- 21 มิ.ย. 2562
แกนนำพรรคเพื่อไทย วัฒนายกคำพูด คนไทยไม่มีน้ำยา ใจไม่ได้ครึ่งของฮ่องกงต้านเผด็จการ
จากกรณี พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงปรับโอนหน้าที่ของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ให้กับกอ.รมน. โดยมีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้วหลังจากที่รัฐบาลใหม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว การทำงานของ คสช. ก็จะยุติบทบาทลง แต่ในส่วนงานที่ผ่านมาทำแล้วยังเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ทำให้พี่น้องประชาชน ลดความเดือดร้อน และทำให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็จะยังดำเนินงานสานต่อไป
“การดำเนินงานของกระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ก็จะเข้ามาดูแล รับผิดชอบตามบทบาทอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายของแต่ละกระทรวง ในส่วนของ กอ.รมน. จะเข้ามาดูในภาพรวม ในประเด็นด้านความมั่นคง ในทุกมิติที่ทำอยู่ และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานในการบูรณาการ ประสานงานผ่านหน่วยงานของกอ.รมน. ผ่านศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 1-5 (ศปป.1-5), กอ.รมน.ภาค1-4 และกอ.รมน.จังหวัด ประเด็นหลักๆคือจะบูรณาการและขับเคลื่อนงานของกระทรวง เช่น หนี้นอกระบบ, การจัดระเบียบสังคม โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่คือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 และนำมาบูรณาการกับกระทรวงต่างๆที่มีกฎหมายรองรับอยู่ เข้าไปขับเคลื่อนดูแลแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบ และลดความเดือดของพี่น้องประชาชน”
ล่าสุดนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ระบุว่า โฆษก กอ.รมน. แถลงข่าวถึงการปรับโอนหน้าที่ของ คสช. ให้กับ กอ.รมน. โดยมีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้ว โดยเมื่อปลายปี 2560 พลเอกประยุทธ์ได้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/2560 แก้ไขเพิ่มเติม พรบ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ขยายคำจำกัดความของการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้รวมถึงอาชญากรรมปกติที่เคยอยู่ในอำนาจของตำรวจ
ตามคำสั่งดังกล่าว กอ.รมน. จังหวัดมีอำนาจสำคัญที่ซ่อนอยู่ในมาตรา 13/2 (7) คือมีอำนาจเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลหรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของคณะกรรมการ ซึ่งแท้ที่จริงคืออำนาจเรียกตัวบุคคลมาควบคุมตัวในรูปแบบของการมาให้ข้อมูลคล้ายกับอำนาจตามข้อ 6 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ให้อำนาจทหารสามารถเรียกบุคคลมาเพื่อสอบถามข้อมูลหรือให้ถ้อยคำ หากยังสอบถามไม่แล้วเสร็จสามารถควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน
อำนาจในการสั่งให้บุคคลมาให้ข้อมูลหรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดหรือกระทบสิทธิของบุคคลและเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่พนักงานสอบสวนและศาลเท่านั้นจะมีอำนาจออกคำสั่งให้บุคคลใดจัดส่งข้อมูลหรือเอกสารมาประกอบการพิจารณาได้ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจใครก็ได้สามารถเรียกเอกสารหลักฐานจากบุคคลอื่นนอกจากเผด็จการ
หากดูโครงสร้างของ กอ.รมน. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน่วยงานด้านกฎหมายและความมั่นคงซึ่งรวมถึงกองทัพบก เรือ อากาศ และ สตช. อยู่ภายใต้การกำกับเท่ากับว่าพลเอกประยุทธ์จะบริหารประเทศนี้โดยมีกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงไว้จัดการกับฝ่ายตรงข้ามต่อไปโดยเอาเรื่องความมั่นคงมาบังหน้า ทั้งที่งานที่กำหนดให้ กอ.รมน. ทำนั้นมีหน่วยงานปกติรับผิดชอบอยู่แล้ว มีคนกล่าวว่าที่คนพวกนี้เหิมเกริมได้ขนาดนี้เพราะคนไทยไม่มีน้ำยา ถ้าใจเราได้ครึ่งของคนฮ่องกงรับรองเผด็จการไม่มีแผ่นดินอยู่นานแล้วครับ