- 16 พ.ค. 2562
เรียกว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีใครเนื้อหอมไปกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562
เรียกว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีใครเนื้อหอมไปกว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคภูมิใจไทย สามารถกวาด สมาชิกส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์รวมถึง 51เสียง จึงเป็นตัวแปรสำคัญ ที่กำหนดทิศทาง-ชี้ชะตาการเมืองไทย เพราะไม่ว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด..ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ ก็จะทำให้ฝ่ายนั้นเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน และเพื่อให้ได้จัดตั้งรัฐบาล มีความพยายามเคลื่อนไหวจนกระแสจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 โดยพรรคเพื่อไทยยอม ยอมตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ หรือ นายอนุทิน เลยที่เดียว
ล่าสุดวันนี้(16พ.ค.62) นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เจ้าของฉายา "ผู้จัดการรัฐบาล" นักปั้นมือทองที่มีบทบาทสนับสนุน หัวหน้าพรรคการเมืองขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรี ถึง 3 คน คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งวันนี้ได้เอ๋ยปากสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี
นายเสนาะได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทยยังหวังที่จะตั้งรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า เราเป็นเสียงข้างมากก็ต้องสู้ไปตามเกมส์ ส่วนการให้ขั้วที่ 3 เป็นนายกฯ นั้นเรารับได้ทั้งนายอนุทิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าประชาธิปัตย์ ส่วนได้พูดคุยกับนายอนุทินบ้างหรือไม่นั้น นายเสนาะกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่สำหรับตนนายอนุทินโอเค และเชื่อว่าพรรคจะโอเค แต่เรื่องนี้คงต้องใจเย็นๆ.
ดังนั้นก็ต้องมาพิจารณาท่าทีของนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า พรรคภูมิใจ-นายอนุทิน เลือก..ที่จะอยู่ฝ่ายใด ซึ่งภาพยิ่งชัดเจนในทันทีภายหลังจากทราบผลการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สามารถคว้าชัยชนะ ขึ้นแท่นนำทัพประชาธิปัตย์ ได้มีความเคลื่อนไหวจากทางนายอนุทิน นอกเหนือจะเป็นหลักปฏิบัติของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า จะเป็นการส่งซิกทางเมืองหรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค.62 นายอนุทิน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุว่า... “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน ไปทางนี้แหละ ไม่มีหลงทาง”
และล่าสุดในวันนี้ (16พ.ค.62) นายอนุทิน นำสส. 37 คนมารายงานตัวที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีการร่วมรัฐบาล หรือไม่ ...นายอนุทินระบุว่า พรรคภูมิใจไทยมีแนวทางอยู่แล้ว ยึดตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ รวมถึงเจตนารมณ์ที่ได้มีการพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยตนต้องรอทุกพรรคการเมืองรวบรวมเสียงของแต่ละพรรคให้ชัดเจนก่อน เพราะทุกเสียงมีความสำคัญ และการเมืองในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องมีการพึ่งพากันและกัน
ส่วนมีใครติดต่อมาให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครหรือพรรคขั้วใดติดต่อมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งทางพรรคจะมีการประชุมใหญ่เพื่อกำหนดท่าทีในวันที่ 19-20 พฤษภาคมนี้ เพื่อฟังเสียง สส.ของพรรคทั้ง 51 คน จึงจะมีความชัดเจนว่าพรรคจะไปทิศทางใด แต่ยืนยันว่าพรรคจะคำนึงเสียงของประชาชนที่สนับสนุนพรรคเป็นหลัก
