- 17 ก.พ. 2563
ถือเป็นบทความข่าวที่มีความสำคัญยิ่ง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะเหตุสืบเนื่องจากภาวะการเมือง เศรษฐกิจ มาถึงสถานการณ์ทางสังคม จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ก่อเกิดกับชาวโคราช จนนำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่สื่อมวล ที่ถูกเรียกขานว่าสุนัขเฝ้าบ้าน และการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสื่อในทุกมิติ
ถือเป็นบทความข่าวที่มีความสำคัญยิ่ง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะเหตุสืบเนื่องจากภาวะการเมือง เศรษฐกิจ มาถึงสถานการณ์ทางสังคม จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ก่อเกิดกับชาวโคราช จนนำมาซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่สื่อมวล ที่ถูกเรียกขานว่าสุนัขเฝ้าบ้าน และการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสื่อในทุกมิติ
ล่าสุด ฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เขียนบทความผ่าน คอลัมน์แสงเทียนกลางพายุ ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ มีใจความสำคัญ ว่า "จากรายการ live สด “ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง” ของ “คุณสนธิ ลิ้มทองกุล” เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา…หนึ่งในผู้ถูกพาดพิงจากการเล่าเรื่องครั้งนี้ของ “คุณสนธิ” คือ “ผม” จึงขอเล่าข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนร่วมกัน “คุณสนธิ ลิ้มทองกุล” หรือ “อาสนธิ” คือ เพื่อนรักของพ่อผม (คุณยุทธ ชินสุภัคกุล) ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนประจำที่อัสสัมชัญ ศรีราชา… นอกจากนั้น “อาสนธิ” ยังเคยได้ร่วมงานกับแม่ของผมตั้งแต่สมัยทำงานที่ PSA (พร สิทธิอำนวย)…
ซึ่งที่ผ่านมาแม่ผมได้ชื่นชม “อาสนธิ” อยู่บ่อยครั้งถึงวิสัยทัศน์และทักษะด้านการโน้มน้าวจิตใจคนผ่านการพูดจา…ผมได้พบกับ “อาสนธิ” ครั้งแรกที่ “บ้านพระอาทิตย์” หรือ ออฟฟิศของ ASTV ผู้จัดการ เมื่อต้นปี พศ. 2558 ด้วยการแนะนำของคุณยุทธ… หลังจากนั้นผมยังได้พบปะพูดคุย… แลกเปลี่ยนแนวคิดและรับการชี้แนะประสบการณ์จาก “อาสนธิ” อย่างสม่ำเสมอโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องการทำสื่อและเรื่องการท่องยุทธจักรบู๊ลิ้ม… แม้กระทั่งภายหลังช่วงที่ “อาสนธิ” ต้องโทษจำคุก ช่วงระหว่าง เดือน ก.ย.2559 ถึง เดือนก.ย.2562 … ผมก็ได้ไปเยี่ยมและพูดคุยเป็นครั้งคราวเสมอมา
จนล่าสุด… เมื่อ “อาสนธิ” ออกจากเรือนจำ… ผมก็ได้ไปเยี่ยมเยียนอีกครั้งด้วยความเคารพพร้อมคุณพ่อ…
การที่ “อาสนธิ” ออกมาพูดพาดพิงถึงผมและองค์กร… จากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและคลาดเคลื่อนจึงเป็นสิ่งที่ผมต้องขอเพิ่มเติมข้อเท็จจริงเพื่อทราบ…1. ผมดำรงตำแหน่ง “ประธานกรรมการบริหาร”… ของ “เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป” และ “เนชั่นทีวี“… ดังนั้นตามสายงานปฏิบัติ… ผมมิได้มีหน้าที่ยุ่งเกี่ยวใดๆโดยตรงกับกองบรรณาธิการของแต่ละสื่อ… ผมมีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย และควบคุมคุณภาพมาตรฐาน “อาหารทางความคิด” เพื่อสังคมส่วนรวม 2. “คม ชัด ลึก” คือ สื่อสิ่งพิมพ์รวมถึงออนไลน์ใน “เครือเนชั่นกรุ๊ป” ซึ่งยึดถือหลักอุดมการณ์ร่วมกันในการทำหน้าที่ดูแลปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ… ทะนุบำรุงศาสนา… และเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งด้วยแนวทางนี้…
