- 22 พ.ค. 2562
คอการเมืองตามลุ้นอีกเพียงไม่กี่วันก็จะทราบว่าพรรคการเมืองใด สามารถชิงจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง ขั้วเพื่อไทย ได้แก่ พรรคเพื่อไทย -พรรคอนาคตใหม่ และแนวรวมร่วม 7พรรคการเมือง รวมเสียง สส.ขั้วเพื่อไทยขณะนี้ 245 เสียง ขณะที ขั้วพลังประชารัฐ ประกาศสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” และร่วมจัดตั้งรัฐบาลพลังประชารัฐ ได้แก่ พลังประชารัฐ ร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ผนึกกำลังอีก 11 พรรคเล็ก 11 เสียง รวมเสียง สส.ขั้วพลังประชารัฐล่าสุด 137 เสียง ซึ่งตัวแปรหลัก และสำคัญคงหนีไม่พ้น พรรคที่รอประกาศจุดยืนในวันสองวันนี้ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคชาติพัฒนา 3 เสียง รวม116เสียง
คอการเมืองตามลุ้นอีกเพียงไม่กี่วันก็จะทราบว่าพรรคการเมืองใด สามารถชิงจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง ขั้วเพื่อไทย ได้แก่ พรรคเพื่อไทย -พรรคอนาคตใหม่ และแนวรวมร่วม 7พรรคการเมือง รวมเสียง สส.ขั้วเพื่อไทยขณะนี้ 245 เสียง ขณะที ขั้วพลังประชารัฐ ประกาศสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” และร่วมจัดตั้งรัฐบาลพลังประชารัฐ ได้แก่ พลังประชารัฐ ร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ผนึกกำลังอีก 11 พรรคเล็ก 11 เสียง รวมเสียง สส.ขั้วพลังประชารัฐล่าสุด 137 เสียง ซึ่งตัวแปรหลัก และสำคัญคงหนีไม่พ้น พรรคที่รอประกาศจุดยืนในวันสองวันนี้ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และพรรคชาติพัฒนา 3 เสียง รวม116เสียง
จึงเกิดกระแสกดดัน พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยจากหลายๆต่อหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยกตัวเองว่าเป็นตัวแทนแห่ง “ประชาธิปไตย” ไม่ว่าจากหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เดินหน้าพูดคุยนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ไม่น้อยหน้า ทั้งเบอร์เล็กเบอร์ใหญ่พากันออกมาแง้มประตูเชื้อเชิญ อาทิ นายการุณ โหสกุล หรือ “เก่ง การุณ” ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย, นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย จนกระทั้งรายล่าสุดถึงคิวของบุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรีต้องคดีทุจริต อย่าง “โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร” ลงทุนออกมาโพสต์บุ๊คร่ายยาว เชิญชวน กึ่งบังคับ-กดดัน ให้พรรคตัวแปร อย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมกับฝ่ายอ้างประชาธิปไตย ด้วยเหตุผลเพื่อต่อต้านเผด็จการ โดยงัดเอา สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ก่อนการเลือกตั้ง บางช่วงบางตอนนายพานทองแท้ระบุว่า...พรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัญญาเอาไว้ชัดเจนว่า
1. พรรคจะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ (เน้นย้ำชัดเจนว่า “ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายก” ไม่ได้ใช้สรรพนามอื่น)
2. พรรคจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ (ก็หมายถึงการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์อีกแหละ)
3. แถมยังปิดประตูการบิดพริ้วในอนาคต ด้วยการยืนยันว่า 2 ข้อข้างต้นคือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” และย้ำว่าไม่มีพรรคการเมืองใด ลงมติสวนทางอุดมการณ์ของพรรค..!!
