“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

สื่บเนืองจากการอสัญกรรม ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ “สองแผ่นดิน” เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26พ.ค. 2562 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในวัยย่าง 99 ปี ทั้งนี้พล.อ. เปรม ได้ป่วยหมดสติอยู่ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เวลา 05.00 น.วันนี้ (26 พ.ค.62) ทางคนในบ้านจึงได้แจ้งที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ก่อนจะส่งรถพยาบาลพร้อมแพทย์และพยาบาลมายังบ้านพัก เมื่อมาถึงพบว่า พล.อ.เปรม หมดสติ จึงทำการปฐมพยาบาล และปั๊มหัวใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ก่อนนำขึ้นรถพยาบาล มายังโรงพยาบาลทันที

สื่บเนืองจากการอสัญกรรม ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ  “สองแผ่นดิน” เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26พ.ค. 2562 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในวัยย่าง 99 ปี ทั้งนี้พล.อ. เปรม ได้ป่วยหมดสติอยู่ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เวลา 05.00 น.วันนี้ (26 พ.ค.62) ทางคนในบ้านจึงได้แจ้งที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ก่อนจะส่งรถพยาบาลพร้อมแพทย์และพยาบาลมายังบ้านพัก เมื่อมาถึงพบว่า พล.อ.เปรม หมดสติ จึงทำการปฐมพยาบาล และปั๊มหัวใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ ก่อนนำขึ้นรถพยาบาล มายังโรงพยาบาลทันที

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล รีบนำเข้าห้อง CCU (ห้องผู้ป่วยวิกฤตหัวใจ) ชั้น 3 อาคารสมเด็จย่า ก่อนระดมทีมแพทย์ ทำซีพีอาร์ (ปั๊มหัวใจ) อยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง ร่างกายไม่ตอบสนอง ก่อนที่ พล.อ.เปรม จะสิ้น ในเวลาประมาณ 08.00 น.วันนี้

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

ล่าสุดทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” สื่อมวลชนอาวุโส ในฐานะอดีตนักข่าวติดตาม ตอนเป็นนายกฯ ซึ่งมีความผูกพันธ์ใกล้ชิดกับพล.อ.เปรม ได้เปิดเผยว่า ตลอดช่วงชีวิตของ พล.อ.เปรมได้แสดงออกแล้วมีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างมากมายมหาศาล   เป็นบุคคลธรรมดาสามัญคนหนึง ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดในประเทศนี้ในยุคปัจจุบันนี้

 

พล.อ.เปรมเติบโตมาในกองทัพแบบธรรมดาๆคนนึงเหมือนนายทหารทั่วไป  เป็นนายทหารเหล่าทหารม้า สมัยก่อนคนจึงเรียกท่านว่าป๋าเปรม  ซึ่ง “ป๋า” ที่บรรดาทหารม้าจะเรียกผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำเหล่า  เมื่อท่านเคยเป็นผู้บัญชาการศูนย์กลางทหารม้า เขาเรียกพ่อม้า หรือศัพท์ท่านก็ใช้คำว่าป๋า ก็เรียกป๋าเปรมกัน   แต่ว่าจากนายทหารม้า  ท่านก็ไปไต่เต้าเป็นรองแม่ทัพ แล้วก็ขึ้นเป็นแม่ทัพที่กองทัพภาคที่ 2 ในภาคอีสาน  เป็นคนหนึ่งที่สำคัญยิ่งในการที่นำพาความสงบมาสู่บ้านเมือง

 

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

ทุกคนทราบดีกว่า พล.อ.เปรม เป็นคนที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประชาชนที่เรียกว่าฝ่ายคอมมิวนิสต์ คนไทยที่ต่อสู่กันในขณะนั้น แต่ใครจะทราบว่าในความลึกซึ้งในการแก้ไขปัญหาของพล.อ.เปรม เกิดจากการได้ลงพื้นที่ ตอนที่ท่านเป็นแม่ทัพ  ซึ่งการลงพื้นที่จึงได้พบเห็นประชาชน และได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่า “คอมมิวนิสต์” แล้วได้รำพึงรำพันออกมาว่า.. “เป๊ะ คนไทยด้วยกันเนี่ยคอมมิวนิสต์เนี่ยไม่ใช่ใครไหนอื่น เพราะฉะนั้นเนี่ยเราจะต้องทำความเข้าใจ เราจะต้องผนึกกำลังความเป็นคนไทยเข้าหากัน ใครที่คิดร้ายทำลายชาติก็ต้องแยกแยะให้ชัด” โดยบุคคลที่ร่วมกับพล.อ.เปรม ในขณะนั้นเป็นนายอำเภออยู่ชื่อ นายสมภาพ ศรีวรขาน ต่อมาขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี

