- 10 มี.ค. 2562
คิดแบบ "ธนาธร" เป็นภัยกับ "ระบอบประชาธิปไตย" บทความพิเศษ :: ดร.เวทิน ชาติกุล นี่คือความแยบยล ซ่อนกล พูดซ่อนความ ไม่แสดงออกตรงไปตรงมา ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายหัวก้าวหน้าดำเนินการเสมอมา ตลอดไปถึงการพูด เสนอความคิดแบบ "คาบลูกคาบดอก" เช่น จะสานต่อภารกิจคณะราษฏร์ หรือล่าสุด จะเอาคุณทักษิณกลับ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ ประกาศตนชัดเจนว่าจะสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือระบอบรัฐสภา
ในนโยบายของพรรค ไม่ได้ใช้คำว่า "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" เหมือนที่พรรคอื่นๆทั้งหมดใช้ (แม้พรรคไทยรักษาชาติที่เพิ่งถูกยุบเพราะเป็นปฏิปักษ์การปกครองก็ยังใช้คำนี้) แต่พรรคอนาคตใหม่เลือกใช้คำว่า "ระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ" ซึ่งเป็นการซ่อนนัยความหมายไว้อย่างแยบยล และมีเจตนา
เพราะเมื่อกลับไปดูที่รัฐธรรมนูญแทบทุกฉบับ(น่าจะหลังปี 2495 เป็นต้นมา) ก็ล้วนระบุเอาไว้ชัดว่าการปกครองของประเทศไทยเป็นแบบ "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ซึ่งแปลว่า ใครจะมากล่าวหาว่าพรรคไม่สนับสนุนระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ได้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ระบุเอาไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว
และพรรคก็สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็เปิดช่อง ถ้าต่อไปมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นอย่างอื่น... พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่่ปฏิเสธ
นี่คือความแยบยล ซ่อนกล พูดซ่อนความ ไม่แสดงออกตรงไปตรงมา ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ฝ่ายหัวก้าวหน้าดำเนินการเสมอมา ตลอดไปถึงการพูด เสนอความคิดแบบ "คาบลูกคาบดอก" เช่น จะสานต่อภารกิจคณะราษฏร์ หรือล่าสุด จะเอาคุณทักษิณกลับ เป็นต้น
แต่ถึงอย่างไร ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่จะพริ้วลิ้นไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ก็คือ การปกป้องและยืดหยัดเพื่อระบอบประชาธิปไตย หรือระบอบรัฐสภา ซึ่งถ้าจะมาพริ้วลิ้นในเรื่องนี้อีก ในทางความคิดก็คงจบเห่...จบสิ้นในทางอุดมการณ์
แต่การแสดงความคิดของธนาธรเรื่อง "พาทักษิณกลับบ้าน" นี่แหละที่อาจนำไปสู่จบสิ้นทางอุดมการณ์ เพราะความคิดแบบธนาธรนี่เแหละที่อาจทำให้ระบอบประชาธิปไตย ระบอบรัฐสภา ที่ตนยึดถือพังครืน...
อย่างลืมว่าในระบอบประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่เลือกผู้แทนเข้ารัฐสภา ระบอบนี้ถูกออกแบบไว้ให้มีการถ่วงดุลอำนาจกันเองระหว่าง 3 ส่วน คือ ฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) ฝ่ายนิติบัญญัติ(สภาผู้แทน) และฝ่ายตุลาการ(ศาล) ซึ่งอันนี้เป็นหลักการพื้นๆ ที่เด็กมัธยมถูกสอน ถูกให้จำ ที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรในทางปฏิบัติก็เรื่องหนึ่ง แต่หลักการ หลักคิดรวมๆไม่พ้นจากเรื่องนี้ และแก่นแกนความคิดที่ว่า แต่ละฝ่ายต้องถ่วงดุลกัน เป็นอิสระกัน ไม่แทรกแซงกัน ใครที่หัวใจเป็นประชาธิปไตยต้องให้ชัดในข้อนี้ก่อน และจำเป็นต้องปกป้องหลักการนี้เอาไว้ให้ถึงที่สุด
กลับมาที่คำพูดของธนาธร เขาอ้างว่าคดีทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะดำเนินไปด้วนรัฐบาลทหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย และเขาจะพาทักษิณกลับมารื้อฟื้นคดีเพื่อคืนความเป็นธรรมให้
สิ่งที่ธนาธรพูดออกมาว่า "ผู้พิพากษา(ใหม่)ต้องเป็นกลาง" และ "ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมถูกใช้เพื่อต่อต้านทักษิณ" แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอที่จะบอกว่าธนาธรหมิ่นศาลได้แล้ว (ดูคำอธิบายของ อดีตท่านผู้พิพากษา ชูชาติ ศรีแสง ก็จะชัดเจน)
