- 09 ต.ค. 2562
@ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม จากภาพคู่ระหว่าง โจชัว หว่อง แกนนำนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง ผ่านบทบาทเลขาธิการพรรคเดโมซิสโต กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และ ส.ส. อนาคตใหม่ ระหว่างการเข้าร่วมงาน Open Future Forum เนื่องจากทั้งสองมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมือง และนำไปสู่การโพสต์ข้อความที่สามารถสะท้อนได้ ว่า หัวข้อการสนทนานั้นลงลึกไปถึงประเด็นใดบ้าง ด้วยความน่าสนใจว่าท่าทีของนักการเมืองไทย ที่กำลังพาประเทศเข้าไปยุ่งเกี่ยวความขัดแย้งดังกล่าว จะส่งผลใดหรือไม่ กับ บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนในระยะยาว
@ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกตั้งคำถาม จากภาพคู่ระหว่าง โจชัว หว่อง แกนนำนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนในฮ่องกง ผ่านบทบาทเลขาธิการพรรคเดโมซิสโต กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และ ส.ส. อนาคตใหม่ ระหว่างการเข้าร่วมงาน Open Future Forum เนื่องจากทั้งสองมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองทางการเมือง และนำไปสู่การโพสต์ข้อความที่สามารถสะท้อนได้ ว่า หัวข้อการสนทนานั้นลงลึกไปถึงประเด็นใดบ้าง ด้วยความน่าสนใจว่าท่าทีของนักการเมืองไทย ที่กำลังพาประเทศเข้าไปยุ่งเกี่ยวความขัดแย้งดังกล่าว จะส่งผลใดหรือไม่ กับ บรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนในระยะยาว
ทั้งนี้สรุปใจความสำคัญที่แฝงมากับการถ่ายภาพคู่ระหว่าง โจชัว หว่อง กับ ธนาธร มีการพูดถึงแนวทางการทำงานการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ที่เชื่อได้ว่า ธนาธร เป็นฝ่ายเล่าให้กับโจชัว หว่อง ฟังด้วยตัวเอง ก่อนที่นักเคลื่อนไหวอย่าง โจชัว หว่อง จะสรุปเอาเองว่า พรรคอนาคตใหม่ มีผลงานการทำงานที่น่าสนใจ ทั้งเรื่อง การผลักดันความเท่าเทียมกันทางเพศ และการกระจายรายได้ รวมไปถึงธงหลักว่าด้วยการต่อต้านทหาร แล้วผลักดันให้เกิดรัฐบาลพลเรือนอย่างแท้จริง
น่าสนใจก็คือ โจชัว หว่อง ถึงขั้นยกย่องว่าพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นการกำเนิดของขั้วอำนาจที่ 3 ในเวทีการเมืองไทย เพราะมีตัวแทนเข้าร่วมเป็น ส.ส.ถึง 80 คน และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ ธนาธร คงไม่ได้อธิบายเหตุผลจริง ของกฎกติกาการเลือกตั้ง ที่่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ ได้ส.ส.เป็นอันดับ 3 ว่ามาจากการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ และกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องซึ่่งให้ความสำคัญกับทุกคะแนนเสียงประชาชน
แต่การเล่าเรื่องการเมืองของไทย ส่วนใหญ่น่าจะเป็นไปในทางลบ โจชัว หว่อง จึงโฟกัสไปในจุดว่า หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เสมือนถูกรังแก ด้วยข้อหากระทำความผิดจากจากข้อร้องเรียนของรัฐบาลทหาร ซึ่งหากมีความผิดอาจทำให้ถูกจำคุกนานถึง 9 ปี ก่อนจะทิ้งท้ายว่าวันนี้ พลังอำนาจของกลุ่มอนุรักษ์นิยม กับเผด็จการ กำลังขยายตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในการทำให้ทั้งสองคน เลือกที่จะแลกเปลี่ยนความคิดในการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยต่อไป
