- 02 พ.ค. 2562
ความเกรี้ยวกราดของนัก ปชต.?? ธนาธร แยกเขี้ยวขู่ฟ้องกลับ ศรีสุวรรณ ด้าน "พปชร.-พท." ไม่รอดเจอฟ้องดะ เผยปูมหลังนักร้อง(เรียน)อาชีพ!?
ทางการเมืองโดยขัดกับกฏหมายของผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งพรรคที่โดนจับตามองและเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่ในขณะนี้เห็นจะไม่พ้นพรรคอนาคตใหม่ ที่ดูเหมือนจวนอยู่จวนไปอยู่ร่อมร่อ ด้วยเพราะคำให้การของนายธนาธร ที่ดูจะคลุมเครือและหลักฐานที่อ่อนเกินกว่าที่ใครหลายคนจะยอมรับต่อการยืนกรานของนายธนาธรว่าตนนั้นบริสุทธิ์ไร้มลทิน แต่ปฏิกิริยาของนายธนาธร ที่อวดอ้างทำนองว่าตนนั้นเป็นนักประชาธิปไตยตัวยงนั้นก็ดูจะย้องแย้งกับการแสดงออกที่ปรากฏต่อสาธารณะอย่างชัดเจน
นอกจากการยืนกรานว่า ภายหลังการเข้าพบ กกต. ที่ระบุว่า "คดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากเพราะแม้แต่คำถามพื้นฐานง่าย ๆ ที่ถามกับคณะกรรมการฯว่าเราผิดตรงไหน เพราะได้ทำเอกสารชี้แจงไปแล้ว มีตรงไหนที่กกต. ไม่เชื่อหรือเห็นว่าพวกเรากระทำผิด"
ตัวนายธนาธร ยังแสดงอาการฉุนเฉียวอย่างรุนแรงต่อกรณีดังกล่าวคล้ายว่าถูกครอบงำด้วยความโกรธจากการถูกฟ้องร้องในครั้งนี้ ด้วยระบุว่า "ขอสงวนสิทธิในการที่จะปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ถ้าใครพิจารณาคดีความของตนแล้วทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ แต่ตนเป็นคนใจเย็น
จะรอจนคสช.หมดอำนาจ เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปีคสช.อยู่ในช่วงขาลงไม่มีทางครองอำนาจต่อไปเรื่อย ๆ รอให้คสช.หมดอำนาจแล้วดำเนินคดีคนที่ตัดสินตนโดยไม่ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วฟ้องกลับ"
และกล่าวทิ้งท้ายชนิดที่กลับตาลปัตรจากภาพลักษณ์ของนักประชาธิปไตยในอุดมคติที่เพียรสร้าง กลับกลายมาเป็นความคับข้องแค้นใจ พร้อมจะเอาคืนชนิดเกลือจิ้มเกลือต่อผู้ที่ทำให้ตนและพรรคตกที่นั่งลำบากจากคำกล่าวที่ว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : กกต.ตอบธนาธรแล้วผิดตรงไหน พร้อมตอบชัดๆถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่?