เราจึงมีหน้าที่ตรวจสอบและนำเสนอข้อเท็จจริงทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะโดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด… เราไม่มีแนวคิดในการใช้สื่อเพื่อการรีดไถหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อใครคนหนึ่งหรือเพื่อทำลายล้างคู่แข่ง…3. เกี่ยวกับเรื่องการพบปะพูดคุยกับ “ผบ.ตร. จักรทิพย์ ชัยจินดา” หรือ “พี่แป๊ะ”… ผมได้รับการร้องขอเพื่อชี้แจงข้อมูลจาก “พี่แป๊ะ” ผ่านการบอกกล่าวจากภรรยา “คุณวทันยา วงษ์โอภาสี” ซึ่งรู้จักกับ “พี่แป๊ะ” เดิมอยู่แล้ว… และเสมือนคนอื่นๆ หน้าที่ของผมคือการรับผิดชอบและเปิดโอกาสในการสื่อสาร…และประสานข้อมูลทุกด้านให้กองบรรณาธิการรับทราบเพื่อสื่อสารสาระประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป…4.ด้านสถานะการเงินขององค์กรในเครือเนชั่น…
ผมขอเรียนว่าเราได้แก้ไขปัญหาหนี้สินกว่า 3.8 พันล้านจนเกือบหมด เหลือเพียงหนี้สินหมุนเวียนทั่วไป… ด้านผลประกอบการและความนิยมของช่องเนชั่น…เราไม่ได้ขาดทุนอย่างที่กล่าว… เรามีกำไรสุทธิกว่า 432 ล้านบาท และมีรายได้เติบโตขึ้นเกือบ 100%... อีกทั้งเราได้พัฒนาเรทติ้งกว่า 3 เท่า (จาก 65,000 ไปที่ 180,000 เฉลี่ยผู้ชมต่อนาที)
ในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาและได้ตอกย้ำความเป็นช่องข่าวอันดับ 1 ของประเทศ…ด้านผลตอบแทนต่อพนักงานล่าสุด เราได้จ่ายโบนัสประจำปีให้พนักงานที่ร่วมทุ่มเทแรงกายแรงใจกันมาทุกท่าน… ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ล่าสุดเราได้ร่วมกับมูลนิธิศรีธรรมราชา… ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์... เจ้าคณะสงฆ์ภาคใต้... ในการร่วมระดมทุน สร้างตึกสงฆ์อาพาธที่จังหวัดนครศรีธรรมราช... จำนวนกว่า 90 เตียง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท และจะเป็นตึกสงฆ์อาพาธที่รองรับพระภิกษุได้มากที่สุดในภาคใต้
โดยส่วนตัว ผมมีความเคารพ “อาสนธิ” เสมอมาในฐานะเพื่อนรักของพ่อ และในฐานะผู้อาวุโสในแวดวงสื่อสารมวลชนผมยังจำได้ดีถึงวันที่ “อาสนธิ” อุ้มลูกผมทั้งสองของผมด้วยความเมตตา…แม้ในอดีตผมเคยลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งอาจเคยหวือหวาไปบ้าง แต่ก็ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย… และปัจจุบันผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิต เลิกเล่นหุ้นไปแล้วอย่างเด็ดขาด…
ในฐานะของผู้ด้อยประสบการณ์กว่า… การเรียนรู้ศึกษาประสบการณ์จากรุ่นพี่ในวงการสื่อ… ทั้งดีและร้ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในพัฒนาให้องค์กรได้เรียนทางลัดและได้สร้างสรรค์คุณธรรมสูงสุดเพื่อส่วนรวมด้วยข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้ จากการที่ “อาสนธิ” พูดเรื่องการรบ… การต่อสู้… ผมขอเรียนว่าองค์กรเรามีหน้าที่รบกับศัตรูของประเทศชาติบ้านเมืองเพียงเท่านั้น… และจะไม่มีคำว่าสงครามสื่อ
ด้วยจิตคารวะ