- 25 ม.ค. 2562
ฟังนี่เป็นเหตุผลแล้วหรือ แก๊งชาวพุทธฯโหนยิงพระ บุกศธ.ยุติให้ทุนนักศึกษามุสลิมเรียน อ้างไม่ได้ลดเหตุรุนแรงใต้
งานนี้เมื่อรับทราบแล้วต้องบอกออกมาดังๆว่า เรื่องที่ควรทำไม่ทำ แต่เรื่องที่ควรทำกลับทำได้หรือไม่ เมื่อปรากฏกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธพลังแผ่นดิน ที่นัดรวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเรียกร้องให้ยุติโครงการรวมทั้งโควต้าทุนนักศึกษามุสลิมเข้าเรียนฟรีในมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนทุกแห่ง รวมไปถึงกลุ่มที่เรียนฟรีในต่างประเทศทุกโครงการ ซึ่งฟังดูสาเหตุแล้วก็พบว่า ไม่น่าจะเรียกว่าเหตุผลได้เลย และเมื่อสืบเสาะไปที่ตัวคนเคลื่อนไหวเรื่องนี้จึงทำให้คลายความสงสัยไปได้ระดับหนึ่ง เพราะคนเหล่านี้คือพวกหน้าเดิมๆที่เคยเคลื่อนไหวในเรื่องศาสนา เรื่องวงการพระมาแล้วทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงลองไปทำความรู้จักกับกลุ่มคนเหล่านี้กันดูเพื่อให้รู้และเห็นธาตุแท้
ทั้งนี้มีรายงานว่าวันนี้(25ม.ค.) เวลา 10.00 น. กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ที่นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ , นาวาเอก(พิเศษ) วินัย เสวกวิ ,ทนายพงค์นรินทร์ อมรรัตนา , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกนันท์ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรชาวพุทธอื่นๆ จะร่วมกันยื่นหนังสือต่อ นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้ยุติโครงการ และโควต้าให้ทุนนักศึกษามุสลิมเข้าศึกษาฟรีในมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชนทุกแห่ง รวมถึงยุทธศาสตร์นักศึกษาไทยมุสลิมในต่างประเทศฟรีทุกโครงการ ต่อกรณีการฆ่าพระสงฆ์ 2 รูปใน จังหวัดนราธิวาส เพราะการให้การศึกษาดังกล่าวไม่สามารถลดความรุนแรงลงได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่อย่างใด จึงรวมตัวกันไปยื่น ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก
ต่อมาเมื่อถึงเวลาดังกล่าว กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ที่นำโดย ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ พร้อมเครือข่ายองค์กรชาวพุทธ ก็เดินทางมายื่นหนังสือต่อหมอธี หรือนายแพทย์ ธีระเกียรติ เพื่อขอให้ยุติโครงการ และโควต้าให้ทุนนักศึกษามุสลิมเข้าศึกษาฟรีในมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชนทุกแห่ง รวมถึงยุทธศาสตร์นักศึกษาไทยมุสลิมในต่างประเทศฟรีทุกโครงการ โดยมีแถลงการณ์ว่า
“ขอให้ยุติโควต้า และโครงการให้ทุนนักศึกษามุสลิมเข้าศึกษาฟรีในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน
ทุกแห่ง และยุทธศาสตร์นักศึกษาไทยมุสลิมในต่างประเทศฟรีทุกโครงการ
ตามที่เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายมุสลิมสังหารโหดพระสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอและพระลูกวัดรวม 2 รูป มรณภาพทันทีในที่เกิดเหตุ 2 รูป และถูกนำส่งโรงพยาบาลอีก 2 รูปและยังอยู่ในอาการสาหัส การกระทำอันโหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ได้เกิดกับประเทศไทยเรามานานนับ 15 ปีแล้ว พระสงฆ์ถูกฆ่ารวม 21 รูป ประชาชนถูกฆ่ามากกว่า 7,000 ศพ รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไปในการแก้ปัญหานี้แล้วกว่า 3 แสนล้านบาท และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้ ที่สำคัญผู้ก่อเหตุจำนวนหนึ่ง ยังอยู่ในวัยกำลังศึกษาอีกด้วย
กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่สำคัญในการสนับสนุนการศึกษาของนักศึกษาไทยมุสลิมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยงบประมาณจำนวนมาก ด้วยเหตุผลว่าภาคใต้ของไทยเรา เป็นพื้นที่มีความอ่อนไหวในสถานการณ์ และมีความหลากหลายในชาติพันธุ์และวัฒนธรรม การสนับสนุนการศึกษาจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เยาวชนและครอบครัวของชาวมุสลิมภาคใต้ และช่วยบรรเทาปัญหาความรุนแรงในระยะยาวได้
แต่เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้กลับไม่มีเบาบางลงเลย แถมยังมีความสับซ้อนมากยิ่งขึ้น และส่วนหนึ่งก็ยังเป็นนักศึกษาที่ได้รับทุนจากภาครัฐนี้รวมอยู่ในกระบวนการสร้างความรุนแรงนั้นด้วยโควต้าหรือการให้ทุนเรียนฟรีดังกล่าว จึงไม่บรรลุผลตามเป้าหมายหรืออุดมการณ์ที่กล่าวอ้างไว้ตั้งแรก
อีกอย่างหนึ่ง ยังเข้าข่ายการสรรงบประมาณของรัฐโดยมิชอบ เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักศึกษาของคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นๆ และเข้าข่ายช่วยเหลือนักศึกษาคนไทยมุสลิมที่ไม่ต้องสอบแข่งขันเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐอีกด้วย”
