- 10 ก.พ. 2562
พระบารมีท่วมท้นแผ่นดิน เดินตามรอยพระราชบิดาดับวิกฤติชาติ! ย้อนรอยวีรกรรม "บ้านหมากแข้ง" สมรภูมิ “พระราชา” ของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐
"ฉันต้องไปเพราะเป็นหน้าที่ของทหาร"
พระสุรเสียงอันเข้มแข็งของ สมเด็จพระเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งร่วมรบ ณ ฐานปฏิบัติการบ้านหมากแข้ง ราวพุทธศักราช 2511 ในช่วงเวลานั้นประเทศไทย ซึ่งก็เหมือนกับอีกหลายๆ ประเทศ ที่กำลังทำสงครามกับ “ลัทธิคอมมิวนิสต์” หลายพื้นที่ในประเทศไทยเต็มไปด้วยการสู้รบ โดยเฉพาะรอยต่อ 3 จังหวัด ครอบคลุม อ.หล่มสัก และหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์, อ.ด่านซ้าย และนาแห้ว จ.เลย รวมถึง อ.นครไทย และชาติตระการ จ.พิษณุโลก
กระทั่งวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 เกิด “วันเสียงปืนแตก” ณ บ้านห้วยทรายใต้ อ.นครไทย บัดนั้นเป็นต้นมา ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เคลื่อนไหวปฏิบัติการรุนแรงยิ่งขึ้น ซุ่มยิง โจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ให้ได้รับบาดเจ็บล้มตายอยู่ตลอดเวลา “บ้านหมากแข้ง” ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ก็เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ประสบปัญหา ชาวบ้านต้องหวาดผวากับ “เสียงระเบิด ควันปืน” เพราะที่นี่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหว
กระทั่ง วันที่ 29 ตุลาคม 2519 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ลอบเข้าโจมตีที่ฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทาง “กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร 1617” ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับ ทว่าขณะที่นักบินนำเครื่องขึ้นได้ถูกผู้ก่อการร้ายยิงตกลงมา ... ในวันต่อมาเมื่อหน่วยเหนือส่งกำลังไปช่วยเหลือก็ถูกผู้ก่อการร้ายระดมยิงจนนักบินไม่สามารถนำเครื่องลงได้ ต้องนำกำลังทั้งหมดไปส่งลงที่ฐานบ้านห้วยมุ่น และให้กำลังพลทั้งหมดเดินเท้าไปยัง “ฐานบ้านหมากแข้ง” แต่ระหว่างทางถูกผู้ก่อการร้ายซุ่มยิง ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 3 นาย
https://www.tnews.co.th/contents/437936เมื่อนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบ ด้วยความห่วงใยพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ “ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจและราษฎรในพื้นที่ โดยวันที่ 5 พฤศจิกายน 2519 ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปฐานปฏิบัติการบ้านห้วยมุ่น หลังจากประทับรับฟังการบรรยายสรุปแล้ว พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งกับ พล.ท.สมศักดิ์ ปัญจมานนท์ แม่ทัพภาคที่ 3 (ในขณะนั้น) ด้วยพระสุรเสียงอันหนักแน่นว่า… “จะต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นให้ได้”
เนื่องจากสถานการณ์ขณะนั้นไม่น่าไว้วางใจ แม่ทัพภาคที่ 3 จะกราบบังคมทูลทัดทานหากทว่าพระองค์ก็ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า … “ชักช้าไม่ได้ ต้องไปแก้ไขให้ได้ในวันนี้ และเดี๋ยวนี้”
จากนั้นเวลา 15.30 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง และมีรับสั่งให้นักบินนำเครื่องมุ่งตรงไปยังฐานบ้านหมากแข้งทันที ขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังจะร่อนลง ยังไม่ทันที่สกี (ฐานเฮลิคอปเตอร์) จะแตะพื้น พระองค์ได้กระโดลงมาทันที ความสูงประมาณ 12 เมตร แล้ววิ่งหลบ“ฝ่ากระสุน” ที่ปลิวว่อนไปมาอย่างกล้าหาญ ขณะที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ “อาวุธปืนเล็ก” ระดมยิงเข้ามายังฐานบ้านหมากแข้งอย่างหนัก
พระองค์ได้ทรงออกคำสั่งให้ทหารตามเสด็จฯมาด้วยทุกคน แยกย้ายกันนำทหารยิงโต้ตอบผู้ก่อการร้ายและมีคำสั่งให้ปืนใหญ่จาก “ฐานบ้านห้วยมุ่น” ยิงถล่มผู้ก่อการร้ายทันที พร้อมกันนั้นพระองค์ได้เสด็จฯไปยัง “หลุมบุคคล” รอบฐานปฏิบัติการ ทรงให้คำแนะนำแก่ทหารถึงวิธีวางกำลัง การจัดฐานและวางระบบป้องกันตนเอง รวมทั้งทรงแนะนำเรื่องการกำหนดมุมยิงของปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอีกด้วย
กระทั่งเวลา 16.00 น. ผู้ก่อการร้ายยังระดมยิงก่อกวนอยู่ตลอดเวลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงทรงบัญชาการให้ทหารยิงโต้ตอบ พร้อมสั่งการให้ชุดปฏิบัติการออก “ลาดตระเวน” พิสูจน์ทราบ ด้วยพระองค์เอง โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด ท่ามกลางเสียทัดทานจากแม่ทัพภาคที่ 3 ด้วยเกรงว่าพระองค์จะทรงเป็นอันตราย แต่กระนั้นพระองค์ทรงมีรับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่กล้าหาญว่า … “ฉันต้องไปเพราะว่าเป็นหน้าที่ของทหาร”