@ย้ำอีกครั้งว่าข้างต้นเป็นสิ่งที่ โจชัว หว่อง เลือกสื่อสารให้เห็นว่าการสนทนากับ ธนาธร มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นใดบ้าง ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่า ธนาธร พูดอะไรกับ โจชัว หว่อง Massage ที่ออกมาจากนักเคลื่อนไหวทางการเมืองจากเกาะฮ่องกง จึงมองว่า ธนาธร เป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์และกำลังถูกกดดันจากรัฐบาลทหาร ชนิดที่อาจเรียกได้ว่าบิดเบือนพูดแต่ประเด็นภาพลบ แต่ไม่อธิบายภาพของประเทศไทยอย่างครบถ้วน และสำคัญที่สุดคดีความต่าง ๆ ของการถูกร้องก็มาจากพฤติกรรมส่วนตัว นายธนาธร กับพรรคอนาคตใหม่ เองแทบทั้งสิ้น
อีกมุมหนึ่งลืมไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ทางการเมือง ที่ถูกโฟกัสว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีปฏิสัมพันธ์เชิงลึกกับ โจชัว หว่อง หนึ่งในแกนนำต่อต้านรัฐบาลจีน แม้แต่โจชัว หว่อง ยังไม่มั่นใจเลยว่า จะเกิดผลกระทบใด ๆ ทางการเมืองต่อไปหรือไม่
โดยเฉพาะคำพูดว่าไม่แน่ใจในอนาคต ธนาธร จะถูกปฏิเสธให้เข้าประเทศฮ่องกงหรือไม่ จากความอ่อนไหวของการพบปะ พูดคุยที่เกิดขึ้น และน่าจะทำให้ทางการจีนจับตามอง ว่า นักการเมืองไทยที่ถูกระบุว่าเป็นขั้วตรงข้ามรัฐบาลปัจจุบัน มีความร่วมมือ หรือ สนับสนุนทางการเมืองในระดับใด ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศเคยถูกรัฐบาลจีนออกแถลงการณ์เตือนมาแล้ว
ยกตัวอย่าง กรณี นางหัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงท่าทีไม่พอใจ จากการที่ นายไฮโค มาส รัฐมนตรีต่างประเทศ เยอรมนี เปิดโอกาสให้นายโจชัว หว่อง เข้าพบ และนายโจชัว หว่อง เอาข้อมูลและภาพมาโพสต์เผยแพร่ต่อในโลกโซเชียล โดยเห็นว่าสิ่งที่ รัฐมนตรีต่างประเทศ เยอรมนี ทำลงไปถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน และไม่เป็นการเคารพอำนาจอธิปไตยของจีน
กระทั่งนำไปสู่การที่ทางการจีนเรียกตัวเอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำกรุงปักกิ่งเข้าพบ เพื่อทักท้วงกรณีนายไฮโค มาส ให้นายโจชัว หว่องเข้าพบ ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยย้ำว่าเป็นการทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนกับเยอรมนี
เช่นเดียวกับกรณีที่ โจชัว หว่อง เดินทางไปสหรัฐแล้วดำเนินการเรียกร้อง ให้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐ สนับสนุนประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของชาวฮ่องกง ในช่วงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เพื่อนำไปสู่การจัดเลือกต้้งเสรี และการผ่านร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งโดยความหมายก็คือ การเรียกร้องให้สหรัฐร่วมสนับสนุน การเคลื่อนไหวของกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย และการปลดแอกความเป็นประเทศฮ่องกงจากสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือ เป็นเพียงเขตปกครองพิเศษของจีน
หลังจากรัฐบาลจีนใช้นโยบาย "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ตามกฎหมายพื้นฐานใช้ปกครองและบริหารฮ่องกง จากมติของสภาประชาชนจีนในการอนุมัติและประกาศ ให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี เป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 หรือวันที่รัฐบาลจีน ได้รับมอบฮ่องกงคืนจากรัฐบาลอังกฤษ เมื่อครบสัญญาเช่า 99 ปี ไปถึง 30 มิถุนายน 2590
