ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

ช่อ พรรณิการ์ ต้องเคารพความคิดตัวเอง หากกล้าคิดก็ต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

จากที่โลกออนไลน์ แชร์ภาพในอดีตของ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ขณะรับปริญญา รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  เมื่อปี 2553 พร้อมเพื่อนๆอีก5 คน โดยท่าทางที่ปรากฏออกมา ทำให้ผู้ที่พบเห็นภาพดังกล่าวรู้สึกทันทีว่า เป็นลบหลู่หรือไม่ กับสิ่งที่สะท้อนออกมาในท่าทาขำขันกันนั้น ถือเป็นกิริยาที่มิบังควร เพราะนอกจากภาพแล้วยังมีข้อความแคปชั่นด้วย และมากกว่านั้นคือไม่ได้มีเพียงภาพเดียว เหตุการณ์เดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าก็คือ เมื่อเกิดปฏิกิริยาลุกฮือของสังคม  กลับมีคนบางกลุ่มชี้ออกมาทันทีว่านี่คือ การล่าแม่มด ฉะนั้นจึงลองมาพิจารณาพร้อมๆกันว่า พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้มีความคิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่กำลังถูกตั้งข้อสงสัยหรือไม่????

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเตรียมร้องปปช.สอบช่อ ส่อจะเข้าข่ายผิดจริยธรรม พบโทษหนัก

 

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich หลังจากถูกผู้คนเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก็ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จำกัดการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ บุคคลที่ไม่ได้เป็นเพื่อนไม่สามารถเข้าถึงอัลบั้มรูปภาพและคอมเมนต์ได้ ซึ่งในเฟซบุ๊กนี้คือหลักฐานชิ้นดีที่ไม่เพียงเหตุการณ์สวมชุดครุยที่โพสต์ ว่า "ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย แต่ต่อมายังได้มีการแชร์รูปของ "ช่อ" พรรณิการ์ ที่ได้ชี้นิ้วไปยังป้ายที่มีพระนาม โดยได้ใส่แคปชันว่า  “ชี้อารายยยย” ซึ่งยิ่งทำให้สังคมได้เห็นพฤติกรรม วิพากษ์วิจารณ์ ตั้งคำถามไปที่ช่อ" พรรณิการ์ ว่ามีเจตนา มุ่งประสงค์อย่างใด

 

แม้เมื่อเรื่องราวบานปลาย ทำให้ช่อ พรรณิการ์ ต้องออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค ระบุ...ทำไมภาพนั้น “ไม่ควรมีคำบรรยาย” ? พร้อมเนื้อหาบางส่วนว่า มีเพจเฟซบุ๊กที่ทำงานปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารทางจิตวิทยา (หรือที่เรียกกันว่า เพจ IO) ให้แก่ คสช. กับสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นำภาพที่ช่อถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนในช่วงรับปริญญาที่จุฬาเมื่อปี 2553 มาโจมตีช่ออย่างรุนแรงโดยพยายามเชื่อมโยงกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

 

ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

 

 

 

ช่อขออธิบายดังนี้ว่า ตอนนั้นเป็นยุคหลังรัฐประหาร 2549 และมีกระแสการกล่าวหาผู้คนว่าไม่จงรักภักดีเกิดขึ้นไปทั่วทั้งในโลกอินเทอร์เน็ตและในโลกแห่งความเป็นจริง ช่อกับเพื่อนๆ เติบโตมาในบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองเช่นนี้

 

 พวกเราในฐานะนักเรียนรัฐศาสตร์ก็เฝ้าติดตามปรากฏการณ์เหล่านี้ด้วยความกังวลอย่างมาก บ่อยครั้งการนำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมือง แบ่งฝักฝ่ายในหมู่ประชาชนให้เกลียดชังกัน หรือบานปลายไปถึงขั้นล่าแม่มดกัน ก็กลายเป็นความขื่นขันตลกร้าย

 

 

หลังรัฐประหาร 2549 เป็นเรื่องง่ายมากที่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารจะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และเป็นเรื่องง่ายมากที่จะจัดการใครให้ติดคุกเพียงมีคนชี้หน้าเขาว่าไม่จงรักภักดี

 

การสร้างความเกลียดชังแบบนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมายในหัวของคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่เติบโตมาในยุคหลังรัฐประหาร กระทั่งบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่เรานำมาคุยล้อกันเพื่อสะท้อนความขื่นขันในโศกนาฏกรรมทางการเมืองของไทย  นี่คือ “ข้างหลังภาพ” ที่บอกว่า “ไม่ควรมีคำบรรยาย”

 

ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

 

เราจะบรรยายอย่างไรได้บ้างในยุคสมัยที่วันหนึ่งอาจมีคนมาชี้หน้ากล่าวหาว่าคุณมันไม่จงรักภักดี และดังนั้น คุณต้องติดคุกหรือออกจากประเทศนี้ไป

 

ช่อยอมรับว่าภาพการประชดล้อเลียนกระแสความเกลียดชังจากการล่าแม่มดของนิสิตนักศึกษาจำนวนมาก รวมถึงภาพๆนี้ ดูไม่เหมาะสม และต้องขออภัยอย่างสูงต่อประชาชนที่เห็นภาพนี้แล้วเกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งที่ช่ออยากให้ทุกท่านตระหนักเช่นกัน คือสังคมการเมืองไทยกำลังทำให้คนหนุ่มสาวในรอบสิบกว่าปีมานี้เติบโตมาพร้อมคำถามมากมายกับการใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายล้างกัน

 

