- 06 มิ.ย. 2562
บิ๊กตู่ผงาดนายกฯสมัย2 ไร้ฝั่งขั่วพรรคพลังประชารัฐ-กลุ่มสว.โหวตให้ธนาธร พบเด็กภูมิใจไทยเพียงคนเดียว
จากกรณีที่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง ยังคงเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี โดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ ว่า เข้าข่ายละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะอุดมการณ์ของจริยธรรม จะต้องยึดมั่นและธำรงไว้ ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และยึดประโยชน์ประเทศชาติ
“แต่บุคคลที่ไม่ได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อาศัยการยึดอำนาจบริหารชาติบ้านเมือง และกลับเสนอตัวกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนั้น พรรคเพื่อไทย และพรรคพันธมิตร จึงไม่ขอสนับสนุน”
ขณะนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ชี้ให้เห็นจุดเด่นของพล.อ.ประยุทธ์ ว่า มีความพร้อมปฏิบัติงาน และหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ต้องจัดทัพใหม่ ไม่ต้องมีการโยกย้ายข้าราชการใหม่ สามารถปฏิบัติงาน แก้ไขปัญหาให้ของประเทศ และประชาชนได้ทันที
ทั้งนี้การอภิปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีดำเนินมากระทั่งเวลา 21.45 น.หลังจากสมาชิกรัฐสภาอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมจึงเริ่มโหวตลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเป็นรายบุคคลเรียงลำดับตามตัวอักษร โดยมีสมาชิกขานชื่อโหวตทั้งหมด 747 คน ขาด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ส.
ขณะที่ผลการโหวตลงมติปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้คะแนน 500 เสียง เกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกทั้งสองสภา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ 244 เสียง งดออกเสียง 3 คะแนน ก่อนที่นายชวน จะสั่งปิดการประชุมในเวลา 23.52 น.ใช้เวลาการประชุมตลอดทั้งวันร่วม 15 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามผลการลงมติมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 52 คน ต่างลงมติไปในทางเดียวกันทุกคนคือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยกเว้นนายชวน ที่งดออกเสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส.ส.จำนวน 51 เสียง ต่างเทเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหมดมีเพียง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ คนเดียวที่ลงมติงดออกเสียง โดยภายหลังการลงมติงดออกเสียง นายสิริพงศ์ได้นั่งร้องไห้อยู่ภายในห้องประชุมด้วย