฐประหาร 2557 ย้ายจากจีน มาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นคนวางแผนทำ ‘วิทยุออนไลน์ใต้ดิน’ โดยมีกลุ่มไฟเย็นเป็นฐานกำลังสำคัญ สมาชิก ระกอบด้วย ไตรรงค์ สินสืบผล (ขุนทอง ไฟเย็น) รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกูล (แยมมี่ ไฟเย็น) สหายร้อยสิบสอง (นักเขียนชื่อดัง) และสหายยังบลัด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-จับเพิ่มสาวใหญ่ "แนวร่วมสหพันธรัฐไท" หลักฐานมัดพบโฟนอินกับ”ลุงสนามหลวง"!!