- 23 พ.ค. 2562
เมื่องูเห่าลอกคราบ?? "มิ่งขวัญ" ลาออก หน.พรรค ย้อนพฤติกรรมถือสองราง กับอดีตที่ชอกช้ำครั้งเป็นบริวาร "ทักษิณ" จับตา "เศรษฐกิจใหม่" ซบอก "พลังประชารัฐ" หรือไม่ !?
กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อม ประหนึ่งลมกรรโชกรุนแรงและอาจพัดให้กระแสทิศทางการเมืองให้เป็นอื่น เมื่อปรากฏว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และนั่นทำให้ทุกสายตากลับมาจับจ้องพรรคหน้าใหม่อีกครั้ง ...
โดยในวันนี้ 23 พ.ค. นายมิ่งขวัญ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยระบุว่า เนื่องจากการบริหารจัดการในพรรคได้แบ่งแยกภารกิจออกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน คือตนมีหน้าที่ร่างนโยบายและออกไปพูดกับสาธารณชน ส่วนการบริหารกิจการภายในพรรคเป็นหน้าที่ของ นายสุภดิช อากาศฤทธิ์ และทีมบริหารอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ดูแล อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ยื่นลาออกจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่
“จึงเห็นว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาอันเหมาะสมจึงขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ยังคงสถานะสมาชิกภาพของพรรคเศรษฐกิจใหม่ และส.ส.บัญชีรายชื่อ โดย นายสุภดิช รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 จะทำหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับพรรค ข้อ 14 ไปจนกว่าจะมีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่” นายมิ่งขวัญ กล่าว
ทั้งนี้นายมิ่งขวัญยังยืนยันอีกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 6 คน จะรักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชนตามที่เคยแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในทุกโอกาส ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่างๆอย่างเต็มความสามารถ ต่อชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับไปก่อนหน้านี้จะสัมผัสได้ถึงความคลุมเครือจากพฤติการณ์ของนายมิ่งขวัญ ที่ตอนแรกดูเหมือนจะเอนเอียงไปทางฟากฝั่งอวดอ้างประชาธิปไตย แต่ถึงกระนั้นพลันที่การเลือกตั้งแล้วเสร็จ ในวันที่ 27 พ.ค.พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย รวม 6 พรรค ร่วมแถลงจัดตั้งรัฐบาลพร้อมแสดงจุดยืนของพรรคการเมืองที่เป็นแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.
นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ, พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค, พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรค, พรรคประชาชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค, พรรคเพื่อชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค, พรรคพลังปวงชนไทย นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรค
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้พรรคฝ่ายเรามีจำนวน 255 คน จาก 7 พรรคการเมือง 6 พรรคการเมืองพูดไปแล้ว ส่วนพรรคที่ 7 คือพรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยได้คุยกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียงของเขา เขายืนยันคำกล่าวที่ได้พูดไว้ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2562 ว่า เขาไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และอยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า เขาขอยืนข้างประชาธิปไตย เมื่อวานนี้ได้มีการออกคำแถลงการณ์ว่า ที่ยืนยันชัดเจนว่าเขาเป็นพรรคที่รักษาคำพูด แต่วันนี้เขาติดภารกิจ จึงเป็นอีก 1 พรรคที่จะเดินไปข้างหน้าต่อกันไป
นอกจากนี้นายภูมิธรรม ได้อ่านสัตยาบันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. เพื่อยืนยันว่าพรรคการเมืองทั้งหมดนี้จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยหัวหน้าพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคได้ลงนามในสัตยาบันดังกล่าว ถือเป็นประกาศร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลต่อต้านการสืบทอดอำนาจคสช.อย่างเป็นทางการด้วย
นั่นคือในฉากหน้าที่ปรากฏ แต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อย้อนกลับไปพิจารณา แถลงการณ์ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ออกประกาศเมื่อวันที่23 มี.ค.62 แม้จะประกาศชัดเจน ว่าจะไม่ร่วมงานจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แต่พรรคเศรษฐกิจใหม่ หรือนายมิ่งขวัญ ก็ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะร่วมรัฐบาลกับฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็น “ประชาธิปไตย” โดยไม่พิจารณาถึงสถานการณ์ทางการเมืองนั้นๆ หากพบว่า มีการทำงานโดยไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย และยังประกาศอีกด้วย ว่าพร้อมที่จะถอนตัวทันที
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผานมา ภายหลังจากการ "ลงสัตยาบรรณ 6 พรรค" ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน นายมิ่งขวัญ แถลงข่าวยืนยันเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองผ่านทาง THE STANDARD Daily ย้ำจุดยืน เจตนารมณ์จะอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีเงื่อนไข ฝ่ายประชาธิปไตย ที่ซื่อสัตย์สุจริต โดยระบุว่า..