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นคือคำแถลงการณ์ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธพลังแผ่นดิน ซึ่งคนไทยทั้งหลายฟังดูแล้วโปรดใช้วิจารณญาณคิดร่วมกันว่า สมเหตุสมผลแล้วหรือไม่ กับการเคลื่อนไหวดังกล่าว ด้วยข้อเรียกร้องดังกล่าวที่ฟังดูอาจสร้างความสะใจแต่นั่นคือ ความสะใจที่ตั้งอยู่บนความเกลียดชังเคียดแค้นให้บ่มลึกลงไปในจิตใจพี่น้องคนไทยด้วยกันหรือไม่ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ในเวลาแบบนี้ โดยนอกจากไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆแล้ว ยังส่งผลด้านลบกระทบต่อจิตใจพี่น้องคนไทยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ด้วยก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าการลงมือของคนร้ายที่ผ่านมา มีเป้าประสงค์ต้องการสร้างความแตกแยก เกลียดชัง ยั่วยุให้คนไทยทั้งพุทธและมุสลิมหมางใจกัน คำถามก็คือกลุ่มคนที่ออกมาวันนี้ไม่รู้จริงๆหรือว่า ผู้ก่อความไม่สงบต้องการอะไร??? เพราะหากจะบอกว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์นี่ย่อมยากที่จะทำใจเชื่อได้ ดังนั้นลองย้อนไปดูพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้กันว่าที่ผ่านมาทำอะไรกันมาบ้าง
24 เม.ย.61 นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ พร้อมด้วย น.อ. วินัย เสวกวิ และตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เดินทางมาที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ยื่นเอกสารต่อ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เพื่อเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ในความผิดฐาน ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีได้เข้าร้องทุกข์กล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปมีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตเงินทอนวัด ล็อต สาม
1 มิ.ย. 61 ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เข้าพบ ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี รอง สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อแจ้งความเอาผิด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุมัติเงินงบประมาณให้กับวัดในกรณีทุจริตเงินทอนวัด ในความผิดฐานแจ้งความโดยมิชอบและมีเจตนาทุจริตประสงค์ให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์อันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
21 ส.ค. 61 นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เดินทางเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้แจ้งข้อกล่าวหากับพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารมาจำนวน 39 แผ่น จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.ไมตรี นำกำลังเข้าจับกุมพระสงฆ์หลายรูปในข้อกล่าวหาเงินทอนวัด การใช้เงินผิดประเภท การฟอกเงิน ทั้งได้นำตัวพระสงฆ์เหล่านั้นฝากขังอยู่ในเรือนจำ จนกระทั่งมีการส่งสำนวนคดีสู่ชั้นอัยการ และพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ได้นำสำนวนคดียื่นฟ้องอดีตพระพรหมดิลก (เอื้อ หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) (นายเอื้อน กลิ่นสาลี) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และอดีตอรรถกิจโสภณ อดีตเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา (หรือนายสมทรง อรรถกฤษณ์)
อย่างไรก็ตามในการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกับคนอีกกลุ่มที่เคลื่อนไหวในเรื่องของพระ ศาสนา ทั้งยังใช้ชื่อกลุ่มคล้ายๆกันอีกด้วยนั่นคือ กลุ่มพลังชาวพุทธ ที่นำโดยนายอัยย์ เพชรทอง ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ซึ่งก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลายต่อหลายครั้งในเรื่องของพระ เรื่องของพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวพันธ์กับอดีตพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย เช่น
18 ก.พ. 59 องค์กรพลังชาวพุทธ นำโดยนายอัยย์ เพชรทอง ประธานองค์กรพลังชาวพุทธ นายสุธี ช่วยบำรุง อายุ 53 ปี ทนายความส่วนตัว พร้อมสมาชิกองค์กรฯกว่า 20 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือและแจ้งความกับตำรวจ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อกล่าวโทษเอาผิดพระสุวิทย์ ธีรธมโมฯ หรือพุทธะอิสระ ในข้อหาแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน ทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ในเหตุการณ์ชุมนุมที่พุทธมณฑลเมื่อวันที่ 15 ก.พ.
