- 29 พ.ค. 2562
เฮือกสุดท้ายของพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย!! "เพื่อไทย" ขายฝันดัน "ชัชชาติ" เป็นนายกฯ แท้จริงแค่ปั่นกระแสหวังเรียกเรตติ้ง!?
นับว่าชวนสลดสมเพชยิ่งกับการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเหล่าพรรคอวดอ้างปชต.ที่มี พรรคเพื่อไทย เป็นหัวเรือที่ออกอาการคลอนแคลนคล้ายจะอัปปางลงในไม่ช้าไม่นาน เมื่อปรากฏว่าสถานการณ์ชนิดมืดแปดด้านของพรรคในเวลานี้ ทำให้ต้องถึงกับดิ้นพล่านเต้ากระแสหวังจะดึงพลังสนับสนุนจากภาคประชาชนขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วในหลักการเป็นเพียงวิมานลมๆแล้งๆเท่านั้น
จากกรณี ความเคลื่อนไหวของ พท. ล่าสุดวันนี้ มีการประชุมแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.)ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัยเลขาธิการพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิลประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เป็นต้น โดยที่ประชุมได้มีการพูดคุยหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง การปรับแผนสู้ในสภาฯ ในการโหวตเลือกนายก
โดยประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ ที่ประชุมได้มีการเสนอให้เสนอชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯของ พรรคพท.ให้ 7 พรรคร่วมโหวตชิงตำแหน่งนายกฯ ในการประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกฯ ที่กำลังจะมาถึง โดยเหตุผลที่เสนอชื่อนายชัชชาติ
เพราะ
1.เข้าเงื่อนไขตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
2.นายชัชชาติอยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.ตั้งแต่ต้น
3.คุณหญิงสุดารัตน์ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆไปแล้ว
4.ชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่พรรค อนค.จะเป็นผู้เสนอนั้น แม้จะสามารถเสนอได้ แต่เกรงจะมีปัญหาในภายหลัง หากศาลมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางปีกของฝั่งอวดอ้างปชต. เร้ากระแสขึ้นมา เพราะต้องไม่ลืมว่าไม่นานก่อนหน้า มีเสียงลือว่าจะทำการดัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หน.พรรคเสรีรวมไทย ขึ้นเป็นนายกฯ จนเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นดีเห็นงาม ขณะที่ผู้สันทัดกรณีต่างนึกขันอยู่ในใจ
เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะสร้างความสับสนแก่ประชาชาชน ยังสะท้อนถึงความพยายามที่สูญเปล่าด้วยเพราะกรณีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นั้น ต้องทำให้หลายคนฝันค้างด้วยเพราะมีเก้าอี้ สส ของพรรคในสภาเพียงแค่ 10 ที่นั่ง ขัดกับตามหลักการที่ต้องมีอย่างน้อย 25 ที่นั่งขึ้นไป
ยิ่งกว่าไม้หลักปักเลน เพราะเมื่อพินิจถึงความเป็นได้ที่นายชัชชาติ จะได้กระโดดนั่งเก้าอี้นายกฯ นั้นอาจทำให้หลายคนถึงกับชอกช้ำระกำใจตามกันไป ด้วยเพราะนายชัชชาติ ถือเป็นนายกฯ คนนอก ซึ่งหมายถึงผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยคำถามที่น่าสนใจแต่แรกนั้นอยู่ที่ว่า หากทาง พท. ชวดฝันถูกปิดประตูไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล นายชัชชาติจะนั่งอยู่แห่งหนใดในพื้นที่การเมือง
ต่อข้อสงสัยดังกล่าว ที่ซึ่งชัดเจนแล้วว่า พท. ต้องถึงคราวฝันสลาย นายชัชชาติจะไม่มีทั่งที่นั่งและที่ยืนในสภาแต่อย่างใด ดังจะเห็นได้ว่าการจะหวังว่าจะเข็นขึ้นเป็นนายกฯ นั้นโอกาสแทบเป็นศูนย์ในทุกประตู กลายเป็นเรื่องตลกร้ายขึ้นมาทันทีเพราะเมื่อย้อนกลับไปจะเห็นถึงความมั่นใจของทาง พท. ก่อนการเลือกตั้งในแง่เหตุผลที่เสนอชื่อนายชัชชาติ เป็นแคนดิเดตนายกฯ
โดย ณ ตอนนั้น มีการเปิดเผยต่อสาธารณะว่า หาพรรคดันนายชัชขาติ เป็นแคนดิเดตนายกฯ จะได้ ส.ส. ถึง 220 ที่นั่งโดยจะมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ที่ได้เก้าอี้เพียง 190-200 ที่นั่ง
แม้ในเวลานั้นจะมีเสียงลือกันให้ขรมว่า ทั้งสองเริ่มออกอาการศรศิลป์ไม่กินกัน เนื่องด้วยการวางหมากในครั้งนี้อาจมาจากคำสั่งของนายใหญ่ต่างแดน จนทั้งคู่ต้องออกมาปัดเป็นพัลวันว่าพร้อมทำงานร่วมกัน แต่ท้ายสุดผลคะแนนและเก้าอี้ สส ที่คว้ามาได้เป็นเช่นไรเวลานี้ก็ได้ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนแล้ว...
