- 26 ก.พ. 2562
ดีเบต(นักการเมือง)ได้มากกว่าเสีย? เพิ่มคะแนนให้กับพรรคพลังประชารัฐ เรื่องที่บิ๊กตู่ต้องตัดสินใจ
ดูจะกระหายกันมากทีเดียวกับการที่พรรคตระกูลเพื่อต้องการลาก พลเอกประยุทธ์ ออกมาดีเบตบนเวทีนักการเมือง รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ ก็ดูอยากจะปะปากกับบิ๊กตู่ แต่ฝ่ายผู้ถูกท้าก็สงวนท่าที โดยพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ถามไปยังกกต.ว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งในที่สุดก็ได้รับคำตอบกลับมาว่านายกรัฐมนตรี สามารถไปขึ้นเวทีดีเบตได้ไม่ขัดกฎหมายแต่ประการใด กระนั้นก็มีมุมมองที่น่าสนใจอยู่2ประเด็นใหญ่ๆ หนึ่งคือ สมัยนายสมัครและนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ไม่เคยร่วมดีเบต แต่ทำไมพรรคที่มาจากรากเดียวกันถึงกระสันยิ่งนัก และอีกประเด็นที่น่าสนใจใคร่ครวญก็คือหากพล.อ.ประยุทธ์ ยอมขึ้นเวทีดวลฝีปากกับบรรดานักการเมืองเหล่านี้ จะเกิดผลดี-ผลเสียมากน้อยอย่างไรต่อพรรคพลังประชารัฐ??? นี่คือคำถามและมาร่วมกันหาคำตอบพร้อมกันนับแต่วินาทีนี้โดยพลัน!!!
ก่อนอื่นมาฟังคำยืนยันจาก นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ออกมากล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งหนังสือสอบถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถร่วมประชันโยบายพรรคได้หรือไม่ ซึ่งตามหลักการหากยึดตามระเบียบว่าด้วยการหาเสียง ผู้ใดที่เป็นหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรค และบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี สามารถเข้าร่วมดีเบตที่ทางกกต.จัดขึ้นได้ ส่วนการลงพื้นที่พบปะประชาชนในเวทีอื่นๆของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตของพรรคนั้น ต้องให้เป็นมติของที่ประชุมกกต.
นั่นคือเสมือนคำยืนยันทางกฎหมายว่า บิ๊กตู่สามารถขึ้นไปดีเบตกับนักการเมืองที่กระหายใคร่อยากกระตุกต่อมอารมณ์เพราะรู้ว่า บิ๊กตู่ เป็นคนอารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวง่าย คล้ายว่านักการเมืองประเภทพรรคตระกูลเพื่อ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจขุดบ่อล่อปลาหวังกระหน่ำพล.อ.ประยุทธ์ให้สลบ เสียผู้เสียคนคาเวที ด้วยเป้าประสงค์ทำลายเครดิตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันจะส่งผลสะเทือนไปยังพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นจึงมีเสียงหนึ่งที่ดังออกมาจากฝั่งรัฐบาลโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งพูดไว้ถึงการร่วมเวทีดีเบตของ พล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถทำได้หรือไม่ว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ ถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถือเป็นการดี เพราะมีความไม่ชัดเจนอยู่
“เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ ต่างจากแคนดิเดตนายกฯของพรรคอื่นที่เป็นผู้สมัคร ตรงนั้นจะไม่มีปัญหา แต่คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไม่ได้เป็นผู้สมัคร อาจจะมีความหมิ่นเหม่อยู่ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ควรร่วมดีเบตนั้น ไม่มีใครสงสัย เพราะใครๆก็อยากดู อยากฟัง ตนก็อยากด้วย แต่ปัญหาคือมีข้อจำกัดสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และการที่พลังประชารัฐนำรูปพล.อ.ประยุทธ์ ไปขึ้นป้ายตามเวทีปราศรัย เพราะกกต.บอกว่าทำได้ หากไม่บอกมาเช่นนี้ ก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้า เช่นเดียวกับเรื่องดีเบต ถ้ากกต.บอกว่าได้ จะได้สบายใจ หากมีการฟ้องร้องจะช่วยได้เยอะ และถ้ากกต.ตอบว่าได้แล้ว การจะไปหรือไม่อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์”