ยืนยันสถานภาพทางการเมืองมีเงื่อนไขนิดเดียว ใครก็ตามที่บอกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์สุจริต ผมจัดการเอง นี่คือคำพูดของนายมิ่งขวัญ ชัดเจนแบบไม่อ้อมค้อม
"ผมจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข นี่ก็คือจบแล้วไง จะให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้อีก" ตอบคำถามพิธีกรที่ถาม และเมื่อถามว่า ยืนยันว่าจะเข้าร่วมกับ 7 พรรคใช่หรือไม่ นายมิ่งขวัญ ตอบว่า “ครับ อยากได้แค่นี้ใช่ไหม ก็ตอบแล้วไง” ก่อนที่นายมิ่งขวัญ จะพูดต่อว่า จัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน จะเงื่อนไขอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน นับคะแนนไม่เสร็จให้ประกาศคะแนนก่อน
และไม่แค่นั้นสำหรับความชัดเจนของหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ยังพูดถึงการลงสัตยาบันว่า เซ็นหรือไม่เซ็นหรือไม่ ถ้าคุณเซ็นและคุณไม่รักษาคำพูดจะมีประโยชน์อะไร จุดยืนทางการเมืองก็สำคัญ ไม่อย่างนั้นวันหลังยี่ห้อนี้จะเชื่อถือได้อย่างไร วันหนึ่งบอกได้ วันหนึ่งบอกไม่ได้ ผมไม่เป็นคนอย่างนั้น
“การแถลงข่าวของ 6 พรรค คุณภูมิธรรม จู่ๆก็มีคนมา ต่อโทรศัพท์ให้พูด คุณอ้วนบอกว่าพรุ่งนี้แถลงข่าว ผมบอกไปไม่ได้ นัดผู้ใหญ่ไว้ บอกตรงๆนะผมไม่คิดว่าเขาแถลงข่าวแล้วจะประกาศชื่อพรรคผมไป ผมเกรงใจคนเขาโทรมาเมื่อคืน ไม่อยากให้เสียความรู้สึก แต่เป็นการแจ้งที่กะทันหันเมื่อคืนเลย บอกว่ายังไม่ไป มีธุระ แต่เมื่อตอนเช้าเขาไปแถลงบอกว่ามีชื่อเราอยู่ด้วย ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอะไรไม่อยากโกรธ แต่เรายังไม่ได้ไปอยู่ด้วย” นายมิ่งขวัญ กล่าว
นอกจากนี้เมื่อถามถึงการจะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ไม่รู้เรื่องพวกนี้ และยังไม่ได้ตกลงอะไรกับใคร พร้อมอธิบายถึงเงื่อนไขหรือจุดยืนของตนและพรรคว่า
“เจตนารมณ์ของผมและพรรคเศรษฐกิจใหม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น เราก็บอกอยู่แล้วว่าจะอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมพูดคำไหนคำนั้น และมีเงื่อนไขเพียงว่าใครก็ตามที่บอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ต้องรอคนอื่นๆ ผมจะจัดการเอง ไม่ต้องฝั่งไหนทั้งนั้น เงื่อนไขและจุดยืนของตน คือ
1. ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนแปลง 3.ระบบกติกาเป็นอีกเรื่อง และ 4. ฝั่งเดียวกันถ้าพูดแล้วไม่รักษาคำพูด ตนไม่ยอม ตนเป็นคนรักษาคำพูด เคยพูดอย่างไรก็อย่างนั้น ไม่กลับไปกลับมา”
อย่างไรก็ตามปูมหลังของนายมิ่งขวัญนั้น แม้เคยจะมีความสัมพันธ์กับ พท. ในฐานะคนเคยร่วมงาน แต่ก็มีจุดจบที่ไม่สวยงามนักด้วยเพราะถูกพักงานอย่างถาวร แม้ใครครานั้นตนจะให้เหตุผลว่าต้องการเว้นวรรคทางการเมือง แต่ผู้สังเกตการณ์หลายคนย่อมตระหนักดีว่าอาจเกิดการวัดรอยเท้ากันระหว่างนายมิ่งขวัญ กับนายทักษิณขึ้น
แม้ผลงานจะปรากฏเด่นชัดไต่เต้าจนสามารถเข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว ช่วยงาน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีต รมว.คลัง ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่แล้วในช่วงรบ.ยิ่งลักษณ์ ได้เกิดขบวนการ ส.ส. งูเห่าขึ้น ด้วยมีเสียงลือเข้าหูนายใหญ่ว่ามีหลายคนเริ่มจะกระด้างกระเดื่องางตนเป็นปฏิปักษ์ จึงเกิดมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ด้วยการลดบทบาททางการเมืองด้านการบริหาร โดยนายมิ่งขวัญ ก็เป็๋นหนึ่งในผู้ที่ถูกเขี่ยให้พ้นทางจากงานระดับยุทธศาสตร์ของพรรค ลดมาเป็นเพียง ส.ส.บัญชีรายชื่อเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจมีความเป็นไปได้ว่า ทางพรรคเศรษฐกิจใหม่อาจหันหน้าซบอกพรรคที่มีเสียงสนับสนุนมากเป็นอันดับหนึ่งและมีความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลมากที่สุด อย่างพรรคพลังประชารัฐและนั่นอาจหมายถึงว่างูเห่าบางตัวกำลังลอกคราบเผยให้เห็นลวดลายที่แท้จริง ว่าในที่สุดแล้วมีเจตนาและอุดมการณ์ทาการเมืองไปทางใดกันแน่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- ร้าวลึก "ชวน"ตอก"พีระพันธุ์" ไม่อยากทะเลาะกันเหมือนเด็ก -ไม่ยกมือไหว้ก็ไม่เป็นไร
- อิศราชำแหละเละ! "ธนาธร" ถือหุ้น บ.เครือไทยซัมมิท 13 แห่ง โอนให้บริษัทในครอบครัวทั้งหมด!
- อดีตผู้พิพากษา กางรธน.ปี50 เทียบ ปี60 สอนกฎหมาย อ.ปิยบุตร จับแพะชนแกะ -ปลุกระดมสาวกล่วงหน้า
- ประชาธิปัตย์ชัดร่วมพลังประชารัฐ แต่จะกลายเป็นประเด็นปัญหาพรรคร่วมหรือไม่โปรดติดตาม