ขณะที่ทรงนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ พระองค์ได้แสดงความกล้าหาญ มี “น้ำพระทัยเด็ดเดี่ยว” อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง ทรงนำหน้าทหารบุกตะลุยไปตามเส้นทางทั้งขึ้น และทางลาด แม้จะพบกับหญ้าสูงรกทึบ ยากลำบากต่อการเคลื่อนที่ เสี่ยงอันตรายจากถูกซุ่มยิง และถูกกับระเบิด แต่พระองค์ไม่ได้ทรงหวาดหวั่น ระหว่างนั้นผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงมายังชุดปฏิบัติการของพระองค์ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว แต่พระองค์ไม่ได้ทรงกลัวแต่ประการใด ทรงมีพระสติมั่นคง สั่งทหารดำเนินกลยุทธ์ยิงโต้ตอบ จนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้องล่าถอยไป
ท่ามกลางสถานการณ์ “ตึงเครียด” เพราะผู้ก่อการร้ายยังคงยิงเข้ามาไม่ขาด พระองค์ก็ทรงมีรับสั่งให้จัดชุดปฏิบัติการ นำพระองค์ไปยัง “หมู่บ้านหมากแข้ง” โดยทรงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ แม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการมาก และเส้นทางมีอันตรายรอบด้าน การเสด็จฯไปยังหมู่บ้านหมากแข้งแห่งนี้ทรงมีพระราชประสงค์เพื่อฟื้นขวัญกำลังใจแก่ราษฎร ท่ามกลางความปลื้มปีติยินดีของชาวบ้าน พระองค์ได้ทรงไต่ถามทุกข์สุข และขอให้ราษฎรทุกคนอย่าได้ย่อท้อวิตกกังวล ขอให้เชื่อมั่นว่า “ทหารจะคุ้มครองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่”
หลังจากนั้นได้เสด็จฯไปยังบริเวณที่เฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตก ทรงตรวจสภาพเฮลิคอปเตอร์อยู่เป็นเวลานาน และต่อมาได้เสด็จฯไป “โรงเรียนบ้านหมากแข้ง” ที่เคยถูกผู้ก่อการร้ายปิดล้อมและยึดไว้ และฝ่ายรัฐยึดกลับคืนมาได้ โดยพระองค์ได้ให้กำลังใจครูและนักเรียนให้หายจากความหวาดกลัว
ตลอดทั้งวันนั้นพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างมิทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยได้พระราชทานคำแนะนำยุทธวิธีด้านต่างๆ ทั้งการลาดตระเวน พิสูจน์ทราบ วางกับระเบิด พลุสะดุด สัญญาณเตือนภัยต่างๆ ทรงอธิบายยุทธวิธีปฏิบัติการในพื้นที่ป่าเขา รวมทั้งพระองค์ได้ทรงกระทำเป็นตัวอย่าง คืนนั้นพระองค์ได้ “ประทับแรม” ที่ฐานปฏิบัติการ โดยกว่าจะได้บรรทมนั้น ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว พระองค์บรรทมในหลุมบุคคล ซึ่งมีความลึกประมาณ 2 ฟุต หลังคามุงด้วยหญ้าคา ในหลุมมีแค่ “ผ้าปันโจ”(ผ้าปูพื้นสำหรับการเดินป่า) สำหรับปูรองพื้น ใช้เป้ทหารหนุนพระเศียร และบรรทมในชุดเครื่องแบบสนามที่ทรงนำไปชุดเดียว โดยไม่มีเสื้อแจ๊กเกตฟิลด์ (เสื้อกันหนาวสีเขียวของทหาร) กันหนาว หรือผ้าห่มแม้แต่ผืนเดียว ทั้งที่คืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาวเย็น
รุ่งเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน 2519 พระองค์ทรงตื่นบรรทมแต่เช้าตีห้า และมิได้ทรงสรงพระพักตร์ พระองค์ได้เสด็จฯนำแม่ทัพภาคที่ 3 และคณะไปตรวจการวางกำลัง และทรงควบคุมการกู้กับระเบิดรอบฐาน และทรงมีรับสั่งให้จัดกำลังออกพิสูจน์ทราบเส้นทาง และพื้นที่เนินเขาบริเวณหมู่บ้านอีกครั้ง จากนั้นได้เรียกนายทหารประจำฐานปฏิบัติการทุกคนมารับฟังคำสั่ง คำชี้แจงวิธีรักษาการป้องกันฐานปฏิบัติการ และการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับราษฎร จนได้เวลาอันสมควรจึงประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์
การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมหน่วยทหาร ตำรวจ และประชาชน ในพื้นที่การปฏิบัติการของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น อย่างหาที่เปรียบมิได้ “วีรกรรม” ของพระองค์ที่บ้านหมากแข้งในครั้งนี้จึงเกิดเป็น “อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง”ที่สร้างขึ้นเพื่อจารึกความกล้าหาญของ “ร้อยเอกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ในสมรภูมิ “พระราชา” !!!
นี่เป็นพระราชกรณียกิจอันห้าวหาญของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทำให้พสกนิกรได้แซ่ซ้อง ทรงเป็น “มิ่งขวัญ” ให้แก่คนไทยทุกคน ไม่ว่าเชื้อชาติและศาสนาใด…
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”
... ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ...
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สายใยรักจากลูกถึงแม่!!! เผยกลอนพระราชนิพนธ์ ของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ถึงสมเด็จแม่
- ประทับใจมิรู้ลืม !! ความรักของพ่อ เรื่องเล่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีต่อ ในหลวงรัชกาลที่ 10 (ชมภาพ)
- สงครามพระราชา บ้านหมากแข้ง !!! รัชกาลที่ 10 "กษัตริย์ยอดนักรบ" พระองค์ทรงไม่เกรงอันตราย นำหน้าทหารเข้าสู่สงครามแห่งชัยชนะ !!!