อย่างไรก็ตามนายวิษณุ ยังให้ข้อสังเกตไว้อย่างน่าขบคิดพิจารณา โดยระบุว่า “ที่กฎหมายให้ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางมีความหมายไม่ไปโน้มเอียงกับฝ่ายใด ถ้าดีเบตแล้วพูดนโยบายของตัว ก็ถือว่าเป็นกลาง ซึ่งอาจจะคล้ายกับนโยบายพรรคอื่น เพียงแต่อย่าไปขานรับนโยบายพรรคไหนก็แล้วกัน จึงยากสำหรับคนที่เป็นนายกฯ อย่างพล.อ.ประยุทธ์ หากจะรับไปดีเบต แต่แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นไม่ยุ่งยากในเรื่องนี้ เพราะไม่มีสถานะเป็นข้าราชการ แต่พล.อ.ประยุทธ์ มีความจำเป็นตรงเป็นกลาง ดีเบตได้ เราก็อยากดู แล้วดีเบตอย่างไรให้เป็นกลางถ้าทำได้ก็โอเค ถ้าทำไม่ได้ก็เสี่ยง และถ้าไปพูดถึงนโยบายพรรคก็ถือว่าเอนเอียง แต่ถ้าตอบให้เป็นนโยบายตัวเองถ้าตอบเป็นมันทำได้”
เมื่อถามว่า หากสิ่งที่พูดไปสอดคล้องกับนโยบายพปชร. นายวิษณุ กล่าวว่า ทำไมไม่คิดว่านโยบายพรรคพปชร.มาสอดคล้องกับรัฐบาล หากพูดเป็นมันไม่ขัดความเป็นกลางของข้าราชการ หากพูดไม่เป็นอันตราย และการดีเบตคือการตั้งคำถามเดียวกันให้ทุกคนตอบ บางคำถามเป็นคุณเป็นโทษ บางคำถามคนอื่น แต่บางคำถามพล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างไรก็เสียเปรียบ ไม่ใช่ตอบไม่ได้แต่จะถลำไปในสิ่งที่ท่านไม่ควรพูด ส่วนจะพูดคำว่าประชารัฐนั้นพล.อ.ประยุทธ์พูดได้ แต่ถ้าจะพูดว่าพลังประชารัฐนั้นอันตราย
และเมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีสถานะเป็นคนนอกพรรคพปชร. การไปร่วมดีเบต เข้าข่ายชี้นำพรรคหรือไม่ เรื่องนี้นายวิษณุ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นอย่างนั้น ตนจึงเป็นห่วงว่าตอบเป็นหรือเปล่า เมื่อถามว่า สถานะของผู้สมัครส.ส.กับแคนดิเดตนายกฯ เทียบเท่ากันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เทียบกันไม่ได้ มีความแตกต่างกันมาก เมื่อถามว่า ความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถอ้างความเป็นแคนดิเดตนายกฯในการร่วมดีเบตใช่หรือไม่ ซึ่งคำถามนี้นายวิษณุ ตอบว่า ถ้ากกต.บอกว่าได้จะได้หมดเรื่อง แต่การไปร่วมวงดีเบตตนยังนึกไม่ออกจะพูดนโยบายของตัวพล.อ.ประยุทธ์ หรือนโยบายของพรรค และโดยนิตินัย พฤตินัย
“เราพยายามไม่ให้สองอย่างเชื่อมโยงกัน ฉะนั้น เวลาพูดท่านอาจจะตอบในนโยบายของท่านเอง อยู่ที่เทคนิคของผู้ร่วมวงดีเบตที่จะทำให้เห็นว่าสิ่งที่พูดเป็นนโยบายตัวเองนโยบายพรรค หรือนโยบายของหลายพรรค”
หยิบยกเอาประเด็นจากคำตอบของนายวิษณุ มาพิจารณากันให้ชัดเจน จะเห็นว่าแม้กกต.จะอนุญาตให้พลเอกประยุทธ์ ไปดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่า กูรูกฎหมาย-เนติบริกร คล้ายจะไม่เห็นด้วยหากพลเอกประยุทธ์ จะไปร่วมดีเบตนั่นเพราะเหตุผลที่กล่าวอ้างมา โดยมีความสุ่มเสี่ยง อันตรายเป็นอย่างยิ่ง นี่ว่ากันเฉพาะข้อกฎหมาย ยังไม่ได้ลงลึกไปถึงหากบิ๊กตู่ถูกยั่วยุด้วยลีลาคำพูดของนักการเมืองอาชีพจะเกิดอาการน็อตหลุด ถูกรุมสกรัมน็อกให้ร่วงคาเวทีหรือไม่ นี่ก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับแฟนคลับลุงตู่
