- 19 ก.พ. 2562
สืบเนื่องจากกรณี การปราศรัยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ ลูกสาว และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เดินหาเสียงย่านเซ็นเตอร์พอยต์ ห้างสยามพารากอน
สืบเนื่องจากกรณี การปราศรัยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ ลูกสาว และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เดินหาเสียงย่านเซ็นเตอร์พอยต์ ห้างสยามพารากอน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปกับคุณหญิงสุดารัตน์ และลูกสาวเป็นจำนวนมาก โดยลูกสาว 2 คนของคุณหญิงสุดารัตน์ ช่วยหาเสียง หลังจากเรียนพิเศษที่สยามด้วยนั้น
โดยมีไฮไลท์ช่วงหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า นโยบายพรรคมีแนวทางแก้ไขปัญหาคนตกงาน ด้วยการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ในการเป็นเจ้าของธุรกิจเอง ด้วยการตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือเถ้าแก่ใหม่ เพื่อสร้างให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งอาจจะแบ่งเงินจากกระทรวงกลาโหม ประมาณปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ได้ถึงปีละ 20,000-30,000 คน ทั้งนี้ การตัดงบประมาณจากกลาโหมจะไม่กระทบกองทัพ และขอให้ทหารมาช่วยกันสร้างชาติด้วยกัน เนื่องจากคนยุคใหม่ ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ทำให้เกิดกระแสวิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพลเอกอภิรักษ์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางมาเป็นประธานวันสถาปนากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมทั้งได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวสั้นๆ เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยปราศรัยหาเสียงหากได้เป็นรัฐบาลก็เตรียมที่จะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม รวมทั่งการยกเลิกเกณฑ์ทหารด้วย ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวสั้นๆว่า ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ตอนนี้เพลงนี้กำลังฮิต
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแนวคิดการลดงบประมาณทางการทหารและกองทัพที่แสดงออกอย่างชัดเจนนั้น คือพรรคอนาคตใหม่และพรรคเพื่อไทย ด้วยพยายามยกอ้างว่า มีการเพิ่มงบประมาณให้กระทรวงกลาโหมมากอย่างไม่ปรากฎมาก่อน และมองข้ามปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจหรือปากท้องของประชาชน อย่างไรก็ตามจากข้อมูลอันเป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อย้อนกลับไปตในปี 2547 ซึ่งเป็นช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ พบว่างบประมาณกระทรวงกลาโหม คิดเป็น 7.63% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมด
ตรงข้ามกับรัฐบาล คสช. ที่ถูกโจมตีมาตลอดว่ามีการอัดฉีดงบฯ แต่กลับพบว่าคิดเป็น 7.6% ของงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีการเพิ่มงบฯขึ้นไปถึง 8-9% จากข้อมูลทั้งหมดทำให้สรุปในเบื้องต้นได้ว่า แม้กระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณสูงขึ้นทุกปี แต่งบประมาณรายจ่ายของทุกปีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่นเดียวกับงบประมาณของกระทรวง กรม ต่างๆที่เพิ่มขึ้นไปตามสัดส่วนเดียวกันทั้งสิ้น
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
งบประมาณกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน และช่วงที่รัฐบาลต่างๆเข้าบริหารประเทศมีรายละเอียดดังนี้
งบกระทรวงกลาโหม ปี 47 ได้งบ 7.85 หมื่นล้าน คิดเป็น 7.63% ของงบรวม 1.028 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 1.9 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 4.51 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 48 ได้งบ 8.12 หมื่นล้าน คิดเป็น 6.76% ของงบรวม 1.2 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 2.03 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 4.50 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 49 ได้งบ 8.59 หมื่นล้าน คิดเป็น 6.316% ของงบรวม 1.36 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 2.25 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 5.265 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 50 ได้งบ 1.15 แสนล้าน คิดเป็น 7.37% ของ งบรวม 1.56 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 2.82 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 6.228 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 51 ได้งบ 1.43 แสนล้าน คิดเป็น 8.61% ของงบรวมที่มี 1.66 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.010 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 6.543 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 52 ได้งบ 1.701 แสนล้าน คิดเป็น 9.27% ของงบรวม 1.835 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.322 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 7.090 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 53 ได้งบ 1.540 แสนล้าน คิดเป็น 9.06% ของงบรวม 1.7 ล้านล้านขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.467 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 7.162 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 54 ได้งบ 1.685 แสนล้าน คิดเป็น 8.14% ของงบรวม 2.07 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 3.911 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 8.690 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 55 ได้งบ 1.686 แสนล้าน คิดเป็น 7.08% ของงบรวม 2.38 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.204 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 9.199 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 56 ได้งบ 1.804 แสนล้าน คิดเป็น 7.52% ของงบรวม 2.4 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.604 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 9.978 หมื่นล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 57 ได้งบ 1.838 แสนล้าน คิดเป็น 7.28% ของ งบรวม 2.525 ล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.827 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.06 แสนล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 58 ได้งบ 1.92 แสนล้าน คิดเป็น 7.45% ของงบรวม 2.575 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.01 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.09 แสนล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 59 ได้งบ 2.06 แสนล้าน คิดเป็น 7.57% ของงบรวม 2.720 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.17 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.23 แสนล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 60 ได้งบ 2.135 แสนล้าน คิดเป็น 7.30% ของงบรวม 2.923 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.139 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.311 แสนล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 61 ได้งบ 2.22 แสนล้าน คิดเป็น 7.65% งบรวม 2.9 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 5.109 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.361 แสนล้าน
งบกระทรวงกลาโหม ปี 62 ได้งบ 2.27 แสนล้าน คิดเป็น 7.6% งบรวม 3 ล้านล้าน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ 4.89 แสนล้าน และกระทรวงสาธารณสุข 1.35 แสนล้าน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บิ๊กแดงไล่เพื่อไทยฟังเพลงหนักแผ่นดิน หลังหาเสียงตัดงบกห.-เลิกเกณฑ์ทหาร
- โฆษก "พรรคเพื่อไทย" เห็นดีเห็นงาม หนุน นศ. รวมหัวจุดเทียน อ้าง "ต้านรัฐประหาร"
- ชำแหละนโยบายพรรคไหนโม้ Part1 : "พรรคเพื่อไทย" ประชานิยมขายฝัน? ทำชาวนาน้ำตาตก เก่งแต่ทำนาบนหลังคน!
- "บิ๊กป้อม" ย้ำ เลือกตั้งภายใน 150 วันแน่! สวนกลับ "พรรคเพื่อไทย" ไปถามกันเองคนไหนกระเป๋าตุง-แฟบ