ส.ส.อีสานเพื่อไทย โวยกลางวงประชุมพรรค มอบแคนดิเดทนายกฯให้พรรคอื่น-เชิญสื่อฯออกนอกห้องประชุม

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 2 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อมในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 5 มิ.ย.62 มี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค , นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ร่วมทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยมี ส.ส.จากทุกภูมิภาค เข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง

 

นายภูมิธรรม ได้แจ้งผลหารือที่ได้ไปร่วมคุยกับ 7 พรรคการเมืองถึงการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ต่อที่ประชุมตอนหนึ่ง ว่า พรรคมอบหมายให้หัวหน้าพรรค ตน และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร่วมหารือกับตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เราต้องดึงเจตนารมณ์ที่ประชาชนมอบผ่าน ส.ส. มาว่า เขาคิดอย่างไร อยากเห็นประเทศเดินไปทางไหน ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึง 7 พรรคการเมือง ที่เราต้องร่วมมือกัน ที่อยากให้ประเทศหลุดพ้นกับสภาพที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หลุดพ้นการสืบทอดอำนาจ

 

 

“พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองใหญ่ในฝ่ายประชาธิปไตย จะผลักดันเจตนารมณ์ประชาชนให้เป็นจริง ช่วงเช้าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ผู้แทนวิปชั่วคราวที่จะทำหน้าที่ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่คุยกัน ได้คำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดที่เราจะต้องมาร่วมมือกัน กับการที่ผู้อำนาจเดิมมีความพยายามยึดครองอำนาจต่อไป” นายภูมิธรรม กล่าว

 

จากนั้นนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นกล่าวต่อที่ประชุมทันทีว่า มี 4 เหตุผลที่จะนำเรียนต่อทางพรรคว่า เหตุใดเราต้องสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเรา 1.คือ..............

 

ทั้งนี้เมื่อนายยุทธพงศ์ พูดได้เพียงเท่านั้น พล.ต.ท.วิโรจน์ ได้กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า “เดี๋ยวครับท่านยุทธพงศ์ อย่าเพิ่งพูดครับ ขอให้สื่อมวลชนได้ออกจากห้องประชุมไปก่อน” ซึ่งก่อนการประชุมทางพรรคได้ให้สื่อมวลชนไปบันทึกภาพบรรยากาศก่อนประชุมอยู่ชั่วขณะ

 

ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวจากพรรคอนาคตใหม่  โดย น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่(อนค.) กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี) ว่า ทางพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันจะเสนอชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ถือว่าขาดคุณสมบัติ และต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายธนาธรไม่ได้มีสถานะเป็น ส.ส. แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯต้องมาจาก ส.ส. แม้เป็นหลักการที่เราไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าจะทำกันถึงขนาดถอดนายธนาธรออกจาก ส.ส. ก็ยังยืนยันว่านายธนาธรยังมีคุณสมบัติ