ช่อและเพื่อนๆ เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พวกเราอยากเห็นระบบรัฐสภาที่ยึดโยงกับเสียงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่กับระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ไม่ใช่การเมืองที่แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้รัฐประหารและทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองกันบ่อยครั้ง

 

วันนี้ช่อไม่ใช่นิสิตแล้ว แต่เป็นนักการเมือง เวลาผ่านไปเกือบทศวรรษ ทว่าสภาพการเมืองไทยก็แทบไม่เปลี่ยนไปเลย

 

ขอร้องเถอะค่ะ ว่าอย่านำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันทางการเมืองอีกเลย รวมถึงขอร้องให้ผู้ที่ตามขุดคุ้ยเพื่อนของช่อทุกคนในรูป ยุติการกระทำดังกล่าว อย่าให้พวกเขาเดือดร้อนเพียงเพราะเป็นเพื่อนของนักการเมืองคนหนึ่ง

 

คำขอร้องนี้ไม่ใช่เพื่อตัวช่อเอง แต่เพื่ออนาคตที่มั่นคงยั่งยืนของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งหลายคนมักนำสถานะของสถาบันฯ มารับใช้ตัวเอง เพียงเพื่อหวังทำลายล้างศัตรูทางการเมืองของตน โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเมืองที่ต้องสูญเสียไป

 

ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

 

นั่นคือเสียงที่ออกมาจากต้นเรื่อง ช่อ พรรณิการ์ จะเรียกว่าเป็นการชี้แจงหรือคำแก้ตัวก็แล้วแต่สังคมจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา  เพราะเมื่อเข้าไปในเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ก็จะพบข้อมูลทั้งภาพและข้อความอย่างมากมายที่ ช่อ พรรณิการ์ได้โพสต์เอาไว้ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งดูล้วนแล้วแต่เข้าข่ายหมิ่นเหม่แทบทั้งสิ้น กระทั่งบางข้อความไม่สามารถนำมาเปิดเผยแพร่ได้ตรงๆ และนี่ยังไม่ได้พูดถึงจากการที่รูปปรากฏ ช่อ พรรณิการ์ ในบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่เธอยืนถ่ายรูปร่วมกับ อั้ม เนโกะ หรือ นายศรันย์ ฉุนฉาย ผู้ต้องหาหลบหนีคดีมาตรา 112

 

คำอธิบาย ภาพเจ้าปัญหา จาก ช่อ พรรณิการ์ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเสียดสี ล้อเลียนการเมือง มีความสมเหตุสมผลหรือไม่ อยู่ที่ผู้อ่านพิจารณา แต่การที่นำเอาพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาในทำพฤติกรรมแบบนี้  ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดของการแสดงออก ก็ตามแต่ สิ่งที่ประชาชน สังคมตั้งคำถามนั้นคงไม่ใช่เรื่องของการโจมตีทางการเมือง หรือการยัดเหยียดข้อกล่าวหา ว่าไม่จงรักภักดีแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ประชาชนสงสัย ก็คือ พฤติกรรมที่มิบังควร โดยมีความ”จงใจ”ที่นำพระบรมฉายลักษณ์มา ประกอบ ในลักษณะล้อเลียน ซึ่งไม่มีใคร หรือผู้ใด ที่จะประพฤติปฏิบัติกัน อีกทั้งภาพนี้ที่เกิดขึ้น มีความจงใจที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งได้ถูกเผยแพร่จากเจ้าของภาพเอง ทั้งตัวของ ช่อ พรรณิการ์และผองเพื่อน

 

ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???

 

ทั้งกับประเด็นที่อ้างว่า ภายหลังการรัฐประหารปี 49 ผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารจะถูกกล่าวหาว่า ผู้ที่ไม่จงรักภักดีนั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงและ มีความพยายามจากกลุ่มการเมืองบางกลุ่มพยายาม ดึงสถาบันฯเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยจงใจอย่างที่สุด สร้างความแตกแยกให้กับสังคม  โดยเริ่มจากนำภาพขณะที่ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นำคณะปฏิรูปการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.เข้าเฝ้าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาใช้โจมตีกล่าวหา สถาบันฯว่าเป็นผู้อยู่เรื่องหลังการทำรัฐประหาร และถูกเผยแพร่ชุดความคิดต่างๆอย่างเป็นระบบ กระจายสู่สังคมไทย !!!

 

เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการล่าแม่มดได้อย่างไร เมื่อปรากฏหลักฐานทั้งข้อความและภาพมากมาย อย่างที่บอกคือต่างกรรมต่างวาระ คำถามกลับไปก็คือ สำหรับคนปกติหากมีความจงรักภักดีจริง เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์เทิดทูนไว้เหนือหัวจริง จะมีพฤติกรรมแบบนี้ออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร ??? จะนำสิ่งที่ประชาชนชาวไทยรักและเคารพเทิดทูนไว้เหนือหัวมาล้อเล่นแบบขำขันได้อย่างไร!?! หรือ จะมีความคิดที่หมิ่นเหม่ ชอบที่จะกระทำแบบนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ช่อพรรณิการ์ ก็ต้องเดินออกมายอมรับว่ามีความคิดในลักษณะนี้ ต้องไม่เป็นอีแอบ เมื่อกล้าคิดก็ต้องกล้าเปิดเผย เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ก็เท่ากับไม่เคารพความคิดตัวเอง?!?   

 

ช่อต้องเคารพความคิดตัวเอง ถ้ากล้าคิดต้องกล้าเปิดเผย อย่าเป็นอีแอบ???