- 10 เม.ย. 2562
หลังเลือกตั้งผ่านพ้นไป มีใครเห็นเจ๊หน่อย สุดารัตน์ บ้างคะ ช่วงแรกๆ หลังการเลือกตั้งก็ยังพอเห็นอยู่บ้างชักชวน 6,7 พรรคเข้าร่วมลงสัตยาบัน ตอนนั้นก็ยังเห็นอยู่แต่หลังจากช่วงนั้นกระแสเริ่มเงียบนะคะเจ๊หน่อย จะมีก็แต่แคนดิเดตหมายเลข 3 ของพรรคเพื่อไทยที่กลายมาเป็นกระแสมากกว่า เอ๊... หรือว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยรึเปล่า แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงจริงก็คงไม่แปลกหรอกค่ะเพราะคนวางหมากเค้ามองเรื่องเกมเป็นสำคัญอยู่แล้ว ยกฟ้อง "21พันธมิตร"
อ๋อ ตอนนี้ที่ไม่ค่อยเห็นเจ๊หน่อย ก็เพราะว่าเจ๊เดินสายทำบุญอยู่นะสิคะไม่ไปทำบุญกับครอบครัว ก็ไปช่วยติดตามสถานการณ์ไฟป่า เชียงดาวโน่นนน ขยันทำบุญแบบนี้หวังว่าผลบุญจะช่วยส่งผล ดลบันดาลอะไรรึเปล่าคะ นี่ไม่ได้พูดลอยๆ แต่ว่ามันมีกระแสข่าวมาว่ามีคำสั่งจากคนแดนไกลที่จะดันคุณชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯเบอร์ 3 แทนที่จะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ก็ว่ากันว่าผลงานที่ผ่านมาอาจไม่เข้าตาในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง เดินสายทั่วประเทศแข็งขันเลยล่ะค่ะ แถมผลโพลของสำนักไหนๆ คะแนนความนิยม ของเจ๊หน่อย ก็ไล่ตามหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาติดๆ แต่โค้งสุดท้ายแว่วๆ มาว่ามีชื่อคุณชัยเกษม เด่นชัดเลยค่ะ ก็เพราะคุณทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่จากแดนไกลไม่ค่อยพอใจในยุทธศาสตร์การต่อสู้ เพราะไม่ประกาศสู้รบกับ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ จึงทำให้ชื่อของคุณชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ถูกเรียกตัวมาหารือผ่านระบบสไกป์กับคุณทักษิณ โดยจะผลักดันคุณชัยเกษม ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แทนเจ๊หน่อย สุดารัตน์
ซึ่งต้องบอกว่าเหตุผลที่ถ้าหากต้องมีการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยจริง มันมีอีกหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณทักษิณเล็งเห็นว่า เจ๊หน่อย สุดารัตน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นำทีมคว้าที่นั่งในการเลือกตั้งได้เพียง 137 ที่นั่ง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้มีคะแนนไม่พอที่จัดตั้งรัฐบาลได้ หรือไม่ว่าจะเป็นประเด็นกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเรียกประชุมพร้อมประกาศแถลงการจัดตั้งรัฐบาลรวมกับอีก 6 พรรค และมีการเซ็นสัตตยาบันกัน ซึ่งงานในวันนั้นว่ากันว่ามีการเรียกประชุมว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 137 คน ซึ่งบางคนก็มาจากต่างจังหวัด ปรากฏว่าเมื่อมาถึงมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีการประชุมพรรค และในการแถลงครั้งนั้นคุณธนาธร ก็มีการพูดสนับสนุนให้เจ๊หน่อย สุดารัตน์ ขึ้นเป็นนายกฯ โดยมองกันว่าเป็นการข้ามหัวของคนบางคน รวมทั้งแกนนำในพรรคเพื่อไทย รู้ไม่หมดทุกคน เลยเป็นที่มาของการเปลี่ยนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเจ๊หน่อย มาเป็นคุณชัยเกษม และอีกส่วนหนึ่งก็คือคุณชัยเกษม มีความรู้และการโต้แย้งด้านข้อกฎหมายมากกว่าเจ๊หน่อย สุดารัตน์ ซึ่งด้านคนแดนไกลอยากให้ต่อสู้กับ คสช.และฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อกฎหมาย
