- 21 ก.พ. 2562
สืบเนื่องจาก ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารราวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖o
สืบเนื่องจาก ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารราวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖o มาตรา ๙๒ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗ (๑๓) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖o มาตรา ๙๒ แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา วิธีการส่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของศาลเป็นผู้ส่ง
ณ ที่ทำการผู้พรรคผู้ถูกร้อง หากไม่มีผู้รับ ให้ปิดหนังสือนำส่ง และสำเนาคำร้องไว้ ณ ที่ทำการผู้พรรคผู้ถูกร้อง และให้ถือว่าส่งโดยชอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕ ประกอบมาตรา ๕๔ แล้ว ทั้งนี้ ศาลนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา
ต่อมาประธานรัฐธรรมนูญได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญได้นำเอกสารพิจารณาคำร้องมายื่นต่อพรรคไทยรักษาชาติ โดยมีนายสุรชัย ชินชัย ฝ่ายกฎหมายของพรรคเป็นตัวแทนเซ็นรับหนังสือ
ทั้งนี้นายสุรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้จะนำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร แยกเป็นประเด็นว่าผู้ร้องหรือกกต. ตั้งข้อกล่าวหาพรรคในประเด็นใดบ้าง ตามข้อกฎหมายใด ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับพยานหลักฐานทางพรรคยังไม่เห็นความชัดเจนในประเด็นที่ถูกกล่าวอ้าง เบื้องต้นจึงจะทำคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปก่อน และจะยื่นภายใน 7 วันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดพิจารณาครั้งต่อไปวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 13.30 นาที
กระทั่งวันที่ 15 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายพิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคฯ กล่าวเพิ่มเติมต่อกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในกระบวนการของศาล เราน้อมรับทุกอย่าง และให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณาประมาณ 2-3 วัน เพราะจากหนังสือที่รับทราบวันนี้ให้เวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันที่รับคำร้องฝ่ายกฎหมาย ก็ขอพิจารณาก่อน
วานนี้ 20 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 16.15 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย ชินชัย ทนายความ พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมคณะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ณ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด 21 ก.พ. 2562 มีรายงานเพิ่มเติมว่า ทางพรรคฯ ให้สัมภาษณ์หลังจากยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดียุบพรรคตามกำหนดเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นคำชี้แจงภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ว่า ประเด็นหลักที่กำหนดยื่นแก้ข้อกล่าวหามี 3 ประเด็น ประเด็นแรก เรายืนยันเจตนาบริสุทธิ์ และไม่มีเจตนาพิเศษใดๆ ที่มุ่งหวังให้เป็นอย่างอื่น โดยการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯเป็นไปด้วยบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งความประสงค์และความยินยอมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ ประเด็นที่ 2 การเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยแก้ข้อกล่าวหาว่า ความหมายของคำว่าปฏิปักษ์ตามพจนานุกรมให้ความหมายว่าเป็นศัตรู เป็นฝ่ายตรงข้าม น่าจะหมายถึงการนำระบอบคอมมิวนิสต์ มาใช้ปกครองในประเทศไทย หรือการเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ทั้งนี้คำร้องยุบพรรคทษช.ยังขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครของกรรมการบริหารพรรค เราก็ถือว่าคำร้องยุบพรรคเป็นคำร้องประเภทเดียวกับคดีอาญาการเพิกถอนสิทธิสมัครตลอดชีวิตไม่ต่างจากการประหารชีวิตในทางการเมือง
และประเด็นที่ 3 ที่กกต.มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีการสืบสวนสอบสวนก่อนโดยกกต.มีมติส่งศาลจึงเป็นการข้ามขั้นตอนการเสนอคำร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้พรรคได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค 14 คนและพยานคนกลางซึ่งเป็นบุคคลภายนอก 5 ปาก