ก่อนที่ ฮ่องกงจะเปลี่ยนไปปกครองแบบเมืองอื่น ๆ ของจีนในอนาคต และทำให้ทางการจีนออกมาตอบโต้ พร้อมกล่าวหาต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐ และอังกฤษ ว่ามีส่วนยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายในฮ่องกง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของปมขัดแย้งระหว่างจีนกับประเทศ ที่ถูกจับตาว่าสนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนมาจนถึงทุกวันนี้
@ลงรายละเอียดบางส่วนก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ ธนาธร เลือกจะทำร่วมกับ โจชัว หว่อง และ หรือ การพาดพิงไปวิพากษ์วิจารณ์ ลักษณะการปกครองของฮ่องกง ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
โดยเฉพาะถ้าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2559 เมื่อ โจชัว หว่อง ถูกระบุให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมบรรยายพิเศษ หัวข้อ "การเมืองของคนรุ่นใหม่" ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรากฎว่า โจชัว หว่อง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. กักตัวเพื่อส่งกลับไปยังฮ่องกง พร้อมข้อมูลในขณะนั้นว่าเป็นเพราะรัฐบาลจีน ส่งหนังสือขอความร่วมมือรัฐบาลไทย ในการงดเว้นให้ โจชัว หว่อง ได้เดินทางเข้ามาพูดในประเด็นที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน
แต่วันนี้ตรงกันข้าม ธนาธร ซึ่งสวมเสื้อเป็นนักการเมืองของไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยประกาศตัวจะเป็นนายกรัฐมนตรี กำลังในสิ่งที่อาจเป็นปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดได้ กับความรู้สึกของทางการจีน เนื่องจากมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ธนาธร ได้พูดตอนหนึ่งใน Open Future Forum
ระบุถึงขั้นว่าฮ่องกงคือแรงบันดาลใจให้พรรคอนาคตใหม่ เพราะในช่วงที่กำลังตัดสินใจจะทำงานการเมือง ได้มีการพูดคุยกันว่า จะทำเป็นขบวนการ หรือ พรรคการเมือง แต่สุดท้ายลงตัวที่การตั้งพรรคการเมือง เพราะเชื่อว่าประชาชนอาจไม่พร้อมกับการเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้ง หลังจากเกิดกรณีการชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2552-2553 และมีการออกปฏิบัติการของกองกำลังทหาร จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
@เน้นย้ำว่านี่คือคำพูดของ ธนาธร ที่ปรากฎในระหว่างการเข้าร่วมสัมมนา Open Future Forum ทีเกาะฮ่องกง ซึ่งชัดเจนว่าแนวคิดของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้คำพูดว่าการเคลื่อนไหวในฮ่องกง คือ แรงบันดาลใจของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งคงแปลความเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากต้องเฝ้าตากันต่อไปว่าวันหนึ่ง ประเทศไทยจะมีเส้นทางความรุนแรงเหมือนฮ่องกงหรือไม่ ในวันที่เรามีนักการเมืองอย่างคนชื่อ "ธนาธร" รวมถึงในโอกาสข้างหน้า การเคลื่อนไหวของ "ธนาธร" ต่อสถานการณ์การเมืองในฮ่องกง จะกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ ??
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-รายงานสถานการณ์ล่าสุด ณ เมืองฮ่องกง หลังคนไทยกลับบ้านไม่ได้ติดชุมนุมที่อาคารผู้โดยสาร
-13 คนไทยที่ติดค้างในฮ่องกง ล่าสุดเดินทางกลับถึงไทยแล้ว
-ม็อบฮ่องกงเดินหน้าประท้วงเดือดต่อเนื่อง
-วัฒนาโพสต์ภาพม็อบฮ่องกง ถามคนไทยพร้อมยัง