หรือที่ว่าทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะรัฐบาลทหารแกล้ง แต่ธนาธรกลับลืมข้อเท็จจริงเรื่อง "ทนายถุงขนม" ที่ถูกจับเพราะพยายามติดสินบนศาล หรือไม่พูดถึงว่าเป็น ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เองที่ไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและหลบหนีไป หรือ มีคดีที่ทักษิณถูกฟ้อง และศาลตัดสินให้ทักษิณชนะ เช่น คดีทีพีไอ (29 ส.ค.2561 สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) ที่ ศาลฎีกา พิพากษาลับหลังให้ ทักษิณในฐานะนายกฯถูกฟ้องใน ม.157 ชนะ แม้สำคัญผิดว่า คลัง มีอำนาจฟื้นฟูกิจการเอกชน แต่ทำเพื่อพยุงศก. ไร้เจตนาพิเศษที่จะทุจริต ไม่มีหลักฐานวางแผนยึดทีพีไอ เป็นต้น
เรื่องหมิ่นศาลนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่สมมุติถ้าธนาธรเกิดมีอำนาจ(เป็นฝ่ายบริหาร)แล้วกลับมารื้อฟื้นคดีคุณทักษิณจริงตามที่พูด อันนี้ความพินาศก็บังเกิด เพราะจะทำแบบนั้นได้ธนาธรในฐานะฝ่ายบริหาร ต้องใช้อำนาจแทรกแซงฝ่ายตุลาการ เพื่อ "บังคับ" ให้ต้องรื้อคดีขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุผลตื้นเขินที่ว่าเพราะที่ผ่านมาดำเนินการโกยรัฐบาลทหารซึ่ง=เป็นเผด็จการ ซึ่ง=ไม่เป็นธรรม (นั่นไม่นับข้อเท็จจริงร้อยแปดพันประการที่ต้องแสดงให้สังคมประจักษ์ชัดว่าที่ผ่านมาศาลไม่ยุติธรรม ตรงไหนอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวายแน่นอน)
ถ้าธนาธร เฉลียวใจสักนิด ก็คงรู็ว่า แม้สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เป็นน้องสาวของทักษิณแท้ ก็ยังไม่คิดอุกอาจถึงกับไปแทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่พยายามใข้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่านนิติบัญญัติ โดยการใช้เสียงข้างมากในรัฐสภาออกกฏหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ แค่นั้นระบบรัฐสภาก็พัง จนเกิดเหตุการชุมนุมนอกรัฐสภาตามมา
ธนาธรต้องไม่ลืมว่า ไม่ใช่ทักษิณเลือกที่จะไม่สู้ในกระบวนการยุติธรรมเพราะตนได้รับความอยุติธรรม นั่นนั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เป็นมายาคติ ที่ฝ่ายทักษิณสร้างขึ้น เรื่อง "อำนาจพิเศษ" ต่างๆขึ้นซึ่งจะมีอยู่หรือไม่แต่เป็นที่ประจักษ์ว่า ที่ผ่านมาทักษิณเลือกที่จะใช้วิธี "ล้มกระดาน" มากกว่าการต่อสู้ในกระบวนการหรือในครรลองปกติ
ธนาธรและฝ่ายตนจะยังเชื่อเรื่อง "อำนาจพิเศษ" แค่ไหนก็สุดแล้วแต่ แต่ถ้าหลักการประชาธิปไตยพื้นฐานการถ่วงดุลอำนาจในระบอบรัฐสภา ถูกละเมิด ถูกทำลาย โดยคนที่ปากบอกจะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยเสียเอง ด้วยเหตุผลตื้นเขินว่าจะชำระประชาธิปไตยให้บริสุทธิ์ผุดผ่องโดยการกวาดล้าง "สิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย" ออกไปจากสารบบ ตรรกะวิธีคิดมันน่ากลัวเหมือนเห็น "สมัยปฏิวัติวัฒนธรรม" หรือ "อาณาจักรไรซ์ที่3" อยู่รำไรรำไร
คิดแบบนี้ไม่ใช่เป็นปีศาจที่จะตามล้างผลาญเผด็จการแต่เป็นความคิดที่เป็นภัยแม้แต่กับระบอบประชาธิปไตยที่ตัวเอง ยกย่อง บูชา กระทั่งเอาขึ้นมาอ้างเป็นธงนำเสียเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ธนาธรหาเสียง ฟุ้งไปทั่วชายแดนใต้ ใช้ทหารแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องใช้ประชาธิปไตย
- อนาคต...สุดซอย? ก้าวต่อก้าว "ธนาธร" ตามรอย "ทักษิณ" สุดท้ายจะพาแม้วกลับบ้าน ชนวนแตกหักรอบใหม่
- เพจSavethanathron ประกาศยุติ!ซัดธนาธรผิดสัญญา เล่นการเมืองน้ำเน่า สุดท้ายยกพวกตีกัน
- "เพจดัง" ยิง 6 คำถาม ข้อบกพร่องในคำชี้แจงของ "ธนาธร" กรณี "ทักษิณ" !!