 

จากจุดนั้น ต่อมาเมื่อพล.อ.เปรม ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ขยับมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม จนขึ้นดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”  ได้เอาภาพความคิดและความพยายามในการผลักดันเนี่ยมาเป็นนโยบาย 66/23  รู้จักกันดี แล้วก็นำพาไปสู่การคืนเมืองของคนไทยที่คิดแตกต่างกัน บ้านเมืองสงบเรียบร้อย  นี่คือที่มานะ  เราไม่รู้เลยว่าถ้าวันนั้น พล.อ.เปรม ไม่ได้นำนโยบายหรือแนวทางอย่างนั้นมาใช้ อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเรา

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

“สนธิญาณ” ระบุอีกด้วยว่า  ตนเป็นผู้สื่อข่าวติดตามพล.อ.เปรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี  ได้รับความเมตตาจากพล.อ.เปรม หลายครั้งหลายหน  ตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรมได้แก้วิกฤติ ปัญหาเศรษฐกิจที่ใหญ่ยิ่งของประเทศชาติสองครั้ง คือการลดค่าเงินบาทและนำพาประเทศให้ก้าวพ้นจากวิกฤติมาได้

โดยวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของพล.อ.เปรม แม้ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ แต่พล.อ.เปรม รับฟังจากผู้รู้และตัดสินใจ เมื่อตัดสินใจไปในทางที่ถูกต้อง บ้านเมืองก็ได้รับการแก้ไข  ประเทศชาติสมัยพล.อ.เปรมจึงพูดกันว่า ก้าวเข้าสู่ยุคของการโชติช่วงชัชวาล

 

 ตอนที่วางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็สำคัญ  เพราะพรรคการเมืองเชิญพล.อ.เปรมเป็นนายกฯต่อ  ท่านบอกว่า พอ หลังจากเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี พอแล้ว พวกท่านทำกันต่อ ... นั่นเป็นการลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ไม่ได้เสพติดอำนาจ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มาจากความคิดที่ต้องการแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมือง

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

หลังจากลงจากตำแหน่งนายกฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าเป็นรัฐบุรุษ แล้วก็เป็นองคมนตรี แล้วต่อมาก็เป็นองคมนตรี ต่อมาก็เป็นประธานองคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนมาถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นประธานองคมนตรี

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบุรุษ ประธานองคมนตรี ในสองแผ่นดิน หาคนธรรมดาสามัญที่จะได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยสูงสุด อันเป็นเกียรติสูงสุดแก่ชีวิตและวงศ์ตระกูล หาไม่ได้แล้ว  ทั้งสิ้นทั้งปวงมาจากคุณงามความดีของพล.อ.เปรม ทั้งสิ้น ก็จึงเอามาเล่าทบทวนในฐานะนักข่าวที่เคยทำงาน ติดตาม และท่านก็เคยให้ความเมตตา เอาประวัติท่านมาเขียนหนังสือตีพิมพ์นับสิบครั้ง  มอบหนังสือที่ประวัติท่านให้ท่าน ท่านไม่เอาฟรีจ่ายเช็คมาเลยเก็บไว้เป็นมงคล จึงทำให้ตนเนี่ยรู้เรื่องและได้ซาบซึ้งในรายละเอียดของชีวิตท่านที่มีต่อแผ่นดิน

 

“สนธิญาณ” สดุดี “พลเอกเปรม” สามัญชน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน

 

ทั้งนี้ “สนธิญาณ” ได้ประพันธ์บทกลอนเพื่อสดุดีรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม  ติณสูลานนท์ ดังนี้...

กราบ..คารวะ น้อมส่ง ดวงวิญญาณ

           พร้อมขับขานเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่

           ชีพนี้เพื่อชาติศาสน์กษัตริย์ไทย

           นามเกริกไกร..พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

           อดีตนายกฯผู้กู้วิกฤติชาติ

           กล้าประกาศ โชติช่วงฯจนเห็นผล

           รัฐบุรุษสุจริตครองใจตน

            ไทยทุกคนสดุดีประธานองคมนตรี..สองแผ่นดิน!!!!

        

 สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

          ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