สำหรับอีกประเด็นใหญ่ที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอันเกี่ยวเนื่องว่าด้วยเรื่องดีเบตก็คือ พบข้อมูลว่าก่อนรัฐประหารปี 2549 มีความพยายามให้ นายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขึ้นเวทีดีเบตด้วยกันแต่ก็อย่างที่รับรู้กันทั่วไปก็คือ ล้มเหลว ก่อนที่ปลายปี2550 มีความพยายามให้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีดีเบตกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ครั้งนั้นนายสมัคร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดไว้ว่า รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็ควรจะพูดเรื่องเศรษฐกิจหรือขนส่งมวลชน อะไรพูดได้ ก็จะพูด คนอย่างตนไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกมีรัฐธรรมนูญมาตราไหนกำหนดเอาไว้ มันเป็นสิทธิพึงมีของบุคคลตามระบอบประชาธิปไตยว่าจะไปหรือไม่
นั่นคือเสียงที่พูดออกมาแบบดังฟังชัด ยิ่งนายสมัครเวลานั้น เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่มาจากพรรคไทยรักไทย เป็นพรรคของใครซึ่งก็รู้กันอยู่ แล้วทำไมเวลานี้คนพรรคตระกูลเพื่อ ถึงได้กระเหี้ยนกระหือรือจะขึ้นเวทีดีเบตกับพลเอกประยุทธ์ แต่ยังไม่ได้พูดถึงกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี2554 ก็ไม่เคยที่จะขึ้นเวทีดีเบตกับใคร พยายามบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด49วัน จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วว่า ไม่มีความสามารถแท้จริงที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นด้วยซ้ำ และประการสำคัญหากสังเกตก็จะพบว่า ในช่วงเวลาการบริหารประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความ พยายามหลบเลี่ยงที่จะตอบข้อซักถามต่างๆในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยิ่งเมื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายครั้งก็ตอบผิดๆถูกๆ จนเป็นที่ตลกขบขัน มีการนำมาล้อเลียนมาจนถึงขณะนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่า เพราะมาวันนี้พรรคตระกูลเพื่อได้เล็งเห็นจุดอ่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากนายทหารอาชีพอาจพูดไม่เก่ง โมโหง่าย หลายครั้งมักมีอารมณ์ฉุนเฉียวต่อการตั้งคำถามของสื่อมวลชน ดังนั้นบรรดานักการเมืองในตระกูลเพื่อ ไม่ว่าเพื่อไทย เพื่อชาติ จึงพยายามลากพล.อ.ประยุทธ์ ไปขึ้นเวทีหวังที่จะเชือดให้ตายคาเวทีดีเบต กระนั้นก็อยากเชียร์ให้พลเอกประยุทธ์ รับคำขึ้นไปบนเวทีเพื่อดีเบตกับนักการเมืองยิ่งนัก เพราะเชื่อว่าคนอย่างพลเอกประยุทธ์ มีความฉลาดเฉลียว ทั้ง5ปีที่ผ่านมาย่อมการันตีได้ว่า ในบทบาทสถานะนายกรัฐมนตรีถือว่า ไม่ธรรมดาแล้ว ที่สำคัญเหนืออื่นใด มองว่าหากบิ๊กตู่ขึ้นเวทีดีเบตน่าจะส่งผลดีต่อพรรคพลังประชารัฐ เพราะถึงตอนนี้ต้องเชื่อว่า คะแนนเสียงของพรรคประชารัฐย่อมขึ้นอยู่กับตัวพลเอกประยุทธ์ด้วยไม่มากก็น้อย จึงขอส่งเสียงสนับสนุนให้ไปขึ้นเวที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นท้ายที่สุดแล้วก็ย้อมอยู่ที่ตัวพลเอกประยุทธ์ ว่าจะเลือกตัดสินใจอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่มากนี้!?!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"บิ๊กตู่" เยี่ยมชมนิทรรศการสกุลช่างเมืองเพชร พร้อมโชว์ตุ๊กตา เผย ปมดีเบต พูดอยู่ทุกวัน อย่าไปแคร์ แนะเยาวชนใช้เวลาช่วงปิดเทอมทำกิจกรรมสร้าง
-"บิ๊กป๊อก" ปราม "นักการเมือง" อย่าดีแต่พูด! ต้องเป็นนโยบายทำได้จริง ปัดตอบเรื่อง "ดีเบต" ชี้ เป็นสิทธิของคนที่จะไป