- 20 พ.ค. 2562
จตุพรเปิดกะโหลกฝ่ายประชาธิปไตยมาเป็นฝ่ายค้านก่อนก็ได้ อย่าหมกมุ่นอำนาจ ถ้ายังคิดสว.จะโหวตให้ก็เลิกกินข้าวได้แล้ว
จากกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้ออกมากล่าวในงาน "ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์" โดยช่วงหนึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า 9 ปี 99 ศพ เมษา-พฤษภา53 ประวัติศาสตร์การปราบปรามประชาชนที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประเทศไทย มากยิ่งกว่า 14 ต.ค.16 - 6 ต.ค.19 และพฤษภาทมิฬ 35 และไม่มีคดีทางการเมืองใดที่จะมีคนติดคุกมากขนาดนี้
“เราพยายามต่อสู้และอธิบายว่าไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง ไม่ได้ล้มล้างสถาบัน และไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เพียงแต่ต้องการให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ต้องการหีบบัตรเลือกตั้ง แต่ได้หีบศพกลับบ้าน ตลอด 9 ปี ญาติผู้สูญเสียต่างอยู่ในความทุกข์ระทม ปีแรกๆ มีคนมาร่วมมาก ปีถัดไปคนร่วมน้อยลงตามลำดับ วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะส่งสัญญาณไปยังหมู่มิตรทั้งหลายในซีกนักการเมือง ว่าถ้าซีกฝ่ายประชาธิปไตยอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ดีกว่าต้องคบกับคนไม่เลือกหน้า ไม่จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายค้านก็ได้ แล้วรอมาเป็นรัฐบาลตอนชนะเต็มรูปแบบจะดีกว่า เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ออกแบบมาแล้ว ว่าในยกแรกทำอย่างไรก็ชนะไม่ได้ เพราะมีเสียงส.ว.แต่งตั้งรอไว้ 250 เสียง
แต่ถ้าต้องไปคบคนไม่เลือกหน้า คนในขบวนการของเราต้องไปยกมือให้คนที่เราต่อสู้กันมาเพื่อให้เราเป็นรัฐบาล จะทำอย่างไรขอให้คิดดีๆ ความรู้สึกของเราที่ต่อสู้กันมาครบรอบ 10 ปี เราต้องมากระทืบพวกเดียวกันเองในปีหน้า แต่ถ้าให้นายกฯ คนปัจจุบันทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่มี ม.44 เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้รู้ว่า 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง แถลงนโยบายเสร็จ 3 วันยังยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจยังได้ ท้ายที่สุดจะเป็นผลลัพธ์ให้กับการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ถ้าคิดว่าจะมี ส.ว.เป็นกลางโหวตให้เป็นนายกฯ คิดแบบนี้ก็ไม่ควรจะกินข้าวกันอีกต่อไป การหลอกตัวเองจะทำลายขบวนการประชาธิปไตยการต่อสู้ของประชาชนอย่างยับเยิน” นายจตุพร กล่าว
นอกจากนี้ ประธานนปช. ยังกล่าวอีกว่า การเมืองในกระดานนี้ นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องใจเย็น เห็นเงาในน้ำใหญ่กว่าหายทั้งโซ่ทั้งลิง สูญเสียประชาชนในที่สุด มันเท่ากับเอาฝ่าเท้าไปลบประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน อย่าไปหลงใหลกับชัยชนะ วันนี้ครบรอบ 9 ปี พ.ค.53 ประวัติศาสตร์ย้อนรอยเหมือนกันหมด ตอนพฤษภา 35 การเมืองก็เป็นแบบนี้ ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยไม่หมกมุ่นกับอำนาจ กล้ายืนหยัดอดทนและรอคอยให้ได้ ไม่มีโอกาสใดที่จะทำความจริงให้ปรากฏกับประชาชนได้มากกว่านี้
“ถ้าคิดแค่วันนี้ เจตนารมณ์การต่อสู้แต่ละครั้งจะสูญเปล่า ที่พูดไม่ได้จะไปสกัดโอกาสของใคร 9 ปี เราเองก็ต้องอยู่ด้วยความขมขื่น เรายังมีเรื่องเล่ามากมายไม่จบ เรื่องการกล่าวหาก็ยังกล่าวหากันต่อไป แม้ความจริงจะปรากฏแล้ว ส่วนพี่น้องเราที่ร่วมการต่อสู้จะอยู่มุมไหนอย่าสนใจ เขาแสดงจุดยืนประชาธิปไตยที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องที่นี่ ตราบใดอุดมการณ์เรายังมั่นคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าอยู่มุมใดเรายังเป็นพี่น้องกัน”
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์