- 15 ก.พ. 2562
“ไทยรักษาชาติ.” สำนึกไม่จริง? ปากบอกน้อมรับ..แต่ไฉน พฤติกรรม “แข็งกร้าว” ?
ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับความเคลื่อนไหว ของพรรคไทยรักษาชาติ พรรคการเมืองที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “นอมินี ทักษิณ ชินวัตร” หลังจากได้เสนอพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯเป็นแคนดิเทตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8ก.พ. ต่อมาในค่ำคืนของวันเดียวกัน พระราชโองการประกาศ การนำสถาบันเบื้องสูง มาข้องเกี่ยวกับการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ “มิบังควร”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!!! กกต.ยื่นศาลฯชงยุบพรรคทษช.แล้ว!!!
กระทั้งเมื่อนี้ (13ก.พ.62) กกต.มีมติเอกฉันท์ 7 เสียง ชงเรื่องยุบพรรคไทยรักษาชาติ "เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" และต่อมาเมื่อวันที่ 14ก.พ. ศาลรัฐธรรมนู มีมติมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งรับคำร้องพิจารณาวินิจฉัยของกกต.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ ศาลนัดพิจารณครั้งต่อไปในวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 13.30น.
ล่าสุด15 ก.พ. 62 ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) แกนนำและกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย น.ส. สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรค นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรค น.ส. ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรค และน.ส. อรุณี กาสยานนท์ รองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวของดภารกิจทางการเมืองชั่วคราว เพื่อต่อสู่คดี หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกกต. ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ
โดยนายมิตติ อ่านแถลงการณ์ว่า เนื่องด้วยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องแล้วนั้น และทางพรรคก็ได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2562 เวลา 16.00 น.ซึ่งกำหนดให้พรรคยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องพิจารณารายละเอียดของคดีในเวลาที่เหลือ 7 วัน
ในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรค จึงของดภารกิจในการหาเสียงและกิจกรรมทางการเมือง และขอสื่อสารไปยังสมาชิกพรรคทุกท่านทราบว่า คณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ จะขอใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อปรึกษาหารือในการทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลในทางกฎหมาย ตามกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และเป็นการยืนยันเจตนาอันบริสุทธิ์และความปรารถนาดีของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนชาวไทยมา ณ ที่นี้ด้วย
ทั้งนี้ต้องถือว่าเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นเรื่องปกติที่พรรคไทยรักษาชาติจะรวบร่วมพยาน-หลักฐาน ที่จะใช้ในการต่อสู้ทางคดี ซึ่งเป็นไปตามหลักการตามกฎหมาย/ประชาธิปไตย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ “ยุบพรรคไทยรักษาชาติ” มีอันเป็นไปทางการเมือง
ขณะเดียวกันแม้ที่ผ่าน พรรคไทยรักษาชาติ จะออกแถลงการณ์ น้อมรับพระราชโองการ ว่า ตามที่ได้มีประกาศพระราชโองการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น พรรคไทยรักษาชาติขอน้อมรับพระราชโองการข้างต้นไว้ด้วยความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์
พรรคไทยรักษาชาติซาบซึ้งในพระเมตตาของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ที่ได้ให้ความเมตตาต่อพรรค พรรคจะขอทำหน้าที่ตามระเบียบของกกต. กฎหมายการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญ ด้วยความเคารพในขนบธรรมเนียมราชประเพณี และพร้อมจะดำเนินนโยบายเพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศไทย
แต่พฤติการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการประกาศสู้ยิบตาผ่านแถลงการณ์-การออกมาเคลื่อนไหวต่างๆของสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เพื่อรักษาชีวิต ชนิด “รายวัน” นั้นด้วยท่าทีที่ “แข็งกร้าว”
เป็นเหตุให้สังคมต้องคำถามถึงสำนึกในความรู้สึกผิดชอบ ชัวดีในการกระทำอัน “มิบังควร” ที่เกิดขึ้นไปแล้ว กลับไม่แสดงออกถึงความรับชอบใดๆ ทั้งจากพรรคเพื่อไทยรักษาชาติ หัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหาร ร่วมไปถึงสมาชิก แม้แต่แถลงการณ์การขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ได้กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่กลับออกแถลงการณ์ยืนยัน “ความบริสุทธ์”??
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญเนื้อหาในพระราชโองการที่มิอาจมองข้าม-ละเลยไปได้ นั้นก็คือ “..การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง..”
โดยภายหลังจากได้มีพระราชโองการเผยแพร่ออกไป เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 62 จนกระทั้ง เมื่อวันที่ 12 ก.พ. การปรากฏตัวครั้งแรกของ “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช” หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา รองเลขาธิการพรรค นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค
ในวันนั้นหลายคนคงจำภาพที่ ร.ท.ปรีชาพลมือไหว้ถวายบังคมเหนือศีรษะ พร้อมกล่าวว่า “ก่อนอื่นพวกเราขอเรียนว่าพวกเรากรรมการบริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติขอน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และราชวงศ์ทุกพระองค์”
ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า หลังจากที่ กกต.มีมติออกมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ไม่ประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ พวกเราถือว่าเมื่อมีมติออกมาแล้วก็ถือว่าเป็นที่ยุติ เราไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เพราะเราได้แถลงน้อมรับพระราชโองการไปเรียบร้อยแล้ว ....
ถ้า “พรรคไทยรักชาติ” รับพระราชโองการ มาไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมจริงๆ ก็ควรที่จะต้องทบทวนบทบาทที่กำลังเดินอยู่ว่าผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่ทำให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และ กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น
ขณะเดียวกัน พรรคไทยรักษาชาติ ยังจะเดินหน้าต่อภายใต้การบงการของคนที่อยู่ข้างหลังคนที่ต้องการได้อำนาจกลับคืน คนที่ต้องการทำอะไรก็ได้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองหรือไม่ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่พรรคไทยรักษาชาติ กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค จะพิจารณาบทบาทของตัว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดคลิปณัฐวุฒิ ปราศรัยทักษิณเกี่ยวทษช.หรือไม่ ทั้งลูกทั้งหลานอยู่เต็มพรรค
- ฝ่ายกฏหมาย "ทษช" เซ็นรับหนังสือวินิจฉัยยุบพรรค ระทึกต่อนัดพิจารณา วันที่ 27 ก.พ. 2562
- ขึ้นเขียงยังไม่สำเหนียก? "ทษช." ดันทุรัง หาเสียงต่อ! เมินเรื่องยุบพรรค!
- ชัดๆจากไพศาล ชี้ทษช.ถูกยุบก่อน-หลังลต.ผลจะเป็นอย่างไร เตือนระวังอัปมงคล!
- กกต.ไม่รับรองชื่อนายกฯเท่ากับยอมรับทษช.ทำผิดกม. กับคำวิษณุศาลรธน.พิจารณาเร็ว
- อดีตโฆษกกรธ.ชี้ชัดโทษยุบพรรคทษช.ผลแรง ตัดสิทธิ์การเมืองกก.บริหารตลอดชีวิต