- 01 พ.ค. 2562
"เพื่อไทย" ถดถอย ดำดิ่งลงเรื่อยๆ..ขณะที่ "อนาคตใหม่" เฉิดฉาย เตรียมแทนที่!
บทบาทในทางการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนจรีจากฝั่งพรรคเพื่อไทย เป็นเบอร์1นั้น อาจพูดได้ว่าในวันนี้โอกาสหลุดลอยออกไปแล้ว ที่สำคัญ แม้แต่ตำแหน่ง ส.ส. ก็ยังไม่ได้เป็นอย่างแน่นอน ดังนั้นความพยายามที่จะแสดงบทบาททางการเมืองจึงเป็นความพยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย...??
“...การเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำให้ดูเหมือนมีการ “คืนความสุข” ให้ประชาชน และการที่ประชาชนออกไปหย่อนบัตรลงคะแนน เปรียบเสมือนการช่วยชุบตัวให้เผด็จการดูเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้น...”
ข้อความบางช่วงบางตอนจาก เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ sudarat keyuraphan ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย โพสต์ไว้เมื่อวนที่ 28 เม.ย. 62 เวลา 20.20 น. เนื้อหาทั้งคือการพุงเป้าโจมตีไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือดนั้น ได้เคยย้อนกลับไปดูบทบาทของตนเองหรือไม่..ว่าแท้ที่จริงแล้ว พรรคเพื่อไทยได้เสื่อมความนิยมลงอย่างชัดเจน วัดได้จากคะแนนเสียงที่ได้รับเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ พรรคเพื่อไทยสามารถกวาดจำนวนเก้าอี้ส.ส.แบ่งเขตไปได้ 137 ที่นั่ง ด้วยคะแนนร่วมทั้งประเทศ พรรคเพื่อไทย 7,920,630 เสียง ทั้งนี้แม้จำนวนเก้าอี้ส.ส.แบ่งเขตจะนำมาเป็นอำดับ1 ชนะพรรค แต่เชื่อหรือไม่ว่า จำนวนลดลง
แตกต่างกับการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่าน นับตั้งแต่ นายทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2541 ปรากฏว่าการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ ปี 2544 2548 2550 และ 2554 ไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2544 พรรคเพื่อไทยสามารถกวาดเก้าอี้ ส.ส.แบบแบ่งเขตไปได้ถึง 200 ที่นั่ง จาก 400 ที่นั่ง ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อไป 48 ที่นั่ง จาก100 ที่ รวมเป็น 248 ที่นั่ง จาก500 ที่นั่ง ต้องยอมรับว่า เป็นจำนวนที่สูงมาก อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ได้คะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 11,634,495 คะแนน
ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทยได้ สส.ถึง 377ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง ด้วยคะแนน14,077,711 คะแนน ชัยชนะครั้งนั้น ส่งผลให้พรรคไทยรักไทย สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เป็นครั้งแรก
แม้ว่าในปี 2550 พรรคไทยรักไทยจะถูกยุบ จากกรณีทุจริตเลือกตั้ง โดยการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ลงสมัครเพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในที่มีผู้สมัครคนเดียว โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่กกต.ปลอมแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กและเกิดเป็น “พรรคพลังประชาชน” ขึ้นมาทดแทน แต่เมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งในปีเดียวกันก็ยังกำชัยชนะไว้ได้ ด้วยจำนวนส.ส. ทั้งหมด 233 ที่นั่ง ได้คะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 12,331,381 คะแนน
ในเวลาต่อมาต่อมาในปี 2551 พรรคพลังประชาชน ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี หรือตัวแทนพรรคไทยรักไทย โดยในขณะนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่ง กกต.สรุปว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ว่า พรรคพลังประชาชน เข้าข่ายเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ไม่มีกฎหมายเอาผิด
