- 30 ม.ค. 2562
สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ 4 รมต. แกนนำพรรคพลังประชารัฐเตรียมลาออกจากตำแหน่ง โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวขอแจ้งข่าวอย่างเป็นทางการว่า 4 รัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้มีผลในวันนี้ 30 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ 4 รมต. แกนนำพรรคพลังประชารัฐเตรียมลาออกจากตำแหน่ง โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวขอแจ้งข่าวอย่างเป็นทางการว่า 4 รัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้มีผลในวันนี้ 30 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่า ทางพรรคพลังประชารัฐได้ออกประกาศเชิญชวนกรรมการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคการเมือง เรื่อง "การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ณ ที่ทำการพรรค และทางพรรคฯ จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ
และมีการเผยว่า สำหรับรายชื่อบุคคลที่พรรคจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกของพรรคเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ เบื้องต้นพรรคได้วางตัวบุคคลไว้แล้ว และจะใช้สิทธิเสนอชื่อนายกฯ เต็มจำนวนตามที่กฎหมายกำหนด 3 คน ตามลำดับ ดังนี้
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.
2.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
สำหรับนายสมคิดนั้น ทางพรรคฯให้เหตุผลว่าเป็นผู้ประสานระหว่าง นายกฯ และพรรค และเป็นสัญลักษณ์สร้างความมั่นใจในนโยบายเศรษฐกิจของพรรค และเป็นมือเศรษฐกิจให้กับพล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด
แต่ดูเหมือนว่าล่าสุดทางพรรคจะออกมาปัดกรณีดังกล่าว และขอให้ติดตามรอดูเร็วๆ นี้ เพราะสามารถเสนอชื่อได้ถึง 3 ชื่อ พร้อมเผยว่าจะมีการประชุมพรรคอีกครั้งภายในวันสองวันนี้ ขณะที่ทางด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่มีคนในพื้นที่เสนอให้มีชื่อนายสมคิด เป็น 1ใน 3คนของพรรคที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมคิด ตอบว่า ขอบคุณที่ระลึกถึง แต่ตนไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ยังไม่เคยร่วมประชุมพรรคเลย ตอนนี้เตรียมตัวเกษียณ และวางแผนเที่ยว ส่วนประเทศไทยตอนนี้จุดแข็งจุดเดียวคือเรื่องท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ 20%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ส่วนตัวอื่นขึ้นกับสถานการณ์โลก ถ้าเรามีการลงทุนมาช่วยไม่มีปัญหา ซึ่งไม่ใช่แค่ต่างประเทศ แต่รวมถึงนักลงทุนไทยที่ต้องมั่นใจต่อเนื่อง