- 08 ก.พ. 2562
ราวว่าทุกอย่างกำลังจะกลับสู่สภาวะปกติ เมื่อการประกาศวันเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนคือวันที่ 24 มี.ค. 2562 จากแต่แรกที่เป็นการขับเคี่ยวเชิงอุดมการณ์ในการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่ายได้ลดโทนลงเป็นการแข่งขันเชิงนโยบายของแต่ละพรรค
ราวว่าทุกอย่างกำลังจะกลับสู่สภาวะปกติ เมื่อการประกาศวันเลือกตั้งเป็นที่ชัดเจนคือวันที่ 24 มี.ค. 2562 จากแต่แรกที่เป็นการขับเคี่ยวเชิงอุดมการณ์ในการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่ายได้ลดโทนลงเป็นการแข่งขันเชิงนโยบายของแต่ละพรรค ที่ดูเหมือนจะบริสุทธิ์และยุติธรรม แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียวเมื่อบางพรรคได้อาศัยการดำเนินกลยุทธ์ที่ประหนึ่งว่าเทหมดหน้าตักเพื่อหวังชัยชนะทางการเมืองอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม...ไม่ยี่หระว่าจะเป็นไปตามครรลองตามกรอบหรือกฏเกณฑ์ของสังคมที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดีปรากฏการณ์ที่อุบัติขึ้น ณ ตอนนี้ และต้องจารึกไว้ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็คล้ายว่าจะเป็นการฉุดรั้งประเทศเข้าสู่วังวนแห่งความขัดแย้งเชิงทัศนะอีกครั้ง ระหว่างกลุ่มปรปักษ์ต่อรัฐบาล คสช. และกลุ่มที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยหวังให้เก้าอี้ผู้นำประเทศกลับมาเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้ง
จากท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ หลังจาก พรรคพลังประชารัฐได้ทำหนังสือเทียบเชิญรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ก็ดูเสมือนว่าจะสงวนท่าทีด้วยให้เหตุผลว่าขอเวลาตัดสินใจ จนกระทั่งอีก 2 รายนามที่ถูกวางตัวไว้เป็นแคตดิเดตฯ ตัดสินใจถอยเพื่อเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งว่าที่นายกฯ อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะการสานต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศอันเป็นเจตนารมณ์ของพรรคพลังประชารัฐย่อมไม่มีใครเหมาะสมไปกว่า ตัวของนายกฯ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ เอง
กระทั่งล่าสุดวันนี้ 8 ก.พ. 2562 ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำการตอบรับ ตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมมีการแนบสารมาให้ทราบโดยทั่วกัน (อ่านต่อเพิ่มเติม:"บิ๊กตู่ " ตอบรับ "พรรคพลังประชารัฐ" ว่าที่นายกฯเพียงหนึ่งเดียว!...นำพาประเทศสู่ความรุ่งเรือง)
ถ้อยดังกล่าวสะท้อนอย่างประจักษ์ถึงความตั้งมั่นในอุดมการณ์ของชายชาติทหารผู้ผ่านร้อนหนาวทางการเมือง และนำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤต แม้นว่าการขึ้นสู่จุดสุงสุดทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จะระคนไปด้วยคำครหาและเสียงสรรเสริญ ด้วยเพราะอาจขัดกับหลักครรลองของการเมืองในอุดมคติของใครหลายคน แต่ทั้งหมดทั้งมวล ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ อันสะท้อนถึงเจตนาบริสุทธิ์หวังหยุดยั้งวิกฤตการณ์การเมือง ก็เพียงพอที่จะเจือจางทัศนะด้านลบของใครหลายคนที่มีรัฐบาล คสช. ได้ไม่มากก็น้อย
ยากยิ่งเกินกว่าจะปฏิเสธได้ว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะปิดม่านชีวิตราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกอันเป็นเกรียรติสูงสุดของทหารและการรับใช้ชาติมาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ก็ย่อมสามารถกระทำได้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเลือกที่จะขึ้นหลังเสือ ท่ามกลางมรสุมและคลื่นลมกระหน่ำและนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งได้ในที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวลอาจหล่อหลอมขึ้นจากการซึมซับความเป็นสุภาพบุรุษพร้อมคุณลักษณะของทหารที่พึงมี จากผู้เป็นบิดา พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ทำให้ เด็กชายประยุทธ์ในเวลานั้น เลือกที่จะเดินตามรอยก้าวสู่รั้วจักรดาวโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 สู่รั้วแดงกำแพงเหลือง โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 23
ก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตผู้หมวดหนุ่มกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ทหารเสือราชินี" หากจะมีสักกี่คนที่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยก่อตั้งทหารเสือราชินี ด้วยเพราะทำหน้าที่เป็นครูฝึกทหารเสือรุ่นแรกฯ อันเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นหน่วยกำลังรบที่มีหลักสูตรการฝึกกำลังพลเข้มข้นเพื่อถวายอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สะท้อนอย่างประจักษ์ถึงความจงรักภักดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมถวายชีวิตเพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มานับแต่ดาวดวงแรกถูกกลัดอยู่บนบ่า