6 มิ.ย. 59 นายอัยย์ เพชรทอง กลุ่มองค์กรพลังชาวพุทธผู้รักพระพุทธศาสนา นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เดินทางมาที่อาคารโดมบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต เพื่อยืนหนังสือต่ออธิการบดี มธ. ให้สอบสวนและวินิจฉัยการกระทำความผิดจรรยาบรรณหรือไม่ของ ดร.นพ.มโน เลาหวณิช โดยให้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงดร.นพ.มโน อาจารย์ประจำของวิทยาลัยแพทย์นานาชาติจุฬาลงกรณ์ มธ. ว่า ปฏิบัติตนหรือพฤติกรรมของบุคคลดังกล่าวว่าเป็นความผิดตามกฎบังคับข้อใดของ มธ. หรือไม่ ในเรื่องของการขาดจริยธรรมหรือผิดตามกฏหรือข้อบังคับข้อใดของสถานบัน
23 ก.พ. 60 กลุ่มพลังชาวพุทธ นำโดยนายอัยย์ เพชรทอง ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ตั้งโต๊ะแถลงการณ์ กรณีวัดพระธรรมกายซึ่งรัฐได้กล่าวหาพระเทพญาณมหามุนี ว่าฟอกเงินและรับของโจรจากการรับถวายทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในกิจการศาสนา รัฐบาลได้ใช้มาตรา44 นำกำลังทหารตำรวจจำนวนมากเข้ามาปฏิบัติการที่วัดพระธรรมกาย ภาพของการใช้ความรุนแรงนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกถือว่ารัฐเองเป็นผู้นำประเทศชาติไปสู่ความเสียหายอย่างยิ่ง
นี่แค่ตัวอย่างบางส่วนที่นำมาให้เห็นพอให้รู้ว่า กลุ่มพลังชาวพุทธ ทำอะไรบ้าง ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปของคนกลุ่มนี้ว่าเป็นศิษย์ของธรรมกายและที่เดินทางไปร้องทั้งหมอมโน และอดีตพระพุทธอิสระ นั่นสังคมก็รู้กันดีอยู่แล้วด้วยว่า ทั้งสองท่านนี้เคลื่อนไหวต่อต้านการกระทำที่ผิดกฏหมาย ผิดพระธรรมวินัยของอดีตพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายทั้งสิ้น หาใช่มีเรื่องราวอื่นใดขัดแย้งเป็นการส่วนตัว
ทั้งหลายทั้งมวลที่ว่ามานี้ ไม่ได้เป็นการเหมารวมว่าทั้งสองกลุ่มคือเครือข่ายเดียวกัน เพียงแต่ลำดับเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ออกมาในเรื่องพระและศาสนาที่ชัดแจ้งที่สุด ซึ่งหากแยกก็จะเห็นว่ากลุ่มของนายจรูญ ดูจะสุ่มเสี่ยงตอการสร้างความขัดแย้งต่อคนสองศาสนา ทั้งยังดูเหมือนว่า ไร้ซึ่งน้ำหนักของเหตุผล ในขณะที่กลุ่มของนายอัยย์ นั่นแน่นอนว่า พวกเขาย่อมปกป้องอาจารย์และวัดในขณะที่ความผิดก็ชัดเจนโดยเฉพาะอดีตพระธัมมชโยก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่น่าเป็นห่วงก็กรณีนายจรูญ ที่เคลื่อนไหวออกแนวสะเปะสะปะแล้ว น่ากลัวเหลือเกินที่จะกลายเป็นจุดไฟสงครามศาสนา เรื่องนี้ต้องพึงระวัง!!!!