ซ้ำเมื่อไปดูคำให้สัมภาษณ์ของคุณภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มันก็ยิ่งเพิ่มข้อสงสัยขึ้นไปอีก เพราะก็ไม่ได้ตอบคำถามที่ว่าพรรคเพื่อไทย จะยกมือเลือกคุณชัยเกษม เป็นนายกฯ แทนเจ๊หน่อย สุดารัตน์ หรือไม่ เป็นเพียงแต่การเลี่ยงตอบคำถามโดยอ้างว่า ยังไม่ถึงเวลาพูดเรื่องนายกฯในตอนนี้ว่าจะอย่างไรจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน และเมื่อถามถึงกระแสข่าวส.ส.บางส่วน ไม่ลงนามในสัตยาบันของพรรค คุณภูมิธรรม บอกว่าขณะนี้มีกระบวนการที่จะสร้างให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคการเมือง คิดว่าไม่เป็นประโยชน์ ไม่ควรทำ และสัตยาบันเป็นเรื่องที่ 7 พรรคการเมืองพูดคุยกัน ไม่ได้มีอะไรมาก หรือไปบังคับข่มขู่ใคร เป็นเพียงการยืนยันว่าจะรักษาระบอบประชาธิปไตยให้เดินไปข้างหน้า จะไม่ยินยอม คัดค้านการสืบทอดอำนาจในปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 7 พรรคการเมืองก็นำเรื่องนี้ไปหารือกันภายในพรรค โดยเมื่อครั้งการประชุมผู้สมัคร ส.ส. และ ว่าที่ส.ส. ได้มีการให้ ว่าที่ส.ส. ลงนามในสัตยาบันค่ะ เป็นแนวร่วมต่อสู้กับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ พร้อมทั้งให้ลงนามในหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้ความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(8) ป้องกันการเป็นงูเห่าหันไปสนับสนุนนายกฯ จากพรรคการเมืองอื่น แล้วยังไงคะสุดท้ายแล้วสมาชิกในพรรคก็ไม่ได้ลงนามเซ็นสัตยาบันนี้ทุกคน
ทีนี้มาพิจารณากันที่คุณสมบัติดีกว่าค่ะ เจ๊หน่อย สุดารัตน์ หรือคุณชัยเกษม ใครที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามตำราของพรรคเพื่อไทย ไปเริ่มกันที่คุณชัยเกษม แม้จะไม่เป็นที่ป๊อปปูล่าในหมู่พี่น้องประชาชน แต่ในยามสู้รบ คุณชัยเกษมถือเป็นขุมพลังแม่ทัพนายกองเลยทีเดียว โดยลักษณะเฉพาะตัว เป็นคนค่อนข้างที่จะ "แข็งกร้าว" ทั้งองค์ความรู้ทางด้านกฏหมาย เป็นถึงอดีตอัยการสูงสุด แม้จะเคยลงนามสั่งฟ้อง “คุณทักษิณ ชินวัตร” แต่ภายหลังหันมานั่งรวมวงเครือข่ายพรรคระบอบทักษิณ อย่างเต็มที่ และยืนหยัดอยู่ข้างมาโดยตลอด โดยเมื่อพ้นจากอัยการสูงสุด คุณชัยเกษม ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในทีมกฏหมายของพรรคเพื่อไทย ต่อมาคุณชัยเกษม ก็ได้รับความไว้วางใจ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเคยแสดงจุดยืนทางกฎหมายในช่วงการยึดอำนาจต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่เป็น ผบ.ทบ. และประกาศกฎอัยการศึกในช่วงที่มีการปะทะกันของการชุมนุมกลุ่ม กปปส. โดยตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้การบ้าน 2 ฝ่ายไปสรุปว่าจะมีทางออกอย่างไร แต่กลุ่ม กปปส. กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และกลุ่ม นปช. รวมทั้งตัวแทนพรรคเพื่อไทย กับตัวแทนรัฐบาลตกลงกันไม่ได้ โดยคุณชัยเกษม ไม่ยอมให้รัฐบาลรักษาการลาออกตามคำขอของ พล.อ.ประยุทธ์ และคุณชัยเกษมยืนยันว่ารัฐบาลรักษาการลาออกไม่ได้ มีหน้าที่ดูเเลประเทศในเหตุจำเป็นและต้องอยู่ตามกฎหมาย ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศยึดอำนาจในที่สุด คุณชัยเกษม ยึดหลักกฎหมายในการต่อสู้ด้วยเหตุนี้รึเปล่าคะที่ทำให้คุณทักษิณพอใจ และผลักดันให้คุณชัยเกษม เป็นหนึ่งใน 3 เเคนดิเดต นายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ และ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยมีการตัดสินว่าใครเหมาะสมกับการทำหน้าที่นายกฯ ตามภาวะทางการเมืองในช่วงนั้นๆ