ต่อมา กกต.ได้มีมติให้ใบแดงพรรคพลังประชาชนและส่งความเห็นไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หลังพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย
โดยในวันที่ 8 ก.ค.2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง วินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ 5 ปี พร้อมส่งอัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และในวันที่ 2 ธ.ค.2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 37 คน เป็นเวลา 5 ปี
และถึงเมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบ อีกรอบต้องเปลี่ยนมาเป็น “พรรคเพื่อไทย” ก็ยังชนะการเลือกตั้งในการเลือกตั้ง 2554 ได้อย่างท่วมท้นจำนวนส.ส.ถึง 265 ที่นั่ง ได้คะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 15,744,190 คะแนน ส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
นี่คือผลงานขอพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ภายใต้ความเชื่อ..คำบงการของทักษิณ ชินวัตร ตัดกับมาในการเลือกตั้งปัจจุบันที่ผ่าน ตามที่ได้รายงานเบื้องต้น พรรคเพื่อไทยภายใต้คุณหญิงสุดารัตน์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย กลับได้ ส.ส. มาเพียง 137 ที่นั่ง เท่านั้น ยเคะแนนรวมอีกที่ 7,920,630 เสียง เท่านั้น
แม้จะมีคำอ้างเพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตเต็มจำนวน จากทั้งประเทศทั้ง350เขต แต่เลือกที่จะส่งเพียง 250เขต โดยเว้นจังหวะจะโคน ให้พรรคไทยรักษาชาติ ส่ง 175เขต ซึ่งสังเกตได้ว่า หากพรรคไทยรักษาชาติลงเขตไหน พรรคเพื่อไทยก็จะไม่ลงเขต และมีเพียงไม่กี่เขตเลือกตั้ง ที่สองพรรค จะส่งผู้สมัครชนกัน ภายใต้เล่ห์ยุทธ์ “แตกแบงก์พัน..เป็นแบงก์ร้อย” แต่ด้วยการกระทำอันมิบังควรในการเสนอรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี จึงทำให้พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบ..เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ผิดแผนที่วางไว้
ตัดสลับมาดูคู่แข่งทางการเมือง พรรคตรงข้ามอย่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ2 และได้เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เพียงรายชื่อเดียวในการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ นั้นผลการเลือกตั้งปรากฏว่า ส.ส.แบ่งเขตได้ 97ที่นั่ง แพ้พรรคเพื่อไทย แต่ที่น่าสนใจกลับพบว่าคะแนนเสียงมหาชน หรือ ป๊อบปูลาร์โหวตได้ถึง 8,433,137 เสียง ชนะพรรคเพื่อไทยไป 512,507 เสียง
ดังนั้นการกล่าวอ้างโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจ ทำให้ประชาชนไม่มีความสุขนั้น แต่ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศออกไปหย่อนบัตร ลงคะแนนเสียง ให้พรรคพลังประชารัฐ ให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกอีกครั้ง แต่พรรคเพื่อไทย หรือคุณหญิงสุดารัตน์ไม่เคยยอมรับความมจริง พรรคเพื่อไทยในเวลากำลังดำดิ่งลงเลื่อยๆ นับถอยหลัง..
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ที่สร้างปรากฏการณ์หักปากกาเซียน สามารถกวาดเก้าอี้ส.ส. ที่จะเข้าไปนั่งในสภา ตามการประเมินสูงถึง 80 เก้าอี้ มีจำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 30 เขต และบัญชีรายชื่อ/ปาร์ตี้ลิสต์ ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า ไม่ต่ำกว่า 50 เก้าอี้ กวาดคะแนนเสียงไปถึง6.3ล้านคะแนน และมีกระแสอย่างต่อเนื่องกำลังเข้ามาแทนที่!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"ธนาธร-อนาคตใหม่" แสดงจุดยืน เตรียมส่งผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมเคาะทุกประตูบ้านแสดงนโยบายพรรค!
-โซเชียลจับผิด "ธนาธร"บอก"ปิยบุตร"กลับรถยนต์เหมือนกัน ขณะทีผู้สมัครส.ส.บุรีรัมย์ ยันบินกลับ
-“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?
-เบี้ย "เพื่อไทย" ปรี่ ดักคอ "กกต." ปม โต๊ะจีน "พปชร." อ้าง ความผิดสำเร็จแล้ว??