"เขากล่าวว่าถ้าจะทำกันอย่างนี้ก็จะเอาเรื่องนี้มาฟ้องบ้าง และฟ้องกลับบ้าง หลายกรณีที่(นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย) เอาเรื่องเท็จมาฟ้อง ซึ่งผิดกฎหมาย จนถึงวันนี้เรายังไม่ฟ้องกลับ และมีหลักฐานว่ามีสื่อมวลชนหลายสำนักเอาข้อความที่เป็นเท็จมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหายกับผมและพรรค ก็ต้องบอกว่าความอดทนคนมีจำกัด ถ้าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศรีสุวรรณสอนปชต.ธนาธร ลั่นไม่กลัว!ฟ้องมาจะได้ฟ้องกลับ
ที่ผ่านมาเราไม่อยากจะเดินไปถึงจุดนั้นอดทน อดกลั้นต่อสู้แนวทางสันติ แต่ช่องว่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกับเส้นของความอดทนมันใกล้หมดกันเต็มที ถึงวันหนึ่งคงต้องใช้วิธีกฎหมายโต้กลับบ้าง และถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครมีเวลาไปบริหารประเทศ ทั้งประเทศไทยผู้มีอำนาจก็จะต้องใช้เวลามาแก้ตัว"
การแสดงออกเหล่านี้ของนายธนาธรคล้ายเป็นการลบล้างความเป็นประชาธิปไตยที่ต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ จนแทบหมดสิ้น เพราะอย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าคู่กรณีที่นายธนาธร หมายมั่นปั้นมือคล้ายเป็นศัตรูของตน คือนายศรีสุวรรณนั้น ทำตามหน้าที่ในฐานะพลเมืองในสังคมประชาธิปไตย ในการได้มาซึ่งนักการเมืองผู้ที่จะเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศต้องมีความสุจริต โปร่งใสและตรวจสอบได้ หาได้เป็นการฟ้องร้องแบบเลือกที่รักมักที่ชัง แต่อย่างใด
เพราะล่าสุด มีรายงานจากผู้สื่อข่าวเปิดเผยว่า นายศรีสุวรรณ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อตรวจสอบการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ สส. ของพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย มีรายชื่อเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม. 42(3) แห่ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561
ทั้งนี้ยังมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อขอให้ยื่นคำร้องตรวจสอบและวินิจฉัยเอาผิดกรณี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัคร สส. พรรคพลังประชารัฐและหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี โดย สัญญาว่าจะเพิ่มเงินบัตรคนจน เข้าข่าย “เสนอให้ สัญญาว่าจะให้” อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73(1) และหรือ (2) ประกอบมาตรา 158 แห่งพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561หรือไม่ด้วย
โดยนายศรีสุวรรณ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.3 ราย เนื่องจากถือหุ้นในธุรกิจสื่อประกอบด้วย นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 15 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ภัทรเฮ้าส์แอนด์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการให้บริการสื่อสารมวลชน ได้แก่ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และประชาสัมพันธ์
พล.ต.ต.ลัทธสัญญา เพียรสมภาร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายพรรคเพื่อไทย ลำดับ 69 เป็นกรรมการบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด ประกอบกิจการให้บริการรับชมภาพ และรับฟังเสียงจากสัญญาณระบบดิจิทัล และนายนพชัย ศรีสุวนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 85 เป็นกรรมการบริษัท เจ-บิ๊คส์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ประกอบกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ วิดีโอเทปจัดให้มีการแสดง จัดสร้างภาพยนตร์ ละครดนตรี มหรสพ หรือการแสดงอื่นๆ
ทั้งหมดนี้ขอให้เพิกถอนการประกาศรับรองเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ระบุว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังสมัครต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น - 2 แสนบาท และให้ศาลาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ทั้งนี้ ขอให้ กกต.ตรวจสอบกรณีดังกล่าวให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธนาธรบอกอารมณ์เสีย ความอดทนมีจำกัด ขู่กำ30ชื่อพรรคอื่นถือหุ้น
นอกจากนี้ยังขอให้ กกต.ตรวจสอบและวินิจฉัยเอาผิดกรณีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยสัญญาว่าจะเพิ่มเงินบัตรคนจนเข้าข่ายเสนอให้สัญญาว่าจะให้อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73 (1) และหรือ (2) ประกอบมาตรา 158 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 หรือไม่ด้วย
และที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการโต้ตอบกลับถึงนายธนาธรที่ขู่ว่าจะฟ้องกลับ ด้วยการกล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นสิทธิของนายธนาธรที่จะฟ้อง และตนก็ยินดี รวมทั้งจะฟ้องกลับเช่นเดียวกันในฐานะที่นายธนาธรเอาความเท็จมาชี้แจง การยื่นร้องเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ขณะนี้กำลังดูเอกสารที่นายธนาธร จะโพสต์ออกมาเป็นอย่างไร ถ้ายังไม่พอใจก็จะแสวงหาข้อมูลมายื่นเพิ่มเติมต่อ กกต.