ท่ามกลางสมรภูมิรบ เขาพนมปะ ในจังหวัดปราจีน ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.ประยุทธ์ ได้กระโจนเข้าสู่ดงกระสุนพร้อมลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ โดยครั้งหนึ่งมีการบันทึกไว้ว่าการสถาปนาฐานเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่ง เพราะทางกองกำลังฝั่งตรงข้ามได้ระดมยิงมาอย่างไม่ขาดสาย จนลูกน้องบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และสูญเสียถึง 6 ชีวิต แต่ด้วยจิตใจที่รุกรบของผู้นำหน่วยทหารเสือ และขีดความสามารถของตัว พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สามารถแก้ไขสถานการณ์และพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ จนทำชื่อเสียงของทหารเสือราชานีขจรเกรียงไกรได้รับการยอมรับโดยทั่วกัน
เจนจบศาสตร์การรบทั้งบู๊และบุ๋น ทำให้ชีวิตทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ฉายแววรุ่งโรจน์และถูกจับตามองราวประหนึ่งเยื้องย่างอยู่บนพรมแดงสู่เส้นทางสายเหล็กของกองทัพบก ในตำแหน่งบังคับการกรมฯ และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กระทั่งปี 2548 พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ตามลำดับ ด้วยความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง ในตำแหน่งคุมกำลังพลในพระนคร ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองในรัฐบาลทักษิณ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำการตัดสินใจครั้งแรกที่จะเข้ามาเกี่ยวพันกับการเมือง
ด้วยการนำกำลังรบเข้าตรึงกำลังยึดอำนาจภายใต้การสั่งการของรุ่นพี่ที่เคารพรัก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ด้วยเป็นความจำเป็นอย่างเลี่ยงมิได้ เพราะมิฉะนั้นหากไม่เข้าระงับสถานการณ์ย่อมหมายถึงความสูญเสียแก่ชีวิตของประชาชน เหตุที่นำมาซึ่งการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดล้วนมาจากความจงรักภักดีต่อสถาบัน เพราะปรากฏว่ากลุ่มก้อนขั้วขัดแย้งในขณะนั้นมีพฤติการณ์จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันกษัตริย์ แน่นอนว่ากองทัพ และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่อาจทำนิ่งเฉยดูดายได้
จากผลงานอันประจักษ์ปี 2553 พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก คนที่ 37 ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเป็นธรรม เหนืออื่นใดทุกการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ล้วนเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักหมายสำคัญ จวบจนกระทั่งปี 2557 หน่ออ่อนของวิกฤตการณ์การเมืองได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ความขัดแย้งในอุดมการณ์ได้อุบัติขึ้น เป็นเหตุให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกตัดสินใจยุติทุกความขัดแย้ง หวังลบล้างระบอบการอันเลวร้ายที่ฝังรากลึกในสังคมไทย เสียสละตนประหนึ่งกระโจนขึ้นหลังเสือเพื่อที่จะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้อีกครั้ง นับเป็นภาระรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งเกินกว่าที่ใครหรือผู้ใดนึกปรารถนาจะแบกรับไว้ หากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ประจักษ์ชัดว่ารัฐบาล คสช. ภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ไม่ปรากฏมีความขัดแย้งที่รุนแรงเช่นแต่ก่อน เพราะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงและเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
ในโค้งสุดท้ายก่อนการเปลี่ยนผ่านการเมือง อาจเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่นหากหากประชาชนขาดแล้วซึ่งวิจารณญาณ หรือตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใครด้วยกลวิธีใดก็สุดแล้วแต่ แต่เจตนาของพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านสารในทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียงก็ถูกกลั่นกลองอย่างไม่ทรยศต่ออุดดมการณ์ของชายชาติทหารที่ยืนยันว่าพร้อมสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย ก็เสมือนเป็นแสงสว่างให้ประชาชนคนไทยจะได้ก้าวข้ามทุกความขัดแย้ง ในช่วงเวลาสำคัญของประเทศอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"อุตตม" ประกาศถอนตัว บัญชีรายชื่อ นายกฯพปชร. เสนอ "ประยุทธ์" คนเดียว เหมาะสมช่วงเปลี่ยนผ่าน
-สุภาพบุรุษนาม "ประยุทธ์" ! "กอบศักดิ์" ซูฮก "บิ๊กตู่" จริงใจ ตรงไปตรงมา เด็ดขาด...ยันทุกโพลล์ให้เบอร์ 1 นายกฯ
-พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่พระประแดง ชาวบ้านต้อนรับรุมถ่ายรูปคู่