เมื่อถามว่าพยานที่เป็นบุคคลภายนอกเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเนตก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่นำเสนอต่อศาลไม่สามารถเปิดเผยได้ และเมื่อถามต่อว่ามองว่าการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญควรเสร็จก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสควรให้ประชาชนได้ลงคะแนนวันที่ 24 มี.ค.ก่อนจะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมที่ศาลจะเมตตาต่อเรา
ทั้งนี้มีรายงานว่า พยานบุคคลภายนอก 5 ปากที่พรรคนำเสนอไม่มีรายชื่อของบุคคลที่พรรคเสนอเป็นแคนดิเนตนายกก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ในข้อต่อสู้ 3 ประเด็นหลักของพรรคยังได้แยกย่อยออกเป็น 8 ประเด็น คือ 1. การดำเนินกิจการของพรรคไทยรักษาชาติ เป็นไปตามประกาศอุดมการณ์ นโยบายในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. พรรคฯ ทำตามประสงค์และความยินยอมของทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประกาศพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2515 และข้อบังคับพรรค ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติเป็นข้อห้ามมิให้ ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี
3. พรรคฯ เข้าใจโดยสุจริตว่าการเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 88, 89 และ พรป. เลือกตั้งส.ส. มาตรา 13 และ 14 ไม่ใช่เป็นการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
4. เมื่อมีพระราชโองการวันที่ 8 ก.พ.2562 เวลา 23.00 น. ภายหลังที่พรรคได้แจ้งรายชื่อบัญชีนายกฯ ไปแล้วเมื่อเวลา 9.00 น. พรรคฯจึงได้แถลงโดยทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ เป็นการแสดงเจตนารมณ์โดยชัดเจนว่าพรรคฯไม่ติดใจในการเสนอชื่อนายกฯ
5. การกระทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และมาตรา 89 ประกอบมาตรา 87 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 13 และ มาตรา 14 ให้ถือว่าการเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายดังกล่าวให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น จึงไม่เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้ผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องในทางใดๆ ต่อศาลได้
ข้อ 6. พรรคฯ เห็นว่าคำว่า “ปฏิปักษ์” ให้ความหมายว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ข้าศึก ศัตรู แต่การกระทำของผู้ถูกร้อง ได้กระทำการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเป็นความประสงค์ของทูลกระหม่อมฯ ที่อาสา และยินยอมให้ผู้ถูกร้องเสนอชื่อ มิใช่เป็นการแอบอ้างโดยพละการ
ข้อ 7. กกต. ไม่มีอำนาจหน้าที่นำพระราชโองการมาขยายความกล่าวหาพรรคฯว่ากระทำผิดตามมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560คำขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น เป็นการขยายความของพระราชโองการที่เป็นโทษ เป็นเรื่องที่มิบังควร และไม่ถูกต้องอย่างยิ่งอันเป็นการนำพระราชโองการมาแอบอ้างใช้อย่างมีเจตนาไม่สุจริตเป็นการกล่าวหาโดยสร้างฐานความผิดใหม่ซึ่งไม่มีฐานกฎหมายใดๆบัญญัติไว้
ข้อ 8. มติในการประชุมครั้งที่ 18/2562 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2562 ของกกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไม่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก กกต.จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามมาตรา 41 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และมีพฤติกรรมไม่สุจริต ซึ่งพรรคฯมีหลักฐานนำเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญและพรรคฯจะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการที่พรรคฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ไทยรักษาชาติ" ประกาศยุติหาเสียง!! เดินหน้าสู้คดี - ยันเจตนาบริสุทธิ์???
- “ไทยรักษาชาติ” สำนึกไม่จริง? ปากบอกน้อมรับ..แต่ไฉน พฤติกรรม “แข็งกร้าว” ?
- "แก้วสรร" ดึงสติ "คนรุ่นใหม่" ชี้ "ไทยรักษาชาติ" แสวงอำนาจโดยมิบังควร !
- "ดุสิตโพล" เผย ปชช.จับตา"ไทยรักษาชาติ" โดนยุบพรรค? ชี้ คนไทยส่วนใหญ่อยากเลือกตั้งแล้ว!!
- เปิดข้อมูลเชิงลึก! อดีต "กกบห.-ไทยรักษาชาติ" ธุรกิจยังเจ๊ง ริจะมาบริหารประเทศ?