- 04 พ.ค. 2562
"เจิมศักดิ์" อาทร 6 แกนนำพธม. ยัน เจตนาดีไม่คิดร้ายต่อสังคม เฝ้ารอ 7 พ.ค หวังได้รับ "อภัยโทษ"คืนสู่อิสรภาพ!
วันที่ 4 พฤษภาคม บนเฟซบุ๊ก "เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง" ซึ่งเป็นของ 'รองศาสตราจารย์ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง' อาจารย์พิเศษประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นักจัดรายการวิทยุ โทรทัศน์ และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจ เนื้อหาทั้งหมดใจความว่า
"คนกรุงที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือได้อาบน้ำเป่าพัดลม หรือคนชนบทได้แช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง และอยู่ในท้องทุ่ง ใต้ร่มไม้ ลมจากทุ่งก็พอจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง
ทุกบ่ายที่อากาศร้อนจัด ติดต่อมาเป็นสัปดาห์ ผมนึกถึงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 6 คน ที่ติดอยู่ในคุก ว่าพวกเขาจะร้อนขนาดไหน เพราะต้องอยู่ในที่แออัด เฉพาะส่วน ต้องเข้าเรือนนอนตอนบ่ายสามโมงครึ่ง กว่าจะได้ออกมาก็ยามเช้า
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 80 กว่าแล้ว คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข คุณพิภพ ธงไชย อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ทั้ง 4 คน แต่ละคนอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว จะอายุน้อยสุด ก็ ดร.สุริยะใส กตะศิลา ที่มีอายุเกือบ 50 ปี ผมอดสงสัยไม่ได้ ในภาพรวมของความเป็นธรรม และระบบยุติธรรมในสังคมไทย
เพราะในหลักการของคนที่อยู่ร่วมกันในสังคม ผู้ที่ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม หาประโยชน์ใส่ตนด้วยการกระทำที่กระทบต่อคนอื่นในสังคม สังคมก็เลยวางกำหนดกฎเกณฑ์ให้เอาตัวไปกักขังไว้ เพื่อจะได้ไม่ทำร้ายสังคม และขณะเดียวกันก็ให้การศึกษา ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก่อนจะปล่อยมาอยู่กับสังคม
แต่ผมเห็นว่าแกนนำ พธม. ทั้ง 6 คน ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายต่อสังคม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือพรรคพวก และที่ทำผิดกฎเกณฑ์ไปบุกรุกสถานที่ราชการก็ด้วยสถานการณ์และความมุ่งหมายที่ดี จะบอกว่าทำผิดในแง่ของการบุกรุก การละเมิดพื้นที่ ก็คงจะได้
แต่ถ้าพิจารณาภาครวมก็คงจะเห็นเจตนา สังคมจะไม่มีกลไกเยียวยา รักษาผู้มีเจตนาที่ดีต่อสังคมบ้างเลยหรือ กักขังตัวเขาไว้ก็ไม่ได้ช่วยให้สังคมดีขึ้น เพราคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมคิดร้ายต่อสังคม จะกักขังไว้เพื่อเปลี่ยนนิสัย สันดาน หรือให้การศึกษาใหม่ ก็คงไม่น่าจะใช่ และไม่เกิดผลอะไรที่ดีขึ้น
ในฐานะที่เป็นนักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เคยมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ ดูภาพรวมของสังคมไทยในเรื่องนี้แล้ว คิดว่าประเทศควรต้องมีทางออก เพื่อเยียวยาแก้ไข เกรงว่า นอกจากสังคมจะตอบแทนคนเหล่านี้ด้วยการจองจำ ขาดอิสรภาพ ทรมานในคุกที่ร้อนระอุ ต่อไปคนอื่นๆ ที่คิดจะทำประโยชน์เพื่อสังคมก็จะรู้สึกท้อถอย เพราเห็นตัวอย่างและผลที่เกิดขึ้น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 27 เม.ย. 2562 ผมจึงได้เข้าเยี่ยมแกนนำพันธมิตรฯ ที่เรือนจำ มีโอกาสได้พบแกนนำพันธมิตรฯ 2 คน คือ อาจารย์พิภพ ธงไชย และ ดร.สุริยะใส กตะศิลา ได้รับรู้ว่า ทั้ง 2 ท่าน ถูกขังอยู่ในเรือนนอน ที่ตั้งอยู่ตรงกลางอาคาร มีนักโทษในห้องรวมกัน 90 คน การที่ต้องเข้าห้องในเรือนนอนตั้งแต่บ่าย 3 โมงครึ่ง ขณะที่อากาศภายนอกร้อนจัด การมีพัดลมก็ช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากนัก นอนกลางคืนต้องตื่นขึ้นมาเพราะเหงื่อท่วมกาย
อาหารที่ได้กินก็ไม่ถูกปาก ไม่ถูกรสชาติสำหรับอาจารย์พิภพ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปกว่า 4 กก. และระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นมากว่า 160 หรือที่เรียกว่าเบาหวานสูง
อาจารย์สุริยะใส คุณสมศักดิ์ และอาจารย์สมเกียรติ ก็พอจะกินได้ แต่ พล.ต.จำลอง และอาจารย์สมเกียรติ ก็มีปัญหาด้านสุขภาพอย่างมาก
สังเกตเห็นอาจารย์พิภพและสุริยะใส มีสุขภาพจิตดี ความคิดแจ่มใสดี ได้เล่าให้ฟังว่า ระบบการบริหารจัดการและเจ้าหน้าที่เรือนจำค่อนข้างดี เข้ามาอยู่หลายเดือน ยังไม่ได้ยินเสียงผู้คุมตะหวาดนักโทษคนใดเลย ไม่เคยเห็นการทะเลาะวิวาทของนักโทษ ซึ่งก็เป็นข่าวดีเล็กๆ ที่พอให้ได้ยินดีชื่นใจบ้าง
ได้รับรู้ความรู้สึกที่ได้พูดคุยกับทั้ง 2 ท่าน รู้สึกว่าแกนนำพันธมิตร รวมทั้งนักโทษอื่น ต่างตั้งความหวัง เฝ้ารอ การอภัยโทษในโอกาสที่บ้านเมืองจะเปลี่ยนผ่านสู่ฟ้าใหม่ บรมราชาภิเษก ที่จะได้พระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีขององค์พระมหากษัตริย์ ได้ปัดเป่าทุกข์ยาก ให้ความร้อนที่สุมระอุได้คลายลง ผมเชื่อว่า พวกเราที่อยู่นอกเรือนจำ ก็คงจะร่วมจิตอธิษฐาน ให้ความหวังนั้นเป็นจริง และถือเป็นพระบารมีที่ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ตั้งใจทำดีกับสังคม อันจะจารึกอยู่ไม่ลืมเลือนตลอดไป
ข่าวดีวันนี้ ความหวังคงจะเป็นจริงในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ครับ