- 14 ธ.ค. 2562
ชูวิทย์ ซัด ธนาธร ไม่ต่างกับทักษิณ
วันนี้ (14 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ท้ายสุด...เจอกันที่ถนน ทุกครั้งที่การต่อสู้ในระบบรัฐสภาไม่ประสบความสำเร็จ นักการเมืองมักเลือกเอาวิธีอ้างประชาชน และมาประท้วงเรียกร้องที่ข้างถนน การต่อสู้ในระบบไม่ได้ง่ายอย่างตอนหาเสียงไว้ เพราะรัฐสภาเป็นสถานที่ที่นักการเมืองใช้ตกลงกันด้วยวิถีทางการเมือง เมื่อตกลงกันไม่ได้ มีอยู่ 2 ทาง คือ
“ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสินว่าเอาไง? หรือ “ลาออก” รวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ แต่นักการเมืองเมื่อสู้ในสภาไม่ได้ ก็มักเลือกไปสู้ที่ “ข้างถนน” แทน อ้างว่า ประชาชนเรียกร้องความยุติธรรม ในอดีต มีทั้ง นปช. กปปส. ที่ล้วนเคยเป็นนักการเมืองในสภา แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลือกใช้วิธี “ทางลัด”
เมื่อคุณธนาธร และพรรคอนาคตใหม่เรียกร้องให้ฐานเสียงปัญญาชนคนรุ่นใหม่ ที่ตื่นเต้นกับความคิดก้าวหน้าออกมาต่อสู้ แต่ท้ายสุด วิธีการของคุณธนาธรก็ไม่ได้แตกต่างกับคุณทักษิณ ที่ใช้ฐานเสียงของคนรากหญ้า ผ่านร่างทรง นปช. หรืออย่างคุณสุเทพ ฮีโร่ กปปส. ที่ปลุกเร้าปิดล้อมท้องถนน เรียกร้องให้ทหารออกมา จนระบบการเมืองแปรสภาพติดบ่วงจนถึงทุกวันนี้
กลุ่มฐานเสียงของคุณธนาธรนั้นเป็นคนรุ่นใหม่ หากคุณธนาธรเลือกวิธีข้างถนน แล้วอ้างเอาแค่ความยุติธรรมของตัวเองเรื่องหุ้นสื่อ หรือเงินกู้พรรค ที่ถูกบีบคั้นนั้น ผมเชื่อว่ายังห่างไกลกับการไป “เล่นการเมืองข้างถนน” มาก
หากจะให้ถึงขั้นเอาแบบ กปปส. ที่กล่อมคนมาเป่านกหวีด ปิดถนน เดินแห่ขอเงินบริจาค อย่างสุเทพนั้น ประเด็นมันต้องร้อนแรงต่อความรู้สึกของคนในสังคมมากกว่านี้ จะอ้างว่าพระเอกถูกกลั่นแกล้ง จึงขอมาสู้เคียงข้างประชาชน “แสดงพลัง” ข้างถนน
เรื่องอย่างนี้ยังไม่ขลังพอ แค่ได้แฟนคลับรุ่นใหม่ถ่าย “เซลฟี่” ประเดี๋ยวประด๋าว และแยกย้ายกันกลับบ้าน หาก จะใช้ลีลาแบบนักการเมืองรุ่นพี่ คงต้องรอ รัฐบาลพลาด “สะดุดขาตัวเอง” เสียก่อนอย่างนี้รอซำ้ได้เลย
นอกจากนี้ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึง การนัดชุมนุม "เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง” ในช่วงเย็นวันนี้ ว่าเป็นการกิจกรรมที่ชวนประชาชนทุกคนที่ไม่พอใจต่อ ระบอบ สืบทอดอำนาจของ คสช.มาแสดงพลังด้วยกัน เพราะทุกคนเป็นผู้ส่งเสียงในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นลักษณะ Flash Mob
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าการชุมนุมในวันนี้ จะเป็นการใช้สถานที่ที่ไม่เหมาะสมนั้นส่วนตัวยืนยันว่า บริเวณสกายวอล์คหน้าหอศิลป์เป็นจุดศูนย์กลางที่ประชาชนสามารถเดินทางมาอย่างสะดวก และการที่จัดกิจกรรมในวันนี้ ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศ แต่คนที่นำการเมืองมาถึงจุดนี้เองที่เป็นต้นตอของความขัดแย้งนั่นคือกลุ่มผู้ที่ยึดอำนาจ ตั้งแต่พ.ศ.2557 พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นเรื่องของอนาคตประชาชนทุกคน และอนาคตของประเทศ
เมื่อถามว่าการนัดชุมนุมในวันนี้มีความกังวลว่าจะเกิด เหตุขัดแย้งบานปลายเป็นความวุ่นวาย และจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ นายธนาธรตอบว่า พรรคได้กำชับส.ส. ให้ดูแล รวมถึงให้ประชาชนผู้มาร่วมชุมนุมช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้เกิดความวุ่นวายและอย่าหลงเชื่อ คนที่สร้างกระแสว่าการชุมนุมวันนี้ จะมีความรุนแรง เพราะ เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญการเผชิญหน้าของประชาชนนั้นเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ผู้มีอำนาจ กลับมายึดอำนาจอีกครั้ง
ส่วนเรื่องของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีเงินกู้ของพรรคนั้น นายธนาธรกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ปลายปากกาของผู้มีอำนาจ ยืนยันเดินหน้าต่อสู้เต็มที่ หลังจากที่ไม่ได้ทำงานในสภาก็มาต่อสู้ร่วมกับประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย แบบสมบูรณ์
สำหรับการพูดคุยเรื่องตั้งพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้นนายธนาธรบอกว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ให้ความสำคัญแต่ความสำคัญคือการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงการเมืองประเทศไทย ย้ำว่าพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ถูกยุบ แต่ยอมรับว่าเบื้องต้นได้มีการหารือเตรียมความพร้อมไว้บ้างแล้ว
นายธนาธรยังแสดงความคิดเห็นถึงเวทีต่อต้านคนชังชาติของนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่จัดขึ้นในวันนี้ว่า มองว่าเป็นการ สร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้น และเป็นการพยายามเอาอดีตมาฉุดรั้งอนาคต ย้ำว่าไม่สามารถเอาอดีตมาฉุดรั้งอนาคตได้อย่างแน่นอน