และนั่นจึงหมายถึงว่าเป้าหมายสูงสุดของปีก พท. คือการผนึกกำลังกันเพื่อแก้เกมด้วยทุกวิถีทาง แม้แต่นายธนาธร หน.พรรคอนาคตใหม่ ก็มิวายกลายมาเป็นหมากหนึ่งในการเต้ากระแสเช่นกัน
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พ.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น ดูจะสอดรับกับการเคลื่อนไหวของนายธนาธร ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันขึ้นมาทันที โดยธนาธรประกาศว่า พรรคอนาคตใหม่ขอเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเอง รวมถึงตัวนายธนาธรเอง ก็พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
"เพื่อที่จะหยุดยั้งความสิ้นหวัง และเอาความหวังกลับเข้ามา พรรคอนาคตใหม่ขอประกาศตัว พรรคอนาคตใหม่ขออาสาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล … และถ้าหากพรรคอนาคตใหม่สามารถรวบรวมเสียงและจัดตั้งรัฐบาลได้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นนายกรัฐมนตรี"
นี่คือคำมั่นต่อสาธารณะที่ถูกเอ่ยขึ้นโดยที่ลำพองใจอย่างไม่ประสาว่า จะถูกผลักไสออกจากสภาจากผลกรรมที่ตัวเองก่อในเวลาต่อมา ความอิรุงตุงนังที่เกิดขึ้นนี้นั้นประหนึ่งการลดทอนความน่าเชื่อถือของกลุ่มพรรคอวดอ้างปชต. ที่เสมือนว่ายังขาดเอกภาพภายในกลุ่มอย่างชัดเจนแบะเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม สะท้อนอย่างชัดเจนว่าการพยายามแก้เกมในครั้งนี้ด้วยวิธีการปลุกกระแสอย่างเลื่อนลอยจะกลายเป็นโดนรุกฆาตเสียงเองหรือไม่ 7 พรรคผู้อวดอ้าง ปชต.คงรู้กันอยู่แก่ใจ เพราะขนาด เจ๊หน่อย ที่ถือได้ว่าจัดเจนมากบารมีภายในพรรคไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร ยังยอมถอยซึ่งก็น่าตั้งข้อสังเกตว่าหรือเพราะรู้ชะตากรรมว่าจะมีจุดจบอย่างไร
ครั้นแล้วชวนให้คิดอีกตลบว่า การจะดันนายชัชชาติ ผู้ไม่เคยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน หรือนายธนาธร นักการเมืองผู้ไม่ประสาแถมชนักปักหลังเล่มเบ้อเริ่อปักหลัง มาเป็นนายกฯนั้น...ก็อย่าได้ฝัน!? ผลท้ายก็คงเป็นเพียงการกุกระแสดังที่กล่าวมาอยู่วันยังค่ำ!!
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- “ยุบสภา” ทางออกสุดท้าย อาจเป็น “ทางเลือกแรก” ดันหลังนักการเมือง
- อนุทินตอบถ้าปชป.ไม่ร่วมพปชร.?และหากมียุบสภาภท.พร้อมลต.ใหม่
- 34ปีที่ป๋าเปรมให้อภัยหนุ่มป่วยเคยชกหน้า ทั้งฝากดูแลรักษาอย่างดี