สำหรับเจ๊หน่อย สุดารัตน์ มีบุคลิก ประนีประนอม เป็นเพียงผู้นำกลุ่มกรุงเทพมหานครเท่านั้น แม้มีความพยายามที่เปลี่ยนแปลงบททาทของตัวเอง หันมาโจมตีสาดใส่ คสช. เปลี่ยนบทบาทจาก “หญิงหน่อยผู้เรียบร้อย” มาเป็น หญิงหน่อยในโหมดบู๊ แสดงสภาวะความเป็นผู้นำของพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะให้บรรดาสมาชิกพรรคและคนในพรรคให้การยอมรับ เพราะที่ผ่านมาต้องบอกว่าเจ๊หน่อย ได้รับการยอมรับในพรรคเพื่อไทยน้อยเหลือเกินนอกจากนี้ยังมีข้อมูลแบบลับๆ ออกมา เมื่อเปลวสีเงิน ได้เขียนรายงานนึงขึ้นมาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 บอกว่า... "เพื่อไทยเองก็มีกระแสข่าวในทางลับออกมาว่า แรงหนุนสุดารัตน์จากผู้มีบารมีตัวจริงในเพื่อไทยอย่าง หญิงอ้อ-คุณหญิงพจมาน เริ่มมีปัญหาในระยะหลัง โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์วันที่ 8 ก.พ.ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของ ทษช. แล้วเกิดเหตุพลิกผันในช่วงค่ำคืนจนนำไปสู่การยุบพรรค ระดับแกนนำเพื่อไทยตัวจริงนัดไปคุยกันเพื่อหารือสถานการณ์ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ที่คาดว่าจะเป็นโรงแรมเอสซีปาร์ค ซึ่งในวงดังกล่าวหัวโต๊ะ ของวงหารือสายข่าวอ้างว่า มีคนเห็นผู้มาร่วมประชุมคนหนึ่งหน้าตาช่างดูคล้ายคลึงกับ คุณหญิงพจมาน ผู้มากบารมีแห่งเพื่อไทย มีกระแสข่าวลือออกมาจากวงประชุมลับที่ว่า มีช่วงหนึ่งเจ๊หน่อยแสดงอาการฟึดฟัดๆ ไม่พอใจ หลังรู้ว่าแคนดิเดตนายกฯ ของ ทษช.คือใคร เพราะแสดงให้เห็นว่าทักษิณมีชื่อคนที่จะดันให้เป็นนายกฯ อยู่ในใจมานานแล้ว เสียงโอดครวญดังกล่าวพลันเงียบลงทันที เมื่อมีเสียงตัดบทจากผู้มากบารมีตัวจริงในเพื่อไทยว่า “หน่อยพอได้แล้ว อ้อทนหน่อยมามากพอแล้ว ยังดีนะที่คนในพรรคไม่เชื่อหน่อย เลยเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยไปสามชื่อ ไม่ใช่ชื่อหน่อยชื่อเดียว”
ถ้าสุดท้ายแล้วเจ๊หน่อย สุดารัตน์ ถูกเปลี่ยนตัวเป็นคุณชัยเกษมจริง แล้วเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาก็คงไม่ใช่เหตุผลเลื่อนลอยอีกต่อไปใช่มั๊ยคะ ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็น่าเห็นใจเจ๊หน่อยนะคะที่ถูกนำชื่อเสียงมาใช้โปรโมทพรรคแต่เมื่อถึงโค้งสุดท้ายพรรคก็ไม่เลือก แต่จะว่าไปก็น่าคิดนะคะเพราะว่าทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่ พรรคไทยรักษาชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐ ต่างล้วนแล้วแต่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงพรรคละ 1 ชื่อเท่านั้น มีเพียงพรรคเพื่อไทยล่ะค่ะ ที่เสนอถึง 3 รายชื่อ แบบนี้หมายความว่ามีการคิด วางแผนกันมาตั้งแต่ต้นแล้วรึเปล่าคะว่าหมากเกมนี้มีคนที่... "โดนหลอกใช้"
คุณผู้ชมสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมและย้อนหลังได้ที่เพจ เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก และทางยูทูปช่องทีนิวส์ ออนไลน์นะคะและอย่าลืมกด Subscribe และกดกระดิ่งเพื่อรับข้อมูลข่าวสารก่อนใคร