ทั้งนี้ ตนไม่เคยกลัวการพูดจาของนักการเมือง เพราะถือว่าบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง ร้องทุกพรรคอยู่แล้วหากมีข้อมูล ถ้านายธนาธรไม่ผิดก็จะได้ประโยชน์ต่อตัวเขาเอง สามารถไปพูดกับฐานเสียงได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก้าวเข้าสู่การเมืองอย่างสง่างาม
สำหรับนายศรีสุวรรณ เป็นชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนวังทองพิทยาคม และปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือคนจากบิดาที่มักไปขึ้นศาลช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้ง ๆ ที่จบเพียง ป.4
โดยเริ่มมีชื่อปรากฏต่อหน้าสื่อในปี 2540 ในฐานะรองเลขาธิการมูลนิธิป้องกันควันพิษและพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ก่อตั้งโดย นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. โดยคดีสิ่งแวดล้อมแรกที่ศาลปกครองมีคำตัดสิน เมื่อปี 2549 โดยศาลให้ ขสมก. แพ้คดีกรณีปล่อยให้รถเมล์เสื่อมสภาพวิ่งปล่อยควันพิษ ก็มาจากการฟ้องร้องโดยมูลนิธิป้องกันควันพิษฯ ที่มีนายศรีสุวรรณ เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนคนสำคัญ
นับแต่นั้นนายศรีสุวรรณก็เคลื่อนไหวทางการเมืองที่นำไปสู่การตรวจสอบความทุจริตไม่โปร่งใสเรื่อยมาจนปัจจุบันในฐานะ เลขาธิการสมาคม องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
อย่างไรก็ตามบุคคลทางการเมืองและพรรคการเมืองที่มีเอี่ยวสุ่มเสี่ยงกระทำความผิดต่อกรณีดังกล่าวหลายคนคล้ายจะออกอาการตีตนไปก่อนไข้ เพราทางด้าน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า "ทุกพรรคการเมืองและผู้สมัครที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นบริษัทหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ไม่ต้องผวามากครับ"
โดยมีเนื้อความสำคัญระบุเพิ่มเติมว่า หนังสือบริคณห์สนธิ อันเป็นแบบมาตรฐานของทางราชการที่ครอบจักรวาลนั้น เป็นเพียงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ ส่วนการประกอบธุรกิจจริงนั้น ต้องดูการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจจริงตามแบบสสช. 1 ที่ยื่น จดทะเบียน ต่อทางราชการ!
2. เหลือเวลาอีก 8 วัน ที่การเลือกตั้งต้องแล้วเสร็จ ในช่วงนี้กกต. คงสอบสวนและร้องศาลให้เพิกถอนการสมัครไม่ทันแน่นอน .. ทั้งกกต.ไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเพิกถอนการรับสมัครเองได้ กรณีจึงต้องมีการรับรอง สส.ไปก่อน!
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อด้วยแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจไม่รับรอง หรือตัดสิทธิ์โดยอ้างว่า ยังมีข้อกล่าวหาเรื่องคุณสมบัติ เพราะนั่นเป็นอำนาจของศาล ตราบใดที่ศาลยังไม่เพิกถอนกกต.ก็ไปตัดสิทธิ์เขาไม่ได้ ยิ่งเป็นผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ที่จะได้ดำรงตำแหน่งตามจำนวนที่ได้รับจัดสรร ตามรัฐธรรมนูญ ยิ่งไม่อาจตัดสิทธิ์หรือไม่รับรองได้"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : "ณัฏฐพล"ตอกหน้า"ธนาธร" ปมหุ้นสื่อ ท้าฟ้องเองเลยนะครับ พร้อมรับคำตัดสินแบบลูกผู้ชาย