ตามลิ๊งค์ด้านล่างนี้ https://www.facebook.com/17171146143/posts/10156657524736144?s=570054635&v=e&sfns=mo
ซึ่งถ้าเรานับเสียงส.ส.ของทุกพรรคที่ประกาศว่า “ไม่เอาลุง” รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย จะมี ส.ส.รวมกันถึง 297 เสียง ชนะพรรคที่จะเอาลุงอย่างขาดลอยทีเดียว
ส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็สัญญาไว้หนักแน่นว่า พรรคจะร่วมรัฐบาลกับขั้วการเมืองที่ได้ส.ส.ในสภาเยอะที่สุด เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพสูงสุด ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และจะไม่ยอมให้ส.ว. 250 เสียง มากำหนดอนาคตประเทศ สวนทางจากฉันทานุมัติของประชาชน
ซึ่งตัวเลข 245 : 120 ก็ชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยนำพรรคมาร่วมกับฝั่งไหน การเมืองจึงจะมีเสถียรภาพในสภามากกว่ากัน และถ้า 2 พรรคนี้มาร่วมรัฐบาล เราจะมีเสียงในสภาถึง 348 เสียงจาก 498 เสียง เราจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพแน่นปึ๊ก ประชาธิปไตยไปต่อได้สบาย
ตามลิ๊งค์ด้านล่างนี้ https://thestandard.co/thailandelection2562-bhumjaithai-st…/
นายพานทองแท้ยังระบุอีกด้วยว่า .. “ถ้าคิดว่าอำนาจเป็นของประชาชน (ไม่ใช่ของลุง) #ประชาธิปไตยจะชนะ และ #เราจะชนะไปด้วยกัน”
แต่ไม่ทันข้ามคืนมีความเคลื่อนไหวจาพรรคประชาธิปัตย์ จากการประชุม ส.ส.พรรค ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งภายใน เรื่องจุดยืนในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคประชารัฐหรือไม่ ต่อมา นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การประชุมที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีมติร่วมกันว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลที่ถูกหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบมอบหมาย ให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปพิจารณาประสานงานทิศทางกับพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งกรอบการทำงานในรัฐสภาและฝ่ายบริหาร ก่อนนำรายละเอียดมาแจ้งที่ประชุมส.ส.อีกครั้งในวันที่ 23 พ.ค. นี้
ทั้งนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุด้วยว่าขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น คือการประชุมทั้งส.ส.และกรรมการบริหารพรรคอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปเห็นชอบร่วมกัน โดยหากหลังจากที่ประชุมได้รับฟังข้อมูลการประสานงานกับพรรคการเมืองต่าง ๆ แล้ว ก็น่าจะได้ความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
"อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีพรรคการเมืองไหนติดต่อมายังพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารก็ม่ได้มอบหมายใครไปพูดคุยกับพรรคต่าง ๆ รวมถึงกระแสข่าวการมอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยถึงการร่วมรัฐบาล ส่วนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีหากพรรคมีมติไปในทิศทางใด ส.ส.ของพรรคทั้งหมด จะต้องปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันตามมติพรรค"
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันกับ "สำนักข่าวทีนิวส์" ว่าในการประชุมส.ส.ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธาน ได้มอบหมายให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไปพุดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลตามแนวทางที่ทุกฝ่ายเห็นชอบ คือ หารือการเข้าร่วมรัฐบาลกับใคร หรือพรรคไหนก็ได้ แต่ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และ พรรคอนาคตใหม่ พร้อมกำหนดให้การเจรจาดังกล่าว เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 23 พ.ค.2562 นี้
นอกจากนี้แหล่งข่าวยังให้ข้อมูลด้วยว่า แนวทางที่เป็นไปได้มากสุดขณะนี้ ก็คือ การเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และเพื่อให้เกิดความไว้วางใจอย่างเต็มที่ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ จะมีการเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นมาก่อนหน้านี้เรื่องการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ ไปในคราวเดียวกัน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางฝั่งพรรคภูมิใจไทย ในเพจเฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul เมื่อช่วงค่ำคืน 21พ.ค. ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพการพูดคุยกันระหว่างนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมข้อความ ว่า "ทำงานกันอยู่นะครับ ไม่ได้มากินกันเฉยๆ ตามที่ได้พูดไว้ทุกอย่าง"
ทั้งนี้ในเวลาต่อมานายมนตรี เปิดเผยและยอมรับว่า ในภาพเป็นการนัดพบพูดคุยทางการเมืองกับนายอนุทิน ซึ่งเป็นการประสานการทำงานร่วมกันกับพรรคการเมือง และในการพูดคุย ทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเห็นตรงกันว่า การทำงานทางการเมืองจะเดินไปด้วยกัน 103 เสียง ไม่ว่าจะไปทางไหน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นหากจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคใดจะไปเป็นแพคทั้ง 2 พรรค
ท้ายที่สุดก็ต้องจับตาดูว่าทั้ง พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลกับฝ่ายใด ซึ่งในเมื่อทั้ง2พรรค ต้องลงปลงใจที่จะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ก็ต้องยอมรับกติกาของกันและกัน เมื่อมติพรรคประชาธิปัตย์ออกไม่ ว่ารวมรัฐบาลกับพรรคไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ ดังนั้นจะเหลือพรรคการเมืองใดอีก..งานนี้คงเดาได้ไม่อยากนัก และจะทำให้นายพานทองแท้กวักมือเก้อหรือไม่ ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงจะกระจ่าง ในวันพรุ่งนี้ (23พ.ค.62)