- 20 ธ.ค. 2562
ราชกิจจาฯ ออกประกาศเผยแพร่ คำพิพากษายกฟ้อง "ทักษิณ"
วันที่ 20 ธ.ค. 62 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ร่วมกันทุจริตการปล่อยกู้สินเชื่อ ธ.กรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มี นายทักษิณ ชินวัตร กับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ธนาคารกรุงไทยได้รับความเสียหายเป็นเงิน 10,054.46 ล้านบาท
โดยศาลยกฟ้องนายทักษิณ ซึ่งศาลฯวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดหรือไม่ องค์คณะเสียงข้างมาก เห็นว่าตามทางไต่สวนแม้จะได้ความจากนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ หนึ่งในห้าคณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อธนาคารกรุงไทยว่า นายชัยณรงค์ ได้รับโทรศัพท์จาก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหารธ.กรุงไทย 1 ใน 5 คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อธ.กรุงไทย จำเลยที่ 2 แจ้งว่าโครงการขออนุมัติสินเชื่อของบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด จำเลยที่ 19 (บริษัทในเครือกฤษดามหานคร) "ซุปเปอร์บอส" ตกลงแล้วอย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว ซึ่งมีลักษณะเป็นการสั่ง และคำว่า" ซุปเปอร์บอส" น่าจะหมายถึงนายทักษิณ จำเลยที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะเกิดเหตุ แต่พยานเห็นว่าที่ดินซึ่งจำเลยที่ 19 อ้างทำโครงการขนาดใหญ่พื้นที่จำนวนมากถึง 4,000 ไร่ น่าจะมีปัญหาในการรวบรวมที่ดินแต่ละแปลง ดังนั้นโครงการดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ และบริษัทโกลเด้นฯ จำเลยที่ 19 ก็ยังมีภาระสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่นอีกจำนวนมาก ไม่อยู่ในสถานะชำระหนี้ได้ พยานจึงได้โต้แย้งการอนุมัติสินเชื่อ แต่ในที่ประชุมไม่มีบันทึกการโต้แย้ง ถ้ามีการโต้แย้งจริงจะอนุมัติสินเชื่อให้ได้อย่างไร ซึ่งการอนุมัติคณะกรรมการต้องเห็นชอบทั้ง 5 คน
นอกจากนี้ นายชัยณรงค์ เคยให้ถ้อยคำต่อคตส. ว่า คำว่า" ซุปเปอร์บอส" หมายถึงจำเลยที่ 1 หรือคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาจำเลยที่ 1 อันเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกัน อีกทั้งการเบิกความเกี่ยวกับคำว่า "ซุปเปอร์บอส" หรือ" บิ๊กบอส" หมายถึงจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการคาดเดาไปตามความเข้าใจของนายชัยณรงค์เอง ซึ่งนายชัยณรงค์ไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1 เป็นการส่วนตัว เพียงแต่อ้างว่าจำเลยที่ 2 โทรศัพท์มาบอกว่า" ซุปเปอร์บอส" ตกลงแล้วอย่าถามข้อมูลมากนักและขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว จึงเป็นกรณีที่นายชัยณรงค์รับฟังมาจากจำเลยที่ 2 อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น ซุปเปอร์บอสจะเป็นผู้ใดคงมีเพียงจำเลยที่ 2 เท่านั้นที่จะยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ หรืออาจเป็นข้อกล่าวอ้างของจำเลยที่ 2 เองก็เป็นได้ พยานปากนายชัยณรงค์ซึ่งเป็นพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าว จึงควรรับฟังด้วยความระมัดระวัง
ส่วนพยานปากนายอุตตม สาวนายน 1 ใน 5 คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อธ.กรุงไทย ก็ได้ความเพียงว่าก่อนการประชุมนายชัยณรงค์ได้สอบถามที่หน้าห้องประชุมเพียงว่าจำเลยที่ 2 ได้โทรศัพท์มาถึงนายอุตตมหรือไม่ ซึ่งนายอุตตมตอบว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้โทรศัพท์มาหาตน การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้จำเลยที่ 19 ในส่วนของนายอุตตมจึงไม่ได้เกิดจากจำเลยที่ 2 โน้มน้าวให้อนุมัติ เพราะได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 สั่งการผ่านจำเลยที่ 2-4 ให้อนุมัติสินเชื่อดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และถอนหมายจับในคดีนี้