- 10 พ.ค. 2562
“ผมรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษให้กับพวกกระผมและบรรดาผู้ต้องขังทั่วประเทศอีกกว่า 50,000 คน”
สืบเนื่องจากพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังใน 5 เรือนจำ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบด้วย เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ,เรือนจำกลางคลองเปรม ทัณฑสถานหญิงกลาง,ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้มีกระบวนการเตรียมความพร้อมและคัดกรองผู้ต้องขังที่จะได้รับการอภัยโทษปล่อยตัว แต่ละแห่งมีผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวกว่า 100 คนซึ่งผู้ต้องขังทั้งหมด จะได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับผู้ต้องขังอื่นที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว
โดยในครั้งนี้ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้รับการปล่อยตัวพล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี จะถูกปล่อยตัวออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาล ส่วนแกนนำพันธมิตรคนอื่นๆจะถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี และ นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือ กลุ่มการเมืองสีเขียว และอดีตผู้ประสานงาน พธม.ถูกศาลฎีกา พิพากษาคดีบุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 เป็นคดีหมายเลขดำ อ.4925/2555 ตัดสินจำคุก 6 เดือน เมื่อ 13 ก.พ. 2562
นายสุริยะใส ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นครั้งแรกภายหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดังนี้
“ผมรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอภัยโทษให้กับพวกกระผมและบรรดาผู้ต้องขังทั่วประเทศอีกกว่า 50,000 คน”
“และขอขอบพระคุณกำลังใจและความห่วงใยจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและญาติสนิท มิตรสหายทั่วไป ทั้งที่ส่งกำลังใจมา บ้างก็เขียนจดหมายส่งเข้ามาถึงในเรือนจำทั้งในประเทศและจากต่างประเทศก็มี และขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์โดยเฉพาะเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คุมแดน 1 ที่ผมสังกัด ทุกคนที่ดูแลผมให้เกียรติพวกผมและผู้ต้องขังทุกคนเป็นอย่างดี”
“และที่ลืมไม่ได้ขอบคุณเพื่อนๆ ผู้ต้องขังหรือที่เขามักเรียกกันทั่วไปว่า “นักโทษ” ทุกคนไม่ว่าคุณจะถูกกักขังด้วยความผิดที่คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผมถือว่าพวกเขาเป็นทั้งครูและเพื่อนของผม พวกเขาสอนประสบการณ์ให้ผม ให้ความรักต่อผม ทั้งที่แววตาและรอยยิ้มของทุกคนแปดเปื้อนไปด้วยความทุกข์ก็ตาม”
“ตลอดทั้ง 87 วันที่ผมอยู่ในเรือนจำมันเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายที่สังคมควรได้รับรู้ ได้สัมผัสและอาจเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองต่อผู้ต้องขังหรือนักโทษได้บ้าง อย่างน้อยๆ พวกเขาควรได้โอกาสแก้ตัว “เรื่องเล่า” มากมายในเรือนจำ ผมจะขอถือโอกาสเป็น “ผู้เล่าเรื่อง” แทนพวกเขา ผ่านหนังสือและบันทึกที่ผมเขียนไว้ในเรือนจำนะครับ พบกันเร็วๆ นี้ครับ ด้วยจิตคารวะ”
ภาพจาก เฟสบุ๊ค สุริยะใส กตะศิลา