ขณะกระแสข่าวที่ระบุว่ามีพรรคการเมืองเสนอเก้าอี้กระทรวงคมนาคม และเก้าอี้นายรัฐมนตรีให้นั้น นายอนุทินบอกว่า ตนเป็นพรรคลำดับ 5 ต้องให้พรรคอันดับ 1 และ 2 จัดตั้งรัฐบาลเสียก่อนและปฏิเสธการก่อรองเก้าอี้กระทรวงคมนาคมรวมถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วยเพราะตนยังไม่มองไปถึงตำแหน่งนั้น
กรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ตนได้แสดงความยินดีผ่านเลขาธิการพรรคไปแล้ว แต่ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับนายจุรินทร์โดยตรง
ทั้งนี้นายอนุทิน ยอมรับว่ามีความกดดันจากกระแสข่าวที่มีการแบ่งขั้วการเมืองเป็นสองฝ่าย ส่วนตัวมองว่าอาจนำความขัดแย่งกลับมาอีกครั้ง ทั้งนี้พรรคภูมิใจยืนยันจะร่วมรัฐบาลกับพรรคที่เคารพเจตนารมย์พรรค เช่น เทิดทูนสถาบัน รักขาติ ไม่สร้างความขัดแย้ง และตั้งใจทำหน้าที่ ส่วนการจัดตั้งพรรคขั้วที่ 3 นายอนุทินระบุว่าคิดว่าน่าจะไม่ถึงเวลานั้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ตอกย้ำด้วยการประกาศจุดยืนของนายอนุทินก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น นายอนุทิน ได้เคยประกาศไว้ตอนหาเสียง และหากนายอนุทินยังยึดมั่นในจุดยืนดังกล่าวก็น่าจะพอมองออกว่านายอนุทินจะเลือกจับขั้วกับพรรคใด โดยนายอนุทินเคยประกาศเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลบนเวทีหาเสียงที่ตลาดเซฟวัน จังหวัดนครรราชสีมา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 เอาไว้ว่า
“ใครจะเป็นรัฐบาลต้องมีพรรคภูมิใจไทยด้วย เราจะไม่ให้ทะเลาะกัน ใครทะเลาะกันเราถอนตัวจากรัฐบาล รัฐธรรมนูญนี้ให้พรรคภูมิใจไทยเข้าไปเป็นกรรมการห้ามมวย ใครมีปัญหา พรรคภูมิใจไทยจะชกหน้าเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขอบอกข้อสอบด้วยว่า คนที่เราจะไปร่วมรัฐบาลได้นั้น 1. พรรคนั้นต้องไม่มีความขัดแย้ง 2. ต้องรักประชาชน 3. ต้องเทิดทูนสถาบันฯ และ 4. ต้องทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ถ้าทำได้พรรคภูมิใจไทยจะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ไปเลย แต่หากทำไม่ได้ ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง”
เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขที่นายอนุทินเคยประกาศ จะพบว่า ในขั้วของพรรคเพื่อไทย และพ่วงด้วยพรรคอนาคตใหม่ ที่ประกาศชัดเจนถึงเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลว่าจะหยุดการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยกเลิกกฎหมายและคำสั่งที่เกิดขึ้นจาก คสช. ทั้งหมด และในการประกาศแก้ไขรัฐธรณมนูญนั้น จะร่วมไปถึง การแก้ไข้กฏหมายหมวดพระมหากษัตรย์ด้วยหรือไม่ และการประกาศสานต่อเจตนารมณ์คณะราษฎร ที่ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 จึงเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชน แคลงใจถึงจุดยืนของพรรค ทั้งจากท่าทีของหัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาของเลขาธิการพรรค อย่างนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต “คณะนิติราษฎร์”ที่เคยร่วมลงชื่อแก้ไขม.112
แม้ว่ายังไม่ได้คำตอบจากปาก ของนายอนุทิน ถึงการ “ตัดสินใจ” ทางการเมืองอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอมติพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พ.ค. ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง4วันเท่านั้น แต่ผู้ที่ติดตามข่าวคราวการเมือง ก็น่าจะเดาทางกันไม่ยากว่านายอนุทิน จะลงเอยขั้วไหน จะเหลือก็แต่การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การบัญชาการของนายจุรินทร์เท่านั้น..ที่ต้องลุ้นกันต่อไป